Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1239

ตอนที่ 1239

บทที่ 1239 ฟ้ากับเหว

ลู่เซิ่นยืนอยู่ด้านหลัง มองดูการแสดงออกที่แตกต่างกันของคนทั้งสี่ ที่อยู่ตรงหน้าเขา

ทุกคนในห้องโถงต่างมีความคิดของตัวเอง ดังนั้นจึงแปลกเล็กน้อย เมื่อในห้องเงียบไปสักพัก

ในที่สุดคำพูดของแม่บ้านก็ทำลายความเงียบ

“อาหารเย็นพร้อมแล้ว เชิญไปทานมื้อค่ำที่ห้องอาหารค่ะ”

สุดท้ายห้องโถงอันเงียบสงบ ก็มีเสียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทั้งห้าคนเดินไปที่ห้องกินข้าวอย่างเงียบๆ

หลังทานอาหารเสร็จ สูหยิงก็เดินตามลู่เซิ่นที่เดินกลับไปห้องหนังสืออย่างโกรธๆ

“ผู้หญิงคนที่สองคนนี้ดูไม่น่าไว้วางใจ!” สูหยิงพูดทันที โดยไม่สามารถรอให้ประตูห้องหนังสือปิดลงก่อนได้

ลู่เซิ่นยิ้มเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้“แม่….”

สูหยิงหันหน้ามา และจ้องไปที่เขา “ดูซิ แต่ละคนที่หามานี่อะไรกัน ไม่ให้แม่สบายใจบ้างเลย”

ลู่เซิ่นมองไปที่ใบหน้าที่เป็นห่วงของเธอ และลังเล แต่ก็ยังไม่บอกความจริง

สูหยิงไม่ใช่ลู่เหวย ถ้าเธอรู้ว่าต่อหน้าเขาสัญญาว่าจะแยกจากฉินซี แต่ลับหลังเขากลับไม่ได้ทำแบบนั้น เขาก็กลัวว่าเธอจะไม่ปล่อยผ่าน

เขาจึงกระแอมในลำคอ กลืนคำพูดกลับไป แล้วยิ้ม “แม่ ผมไม่ได้จะแต่งงานกับเธอจริงๆซะหน่อย อย่าพูดแบบนี้สิ”

สูหยิงยังคงจ้องมองเขา “ยังมาพูดอีก ไปจดทะเบียนกับเขาแล้วนี่นะ ก่อนจะแต่งงานได้เขียนสัญญาหรือยัง ไหนเอามาให้แม่ดู เดี๋ยวถ้าถึงเวลาเกิดอะไรขึ้นมา จะร้องไห้ก็สายไปแล้ว”

ลู่เซิ่นเลิ่กลั่ก “เขียนแล้วแน่นอน แต่สัญญาไม่ได้อยู่ที่นี่ ไว้มีโอกาสแล้วผมเอาให้ดูนะ”

เขาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับเวินจิ้งตั้งแต่แรก แล้วจะมีสัญญาก่อนแต่งงานได้ยังไง

สูหยิงเชื่อเพียงครึ่งเดียว และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกลู่เซิ่นขัดจังหวะเสียก่อน

“แม่” ลู่เซิ่นดูจริงจังมาก “ผมต้องการความช่วยเหลือจากแม่ในการประชุมพรุ่งนี้”

เมื่อพูดถึงเรื่องธุรกิจ สูหยิงก็เริ่มจริงจังขึ้นมา เธอหันไปมองลู่เซิ่น “ลูกต้องการให้แม่ทำอะไร”

ลู่เซิ่นยิ้มอ่อนๆ “ผมต้องการให้แม่แสดงความไม่พอใจกับการแต่งงานของผม”

สูหยิงยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นแม่ไม่จำเป็นต้องแสดงอะไรเลย แม่แค่แสดงความคิดที่แท้จริงออกมา”

ลู่เซิ่นยกยิ้ม

หลังจากพูดกับสูหยิงไม่กี่คำ เธอก็ออกจากห้องหนังสือไป

บ้านตระกูลลู่ยังมีห้องหนังสือที่ลู่เซิ่นใช้ ซึ่งไม่แตกต่างจากในรีสอร์ทชิงหยวนมากนัก

ดังนั้นลู่เซิ่นจึงมองไปที่ตำแหน่งเดียวกัน ซึ่งที่ตรงนั้นต้องห้อยภาพที่ถ่ายโดยฉินซีไว้อย่างเหม่อลอย

ฉินซีถ้าผมทำแบบนี้ จะทำให้คุณปรากฏตัวได้ไหม

ตราบใดที่คุณสามารถปรากฏตัวต่อหน้าผมได้ แค่สักวินาที ผมก็จะหาวิธีที่จะให้คุณอยู่เคียงข้างผมตลอดไป

การประชุมในวันรุ่งขึ้นจัดได้อย่างตรงเวลา

ผู้นำระดับสูงของตระกูลลู่มารวมตัวกัน และดูเหมือนจะสนใจการแต่งงานของลู่เซิ่นเป็นอย่างมาก กลุ่มคนใน เมืองหนาน ที่มักจะไม่ปรากฏตัวก็อยู่ในงานด้วยทั้งหมด

ดังนั้นเมื่อลู่เซิ่นผลักประตูเข้าไป สิ่งที่เขาเห็นคือห้องประชุมที่มีคนนั่งเต็มไปหมด

เขาเลิกคิ้วด้วยความสนใจ แต่ไม่พูดอะไรมาก และเดินตรงไปที่ที่นั่งของเขา และนั่งลง

ไม่นานก็ถึงเวลาเริ่มการประชุม

ลู่เซิ่นเปิดไมโครโฟน “อรุณสวัสดิ์ทุกคน ผมคิดว่าทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่า จุดประสงค์ของการพบกันครั้งนี้คือ การประกาศอย่างเป็นทางการว่าผมแต่งงานแล้ว”

แน่นอนว่าผู้เข้าร่วมงานทั้งหมดได้เห็นข่าวในสื่อเมื่อวานนี้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่แปลกใจมาก เมื่อได้ยินลู่เซิ่นพูด แต่มีเพียงไม่กี่คนที่มองไปที่ลู่เซิ่นด้วยความสนใจ และรอคำพูดต่อไปของเขา

ลู่เซิ่นมองไปรอบๆ และเห็นว่าการแสดงออกของทุกคนยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง จึงพูดต่อ “การแต่งงานของผมเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับพัฒนาการของตระกูลลู่ ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะจัดการประชุมขึ้น มิฉะนั้นเรื่องแต่งงานของผมคงจะกลายเป็นเรื่องส่วนตัว”

ความหมายของเขาแสดงออกอย่างชัดเจน

หากไม่ใช่เพราะผู้ถือหุ้นของบริษัทลู่ซื่อต้องการให้เขาแต่งงานทุกวัน เขาคงไม่คิดที่จะอธิบายเรื่องการแต่งงานของเขา

นี่ไม่ใช่คำพูดที่น่าฟัง ดังนั้นใบหน้าของผู้ถือหุ้นรุ่นเก่าจึงดูบูดบึ้งขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเห็นแก่หน้าของลู่เหวย และสูหยิงซึ่งอยู่ในงานด้วย พวกเขาจึงไม่ได้เผชิญหน้ากันจังๆ

ลู่เซิ่นไม่สนใจใบหน้าของพวกเขาที่เปลี่ยนไป เขายังคงพูดต่อไป “ผมได้กล่าวไปแล้วในแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่าภรรยาของผมไม่ใช่ทุกคนที่อยู่ในหนังสือพิมพ์ตลอดระยะเวลาหลายวันมานี้ เธอไม่เคยปรากฏตัวต่อสายตาของสื่อด้วยซ้ำ แต่ในฐานะสามีของเธอ ผมเคารพความต้องการของเธอ และจะไม่ประกาศชีวิต และตัวตนของเธอในขณะนี้”

เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ผู้ฟังต่างก็ตกใจ

พวกเขาคิดว่าลู่เซิ่นไม่ต้องการเปิดเผยความเป็นส่วนตัวมากเกินไปต่อหน้าสื่อมวลชน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กล่าวถึงข้อมูลเฉพาะของภรรยาของเขา ไม่คาดคิดว่าแม้จะอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่พูดอะไร

“ประธานลู่” ท่ามกลางซุบซิบ สูหยิงก็กล่าวว่า “ในฐานะบริษัทจดทะเบียน คุณเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด และเป็นประธานกรรมบริหาร สถานะการสมรสของคุณจะส่งผลต่อพัฒนาการของบริษัทลู่ซื่ออย่างมาก ดังนั้น… เมื่อคุณเลือกที่จะแต่งงานแล้ว ถ้าไม่ลำบากเกินไปก็ควรจะพูดออกมาบ้าง”

ทันทีที่เธอพูดจบ ผู้ฟังก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

คนที่อายุน้อยในบริษัทลู่ซื่อต่างไม่คุ้นเคยกับสูหยิง แต่คนเก่าแก่ต่างคุ้นเคยกับสไตล์ของสูหยิงเป็นอย่างดี เธอเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง ถ้าเจอเรื่องไม่พอใจ เธอก็พร้อมที่จะพูดทันทีโดยไม่ไว้หน้า

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของผู้ถือหุ้นรุ่นเก่าสองสามคนก็ดูเบาบางใจขึ้นเล็กน้อย พวกเขามองไปที่ลู่เซิ่น และสูหยิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า และความคิดมากมายก็แวบเข้ามาในใจ

สูหยิงเปิดประเด็นกับลู่เซิ่นอย่างเปิดเผย หมายความว่าเธอไม่พอใจกับคู่แต่งงานของลู่เซิ่นใช่หรือไม่

ถ้าเป็นเช่นนั้น ลู่เซิ่นจะแต่งงานโดยเลี่ยงสูหยิงได้หรือ

แต่ …ทุกคนต่างก็รู้ว่าหุ้นในมือของลู่เซิ่นได้มาอย่างไร

แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทลู่ซื่อจากภายนอก แต่จริงๆแล้วมีเพียงสามสิบเปอร์เซ็นจากหุ้นทั้งหมดของเขาห้าสิบสองเปอร์เซ็นเท่านั้นที่เป็นของเขาเอง ซึ่งเขาได้รับมาจากปู่ของเขา เมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่

อีกยี่สิบสองเปอร์เซ็นที่เหลือเป็นหุ้นของสูหยิง และลู่เหวย

พวกเขาเลื่อนลู่เซิ่นขึ้นสู่ตำแหน่งประธาน และพวกเขาก็ออกจากธุรกิจของบริษัทลู่ซื่อ นอกจากจะไม่ดำรงตำแหน่งภายในของบริษัทลู่แล้ว พวกเขายังมอบความไว้วางใจให้กับตัวแทนอย่างลู่เซิ่นอีกด้วย

แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นพ่อแม่ลูกกัน แต่หุ้นนี้ยังถือว่าเป็นการไว้วางใจกันเท่านั้น หากมีความขัดแย้งระหว่างลู่เซิ่น และทั้งสองคน ก็ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าสูหยิงจะไม่เอาหุ้นยี่สิบสองเปอร์เซ็นคืน

ด้วยเหตุนี้… ถ้าลู่เซิ่นมีหุ้นเพียงสามสิบเปอร์เซ็นของตัวเอง แม้ว่าเขาจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ บริษัท แต่เขาก็จะสูญเสียอำนาจที่แท้จริง

เพราะเขาไม่สามารถใช้ความคิดเห็นของคนๆเดียวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ท่วมท้นเหมือนเมื่อก่อนได้อีกต่อไป

ท้ายที่สุดแม้ว่าเขาจะเห็นด้วย แต่ด้วยคะแนนแบบเดิมเกินครึ่งคือห้าสิบสองเปอร์เซ็น กับคะแนนสามสิบเปอร์เซ็นซึ่งเป็นหนึ่งในสาม เมื่อเทียบกันแล้วก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท