Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1248

ตอนที่ 1248

บทที่ 1248 จลาจล

“หากออกไป……ระวังตัวด้วย” เหยาจ้าวไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ หยุดเพียงแค่นี้

ฉินซีพยักหน้าตอบกลับ

เธอรู้อยู่คุณใจดี

ออกไปครั้งนี้จ้านเซินมีแผนอะไร เธอยังมองเห็นไม่ชัดเจน จึงทำได้เพียงระมัดระวัง ค่อยวางแผนในตอนที่ถึงแล้ว

เธอทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีข้ออ้างที่จะอยู่ต่อ หลังจากพยักหน้าให้เหยาจ้าว เลยลุกขึ้นและออกจากโรงอาหารไป

……

พิธีแต่งงานนับถอยหลังเหลืออีกหนึ่งวัน

บ้านตระกูลลู่ตกอยู่ในความวุ่นวาย คนของบริษัทจัดงานแต่งงานเริ่มตกแต่งบ้านตระกูลลู่ตั้งแต่เมื่อวันแล้ว ตั้งเวทีเสร็จก่อนแต่เช้า แบ่งสถานที่จัดงาน และเริ่มสร้างกรอบตามแผนการที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้

ตั้งแต่เช้าตรู่วันนี้ดอกไม้ถูกนำไปใส่กรอบตามแผนก่อน ดอกไม้ถูกขนส่งมาทางอากาศจากต่างประเทศในชั่วคืน ทั้งบ้านเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้

หลินยี่ซึ่งถูกรบกวนจากกิจกรรมการก่อสร้างตั้งแต่เช้าตรู่กล่าวอย่างรุนแรงว่า “สิ่งที่ฉันถามไม่ใช่กลิ่นหอมของดอกไม้ แต่เป็นกลิ่นของเงิน ”

ลู่เซิ่นที่นั่งทานข้าวอยู่ฝั่งตรงข้างของเขาแต่กลับไม่มีคำพูดอะไรที่เกี่ยวกับคำพูดของเขาเลย

ใบหน้าของเขาเกือบจะมืดมน และแม้แต่คนรับใช้ที่ยืนอยู่ไกลๆก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

“เฮ้ พรุ่งนี้เป็นวันแห่งความสุขของคุณนะ” หลินยี่กระพริบตาถี่ๆ “จะทำหน้ามืดมนอะไรอย่างนั้น?”

ลู่เซิ่นเงยหน้าขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ สำหรับเวินจิ้งซึ่งนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของหลินยี่เงยคางขึ้น “คุณคิดว่าเธอเหมือนคนที่กำลังจะแต่งงานเหรอ”

เวินจิ้งได้ยินชื่อของคชตนเอง และเงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคน ยิ้มอย่างสุภาพและกินของตนเองต่อไป

หลินยี่ยักไหล่ “เอาล่ะ ”

นอกเหนือจากลู่เหวยและตัวของลู่เซิ่นเอง รู้ว่าความหมายที่แท้จริงของงานแต่งงานครั้งนี้ ก็มีเพียงแค่สองคนนี้แหละ

ดังนั้น……ไม่ใช่ว่าหลินยี่ไม่เข้าใจอารมณ์ของลู่เซิ่นในขณะนี้

พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงาน ถ้าฉินซีไม่ปรากฏ ถ้างั้น……งานแต่งงานครั้งนี้ ในความเป็นจริงมันจะสูญเสียความหมายที่สำคัญที่สุดสำหรับลู่เซิ่น

แต่มาถึงตอนนี้ ยังไม่มีข่าวที่เกี่ยวกับฉินซีเลยสักนิด แม้แต่ลู่เซิ่น ก็กังวลซึ่งเป็นเรื่องปกติ

ลู่เหวยและสูหยิงเคยกินไปแล้ว ไม่รู้ว่าลู่โยวโยวหายไปไหน เดิมทีก็มีแค่พวกเขาที่อยู่ในร้านอาหาร หลังจากลู่เหวยหยุดพูด ร้านอาหารก็สงบลงทันที

แต่ความสงบนี้คงอยู่ไม่นาน เมื่อลู่เซิ่นกินเกือบเสร็จ หลินหยังก็เคาะประตูเข้ามา

เขาพยักหน้าอย่างสุภาพไปทางที่หลินยี่และเวินจิ้งเป็นการทักทาย จากนั้นก็เดินไปที่ด้านข้างของลู่เซิ่นอย่างรวดเร็ว และเอนตัวไปกระซิบข้างหูของเขา

ร่องรอยของการดูถูกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลู่เซิ่น พยักหน้าเบาๆ วางตะเกียบในมือลง และยืนขึ้น

แท้จริงแล้วหลินยี่อยากจะล้อเล่น แต่ดูเหมือนเขากำลังมีธุระอยู่ เลยเอาคำที่กำลังจะพูด “ก่อนวันที่แต่งานยังทำงานอยู่เลย ช่างเหนื่อยจริงๆน่ะ” กลืนลงไป

ประตูร้านอาหารถูกปิดอีกครั้งหลังจากที่ลู่เซิ่นเดินออกไป หลินยี่เก็บอาการความขี้เล่นบนใบหน้าของเขา หันหน้าไปมองเวินจิ้ง ใช่เวลานานมากถึงจะพูด “ลำบากใจคูณแล้ว ”

เวินจิ้งช้อนเซรามิกในมือลงก็ไม่มีเสียงดังขึ้นแต่อย่างไร และหันหน้าไปมองพี่ชายของตนเอง ยิ้มพร้อมกับเลิกคิ้ว “พี่ชาย ฉันไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ”

หลินยี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ถึงอย่างไรคูณ……”

แต่ตอนท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้พูดมันออกมา ด้วยประการฉะนี้นี้แล้ว เวินจิ้งในสายตาของคนอื่น แม้ว่าจะแต่งงานแล้ว

ถ้าในอนาคตเวินจิ้งเจอคนที่ตนเองรักจริงๆ……

เวินจิ้งเหมือนจะมองคำพูดของเขาออกและหยุด ส่ายหัวแล้วพูดว่า “พี่ชาย ก่อนหน้านี้ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ?”ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีความรักและไม่แต่งงานอีกต่อไป คุณลู่แบบนี้……สามารถพูดได้ว่าเป็นโล่ให้กับฉัน พวกเราเป็นประโยชน์ร่วมกัน

หลินยี่เงยหน้าขึ้นมองเวินจิ้ง ใบหน้าของเธอสงบมาก จนผู้คนมองไม่ออกว่าเธอพูดแบบนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นการปลอบใจตนเอง หรือคิดอย่างนั้นจริงๆ

แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้ จะพูดอะไรไปมันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ทำได้เพียงหน้าด้านแล้วเดินต่อไป

……

ลู่เซิ่นในอีกด้านหนึ่ง ได้เดินออกจากบ้านตระกูลลู่ไปแล้ว และไปนั่งรถของตระกูลลู่

หลินหยังนั่งอยู่แถวหน้า และสรุปสั้นๆว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้

“อารองและอาสามได้จำนองบ้านหลังเก่าในเมืองเมืองหนานไปแล้ว” สายตาของหลินหยังคืออดทนไม่ได้และไม่พอใจมาก ได้ไปเอาเงินหลายร้อยล้านจากธนาคารออกมา วางแผนจะใช้ประโยชน์จากงานแต่งงานที่วุ่นวายของคุณในช่วงสองสามวันนี้ ซื้อหุ้นครั้งใหญ่

ท่าทางของลู่เซิ่นดูปกติกว่าหลินหยัง เพียงแค่พยักหน้า โดยไม่พูดอะไรมาก

บ้านตระกูลลู่ในเมืองหนานพูดตามกฎหมายล่ะก็ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอารองและอาสามเลยสักนิด พวกเขาไม่มีหลักฐานอะไรเลย

แต่เหตุใด ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงสามารถกู้เงินได้สำเร็จ ?

ธนาคารไม่ได้โง่ ไม่ใช่แค่หลอกๆแล้วเรื่องมันจะผ่านไป

พวกเขาดูดีแล้ว แต่อารองและอาสาม ซึ่งมี นามสกุล “ลู่” ดังนั้นเขาจึงให้เงินมาอย่างไม่ลังเล

แต่……

ลู่เซิ่นหัวเราะในใจ

หลังจากวันนี้ “ลู่ ” ของพวกเขา ยังคงเป็นลู่ ของตระกูลลู่หรือไม่ ก็อาจไม่แน่นอน

หลังจากนั้นไม่นานรถก็มาถึงบริษัทลู่ซื่อ ลู่เซิ่นไม่ได้เดินเข้าจากทางประตูหน้า แต่ตรงไปที่สำนักงานของตนเองจากลิฟต์

เนื่องจากอารองและอาสามต้องการพบเขาที่ยุ่งอยู่กับงานแต่งงานและไม่มีเวลาคิดฟุ้งซ่าน เช่นนั้นลู่เซิ่นก็ไม่รังเกียจที่จะแสดงร่วมกับพวกเขา

เขาและหลินหยังต่างคนต่างเดินเข้าไปในห้องทำงานของตนเอง ลู่เหวยและสูหยิง รออยู่ข้างไหนแล้ว

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสองคนรู้แล้ว

“เงินของพวกเขาอยู่ในมือแล้ว ” ใบหน้าของสูหยิงดูเคร่งขรึมเล็กน้อย “ตอนนี้จะทำอย่างไรดี? ”

“เกรงว่าตอนนี้พวกเขา เตรียมพร้อมที่จะซื้อแล้ว “น้ำเสียงของลู่เซิ่นผ่อนคลายกว่าเธอมากเลย ” ในช่วงไม่กี่วันนี้ พวกเขากำลังติดต่อกับสถาบันการลงทุนหลายแห่ง โดยขอให้พวกเขาไปทันทีที่ตลาดหุ้นเปิด จากนั้นซื้อที่จุดต่ำสุดเพื่อซื้อหุ้นของบริษัทลู่ซื่อ หากแผนของพวกเขาเป็นไปได้ด้วยดี หลังจากปิดตลาดวันนี้ จำนวนหุ้นในมือของพวกเขาสามารถเข้าถึงมูลค่าที่พวกเขาคาดหวังไว้ได้คือคุ้มแล้ว ”

เมื่อสูหยิงได้ฟัง คิ้วของเธอก็ขมวดแน่นขึ้น

หากทั้งสองคนซื้อหุ้นจำนวนมากขนาดจริงๆแม้ว่าหุ้นห้าสิบสองเปอร์เซ็นต์ของลู่เซิ่นจะไม่เคลื่อนไหว แต่ยังต้องถูกตรวจสอบและถ่วงดุล

“นั่น…” เธออดไม่ได้ที่จะพูด “งั้นก็รีบหยุดพวกมันเดี๋ยวนี้! ”

“ไม่ต้องรีบ” ลู่เซิ่นส่ายหัว “ยังไม่ถึงเวลา”

มุมปากของสูหยิงกระชับแน่น “ยังไม่ถึงเวลา หรือว่าต้องรอหุ้นไปถึงมึงของเขาถึงจะได้เหรอ ? ”

ลู่เซิ่นยิ้มจางๆ “แม่เจ้า ในตลาดรอง ใครก็ตามที่เสนอราคาสูงกว่าสามารถซื้อได้ ไม่มีกฎว่ามีเพียงอารองและอาสามเท่านั้นที่สามารถซื้อได้ ”

สูหยิงตะลึงไปสองวินาทีจากนั้นก็เลิกคิ้วและเงยหน้าขึ้นมอง “คุณคิดดู…… ”

ลู่เซิ่นพยักหน้าเฉยๆ “แม่เจ้า สำหรับฉันมีหุ้นในมือมากขึ้น ไม่เห็นเป็นเรื่องเลวร้ายอะไรเลย? ”

ท่าทางของสูหยิงหยุดนิ่งไปสักพัก ก่อนที่จะยิ้มออกมาเบาๆ “ใช่ ลู่เซิ่น สมควรแล้วที่เป็นลูกผู้ชาย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท