Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1251

ตอนที่ 1251

บทที่ 1251 ผีหลงสติปัญญาชั่วคราว

“ทำไมหรือ” อาสามตอบอย่างแปลกใจ “หุ้นของบริษัทลู่ซื่อก็สามารถเรียกได้ว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า คราวนี้ราคาดิ่งลงกะทันหัน จะต้องมีคนหวั่นไหว นี่ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ”

เสียงของคนฝั่งนั้นยิ่งพูดก็ยิ่งเย็นยะเยือก “ก่อนหน้านี้พวกเราได้เกริ่นไปล่วงหน้าแล้ว บริษัทที่มีเงินทุนก้อนโตที่สามารถใช้สอยได้ภายในระยะเวลาสั้นขนาดนี้ ล้วนสัญญากับพวกเราหมดแล้วว่า จะไม่เข้ามายุ่งในตลาดหุ้นนี้ง่ายๆ

สีหน้าอาสามแข็งทื่อ

เขาไม่รู้สึกแปลกใจอะไรที่ระหว่างแต่ละบริษัทมีข้อตกลงและการนัดหมายแบบนี้ สิ่งที่เขากังวลทั้งหมดนั้นมีเพียงแค่เรื่องเดียว………

ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามลงทุนลงแรงรับประกันว่าการค้าในครั้งนี้จะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ ถ้าหากว่าการค้านี้ไม่สำเร็จล่ะก็ แบบนี้เกรงว่าค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเปิดช่องทางทั้งหมดจะต้องมานับเอากับเขาแล้ว

ตอนนั้นตัวเอง……มีวิธีการในการจ่ายชดเชยเยอะขนาดนั้นไหมนะ

มือของอาสามชื้นเหงื่อเล็กน้อย แต่ว่ายังคงรักษาความสงบนิ่งของตัวเองเอาอย่างสุดความสามารถ สายตาของเขาเบนกลับมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง หลังจากนั้นสองสามวินาทีถึงจะตอบคำถาม “ฝ่ายตรงข้ามโยนเงินเข้ามาสองร้อยล้าน……ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร การโยนเงินทุนก้อนใหญ่เข้ามาภายในระยะเวลาอันสั้นแบบนี้ จะต้องเดินต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเรารออีกสักหน่อย รอจนฝ่ายตรงข้ามเงียบก่อน ค่อยดำเนินการต่อไป”

ตอนนี้ทางบริษัทนั้นกับอาสามได้เป็นตั๊กแตนที่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกันแล้ว ตอนนี้พวกเขาล้วนรู้สึกเสียใจในภายหลังต่อการกระทำที่ตกลงอย่างง่ายดายของตัวเองในแผนการของเขา เพียงแต่จำนวนเงินที่ลงทุนในช่วงแรกเยอะมากขนาดนี้ มาถอยกรูดในตอนนี้ เงินทั้งหมดก่อนหน้านี้จะไม่เป็นการเสียเปล่าโดยไม่ได้ผลลัพธ์ใดๆหรอกหรือ

ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ฝืนตอบรับข้อเสนอที่อาสามเอ่ยขึ้นมา

เมื่อวางสายโทรศัพท์แล้ว สีหน้าของอาสามก็ซีดขาวอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด

ภายในระยะเวลามากมายขนาดนี้ มีการเตรียมเงินทุนมากมายได้พร้อมสรรพแบบนี้ และยังคำนวณเวลาเข้าตลาดหุ้นได้อย่างแม่นยำ

ภายใต้เงื่อนไขมากมายที่สุมทับเข้าด้วยกัน ที่จริงแล้วในใจของเขาคาดเดาว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใครได้อย่างเลือนราง

แต่ว่าเขาไม่กล้าพูดถึงการคาดเดาแบบนี้ของตัวเองออกมา มิเช่นนั้น……..ถ้าเกิดว่ากลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา

เขาควรจะทำอย่างไร

อาสามทำได้เพียงแค่กัดฟันหลอกตัวเอง หวังว่าจะมีความหวังเส้นบางๆอยู่

ถ้าหากว่าไม่ใช่เขาล่ะ………

ขอเพียงแค่ไม่ใช่เขาก็พอแล้ว………

เขาขบกรามแน่น ดวงตาคู่หนึ่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เขม็ง

ในที่สุด หลังจากที่มีการซื้อหุ้นของเงินทุนจำนวนมากเป็นเวลาสิบนาทีแล้ว ก็มีแนวโน้มที่ค่อยๆอ่อนตัวลง และเมื่อผ่านไปอีกไม่กี่นาที ก็หยุดนิ่งในที่สุด

อาสามแอบถอนหายใจเงียบๆ

ปล่อยมือง่ายๆขนาดนี้ ดูท่าจะไม่ใช่เขา

เขาจึงเบาใจได้นิดหน่อย พลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายออกไปอีกครั้ง

“ฉันเอง” เสียงของอาสามแฝงไปด้วยการปลอบประโลมคน “ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามหยุดเข้าตลาดหุ้นแล้ว พวกเราสามารถดำเนินการต่อไปได้”

“ได้” ฝ่ายตรงข้ามรับคำตรงไปตรงมา

อาสามวางสายโทรศัพท์ มองการเปลี่ยนแปลงของเส้นกราฟบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยสายตาลุ่มลึก

…….

ในเวลาเดียวกัน ณ ห้องทำงานบริษัทลู่ซื่อ

สายตาของลู่เซิ่นก็จ้องเขม็งอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เช่นกัน

“ประธานลู่…….” หลินหยังมือหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือ หันหน้ามองไปที่ลู่เซิ่น “กลุ่มเงินทุนของฝ่ายตรงข้ามหยุดซื้อแล้วครับ”

ลู่เซิ่นพยักหน้าเรียบๆ “เห็นแล้วล่ะ”

เส้นโค้งหักบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เหมือนกับจะยืนยันคำพูดของเขา แนวโน้มการพุ่งสูงนั้นหยุดทันที เหมือนกับตอนที่ราคาเปิด จู่ๆก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน

มุมปากลู่เซิ่นประดับไปด้วยรอยยิ้มจางๆ เคาะโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ มองเส้นโค้งที่มีลักษณะดิ่งลงอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ในตอนที่เส้นโค้งหักเส้นนี้ใกล้จะแตะถึงเส้นสัญญาที่จะหยุดการเทรดหุ้นหลังจากที่ตกลงมาอย่างหนักนั้น เขาถึงได้โบกมือไปทางหลินหยัง

ไม่จำเป็นต้องพูดมาก หลินหยังพยักหน้ารับทราบ เอ่ยสั่งกับอีกฝั่งที่อยู่ในสายโทรศัพท์ว่า “สามารถเข้าตลาดหุ้นได้แล้ว”

เกือบจะเป็นวินาทีถัดไป เส้นโค้งหักเส้นนั้นก็หยุดดิ่งลง และมีแนวโน้มไต่ระดับสูงขึ้นไปอย่างหยุดไม่อยู่

เหมือนกับก่อนหน้านี้ ที่พุ่งสูงขึ้นไปอย่างช้าๆ

ลู่เซิ่นเกือบจะสามารถจินตนาการถึง ท่าทางและสีหน้าของอาสามในตอนนี้ได้ว่าเป็นอย่างไร

แต่จินตนาการแบบนี้กลับทำให้จิตใจของเขามีความสุขอยู่บ้าง

เวลาสองชั่วโมงเต็มๆ ลู่เซิ่นปฏิบัติต่ออาสาม เหมือนกับจับกุมเหยื่อของตัวเองได้แล้ว กลับไม่รีบร้อนที่จะกินมัน แต่ต้องการเล่นกับมันให้พอก่อน ดูท่าทางการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของเหยื่อ ถึงจะรู้สึกว่าน่าสนใจ

ทุกครั้งที่เห็นว่าหุ้นใกล้จะหยุดนิ่ง ค่อยลงมือซื้ออีกหน่อย รอให้เพิ่มขึ้นอีกสักนิด ราคาสูงขึ้นเล็กน้อย ค่อยหยุดซื้อ ตอนที่เห็นว่าเส้นกราฟดิ่งลงจนเกือบจะหยุดนิ่ง ก็ทำแบบเดิมอีกครั้ง

เขาเล่นแบบนี้ตลอดจนถึงสิบเอ็ดโมงครึ่ง ตอนที่ปิดตลาดหุ้นภาคเช้า

เส้นกราฟ K บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ไม่ขยับอีก เขาถึงได้ดึงสายตากลับมา มองไปทางหลินหยัง “ตลอดเช้านี้ พวกเขาลงทุนไปเท่าไร”

หลินหยังมองตัวเลขที่การปรึกษาด้านการลงทุนส่งมาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ตอบว่า “เกือบจะเป็นเงินกู้ธนาคารทั้งหมดของเขาแล้วครับ” ลู่เซิ่นเลิกคิ้วเล็กน้อย “นี่ก็โยนเงินเข้าไปแล้วหรือ”

หลินหยังยิ้ม ไม่ตอบคำถาม

ลู่เซิ่นยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “อาสามนี่อดเล่นไม่ได้จริงๆ…….พักผ่อนสักครู่ก่อนแล้วกัน รอดูว่าช่วงบ่ายนี้เขาจะมีการเคลื่อนไหวอะไรอีกหรือไม่”

หลินหยังเพิ่งจะพยักหน้ารับคำ ประตูห้องทำงานของลู่เซิ่นก็ถูกเคาะดัง

นัยน์ตาลู่เซิ่นมีแววประหลาดใจพาดผ่าน ส่งสัญญาณให้หลินหยังไปเปิดประตู

ไม่รอให้หลินหยังเดินไป ประตูก็ถูกผลักให้เปิดเข้ามาแล้ว

คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดคือสูหยิง

เธอสวมรองเท้าส้นแหลมสูงที่เธอสวมเป็นประจำ เชิดคางขึ้น เดินเข้ามาด้วยความมั่นใจ

รอจนเธอเข้ามาแล้ว ลู่เซิ่นถึงได้เห็น ชายวัยกลางคนสองคนเดินตามหลังเธอเข้ามาอย่างหมดอาลัยตายอยาก

ลู่เซิ่นหรี่ตาลงครู่หนึ่ง ถึงจะจำได้ว่า นี่ก็คือคณะกรรมการที่เป็นคนตระกูลสูสองคนนั้น

เขารู้ชัดแจ้งในใจ สูหยิงคิดจะลงมือที่นี่แล้ว

ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ขยับเขยื้อน เพียงแค่นั่งอยู่บนที่นั่งเดิมของตัวเอง มองสูหยิงเงียบๆ

สูหยิงพาคนเข้ามา ก็ส่งสัญญาณให้หลินหยังปิดประตูแล้วออกไป หลินหยังโค้งตัวเล็กน้อย ถอยออกไปตามคำสั่ง

“พี่สาว……” ชายสองคนที่ถูกพาเข้ามาได้ยินเสียงประตูปิดแล้ว ก็เงยหน้ามองไปทางสูหยิง ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มประจบเอาใจ “พี่จะทำอะไรหรือ พรุ่งนี้ก็เป็นวันมงคลของประธานลู่แล้ว พี่ยังพาพวกเรามาที่นี่อีก…….”

“หุบปาก” สูหยิงตัดบทเขาเรียบๆอย่างเย็นชา “ฉันพานายมาที่นี่ทำไม นายไม่ได้รู้อยู่แก่ใจหรือไง”

ชายคนนั้นตัวสั่นระริกอยู่ชั่วครู่ สายตาก็เริ่มล่อกแล่กไปมา “ผม….ผมจะรู้ได้อย่างไรกัน……..”

“พูดจาเหลวไหล!” สูหยิงตบโต๊ะ หันหน้าไปมองลู่เซิ่น “ลูกดูแลบริษัทยังไงกัน มีคนทรยศก็ยังไม่รู้หรือ”

ลู่เซิ่นเม้มปาก ไม่ตอบคำถาม

สูหยิงกำลังแสดงละคร เขาย่อมทำได้แค่ให้ความร่วมมือในการแสดงเท่านั้น

สูหยิงเห็นเขาไม่พูดไม่จา ก็หันหน้าไปมองชายหนุ่มสองคนนั้น “พวกนายสองคนนี่เยี่ยมจริงๆ”

“พี่สาว พี่…….” ชายหนุ่มคนนั้นคิดอยากจะอ้าปากพูด แต่ก็ถูกสูหยิงตัดบทไป

“อย่ามาพูดเรื่องไม่มีประโยชน์พวกนั้นกับฉัน!” สูหยิงถลึงตาใส่เขา “ไม่พูดใช่มั้ย ดี ฉันจะบอกนายให้นะ! พวกนายสองคนตั้งใจหันไปสนับสนุนเรื่องของคนอื่น ฉันรู้ชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว!”

ผู้ชายสองคนนั้นตัวสั่นระริก

“ผม…..ผมแค่…..ผีหลงสติปัญญา ไม่เข้าใจปัญหาชั่วคราวครับพี่สาว!” จู่ๆชายที่ตั้งแต่เข้ามาไม่เอ่ยพูดอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียวคนนั้นคุกเข่าลงไป

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท