Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1252

ตอนที่ 1252

บทที่ 1252 ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ

สูหยิงหลบเลี่ยงเขาในทันที หัวเราะเสียงเย็น “ตอนนี้รู้สึกเสียใจขึ้นมาในภายหลังแล้วสินะ ฉันจะบอกนายให้นะ สายไปแล้ว! นาย แล้วก็นาย! เตรียมตัวไสหัวไปให้พ้นเถอะ! หลังจากนี้ บริษัทลู่ซื่อไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกนายแม้แต่เงินแดงเดียว”

ชายที่คุกเข่าอยู่หน้าไร้สี หายใจอย่างหมดอาลัยตายอยากก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมา แต่ชายที่ยืนอยู่คนนั้นกลับกลอกตาไปมา ใช้น้ำเสียงที่ใกล้เคียงการประจบสอพลอกับสูหยิง “พี่สาว ไม่ใช่ว่าพี่ไม่พอใจกับงานแต่งงานนี้ของประธานลู่หรอกหรือ ถ้าหากว่าพี่มีความคิดที่จะกลับไปที่บริษัทลู่ซื่ออีกครั้ง พี่ไล่พวกเราออกไปแบบนี้ สำหรับพี่แล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องดีอะไร……..”

ลู่เซิ่นนั่งฟังเงียบๆอยู่อีกด้านมานานขนาดนี้ เมื่อได้ยินประโยคนี้แล้วก็เกือบจะหลุดเสียงหัวเราะออกมา

น้าชายคนนี้……สมองใช้การไม่ค่อยได้จริงๆสินะ

เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลยว่า สูหยิงได้ยินประโยคนี้แล้ว สีหน้าก็ไม่น่าดูยิ่งขึ้น

เธอไม่ได้ระบายอารมณ์ออกมาในทันที เพียงแต่หันหน้ากลับไปพิจารณามองชายคนนั้นขึ้นๆลงๆอยู่หลายวินาที

บรรยากาศภายในห้องเกือบจะหยุดชะงัก ชายคนนั้นรู้สึกเพียงแค่ว่าขนทุกเส้นบนร่างกายของตัวเองล้วนตั้งชันขึ้นมาแล้ว

ในตอนที่เขากำลังจะอ้าปากพูดออกมาอย่างทนไม่ไหว สูหยิงก็หัวเราะเสียงเบาออกมากะทันหัน “ใครบอกกับนายกันว่า ฉันไม่พอใจเรื่องการแต่งงานของลู่เซิ่น”

ใบหน้าของชายสองคนนั้นปรากฏความงงงวยขึ้นมาในเวลาเดียวกัน อดไม่ได้ที่จะสบตากันครั้งหนึ่ง ล้วนเห็นแต่ประกายความสงสัยภายในสายตาของฝ่ายตรงข้าม

ถ้าจำไม่ผิดล่ะก็ ตอนที่ลู่เซิ่นประกาศเรื่องงานแต่งงานกับคณะกรรมการบริษัท เธอมีท่าทีที่เป็นปฏิปักษ์กับลู่เซิ่นอย่างเห็นได้ชัด ใครมาเห็น ก็ล้วนคิดว่ามีท่าทีไม่พอใจต่อการแต่งงานที่กำลังจะมาถึงของลู่เซิ่นแม้แต่น้อย

พวกเขาสองคนล้วนคิดว่าตัวเองก็ไม่ใช่คนโง่ ถ้าไม่ใช่ว่าเห็นสูหยิงมีโทสะใส่ลู่เซิ่นต่อหน้าทุกคนกับตา ก็คงจะไม่เชื่อเสียงที่อาสามเปิดให้พวกเขาฟัง และรับปากที่จะเข้าร่วมแผนการของเขาหรอก

สูหยิงเห็นสายตาของพวกเขาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความเมตตา เหมือนกับเห็นคนโง่สองคนที่ถูกคนหลอกลวงเอาเงินไปแล้วยังช่วยอีกฝ่ายนับเงิน “พวกนายนึกว่าฉันจะใช้บริษัทลู่ซื่อมาประชดลู่เซิ่นจริงๆหรือ”

พวกเขาสองคนอ้าปาก แต่ไม่มีใครพูด

สูหยิงถอนหายใจ หมุนตัวหนีไป ไม่มองพวกเขาอีก พลางเอ่ยต่อไปว่า “ลู่เซิ่นเป็นลูกชายของฉัน ไม่ใช่เรื่องหลอกลวง แต่บริษัทลู่ซื่อไม่ได้เป็นบริษัทของฉันเท่านั้น ยังเป็นบริษัทของผู้ถือหุ้น บริษัทของพนักงานพันกว่าคนด้วย ฉันกับลู่เหวยถอนตัวออกจากการบริหารจัดการของบริษัทลู่ซื่อมานานขนาดนี้แล้ว ช่วงเวลานี้ก็ฝากสิทธิ์ผู้ถือหุ้นที่พวกเราสองคนมีให้กับลู่เซิ่นตลอด และเขาก็ทำได้ดีมากเช่นกัน ถ้าฉันดึงหุ้นของตัวเองกลับมา กระทั่งยึดอำนาจในการจัดการคืนมาอย่างบุ่มบ่าม เพียงเพราะว่าไม่พอใจต่อความรู้สึกส่วนตัวของเขาในตอนนี้ล่ะก็ การบริหารของบริษัทจะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความวุ่นวายโกลาหลในระดับสูงเลย การพัฒนาบริษัทในอนาคตก็ต้องได้รับผลกระทบเช่นกัน”

ทั้งสองคนล้วนถูกคำพูดของสูหยิงปรามลงได้ อ้าปากอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี

กระทั่งลู่เซิ่น ก็ยังรู้สึกตกตะลึงอยู่บ้าง

เขาคิดไม่ถึงเลยว่า สูหยิงจะมีความคิดแบบนี้

แม้ว่าเบื้องหน้าจะเป็นการแสดงละครต่อน้าชายสองคนนี้ แต่ว่าเขาเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ว่า คำพูดที่สูหยิงพูดออกมาเหล่านี้ ล้วนพูดออกมาจากเบื้องลึกในจิตใจ

เขารำลึกอยู่ชั่วครู่ ตอนที่บีบบังคับให้เขาหย่ากับฉินซีนั้น สูหยิงไม่ได้เอ่ยถึงหุ้นของบริษัทแม้แต่คำเดียว

สิ่งที่เธอใช้ข่มขู่ตัวเอง มีเพียงแค่ฐานะความเป็นมารดาเท่านั้น ไม่ใช่ฐานะผู้ถือหุ้นของบริษัทลู่ซื่อ

ลู่เซิ่นไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆก็มีความนับถือต่อสูหยิงพาดผ่านเข้ามาในใจ

“ดังนั้น พวกนายสองคนฟังฉันให้ดี” สูหยิงหมุนตัวหันกลับมามองพวกเขา “แม้ว่าบริษัทลู่ซื่อจะเป็นบริษัทที่บิดาของลู่เหวยก่อตั้งขึ้นมา แต่ที่พัฒนามาจนถึงวันนี้ ภายในก็ยังมีน้ำพักน้ำแรงนับไม่ถ้วนที่ฉันทุ่มเทด้วย ฉันไม่อนุญาตให้คนวางแผนทำให้ผลลัพธ์ของมันแปดเปื้อนเด็ดขาด พวกนายเข้าใจหรือไม่”

คราวนี้ทั้งสองคนล้วนก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว

สูหยิงหยิบเอกสารสองฉบับออกมาจากกระเป๋า โยนไปด้านหน้าของสองคน “เข้าใจแล้วก็เซ็นชื่อ”

ชายที่นั่งคุกเข่าอยู่ไม่กล้าพูดอะไรให้มากความอีก หยิบปากกาขึ้นมาแล้วก็เซ็นชื่อลงไป ชายที่ยืนอยู่คนนั้นพลิกเอกสาร อ่านตัวอักษรสีดำที่เป็นข้อกำหนดบนกระดาษขาวแล้ว แววตาก็ค่อยๆอับแสงลง

รายละเอียดในข้อตกลงเผด็จการเป็นอย่างมาก เกือบจะเป็นการที่ไม่ได้เงินแม้แต่แดงเดียวจากหุ้นบริษัทลู่ซื่อในมือที่พวกเขาส่งมอบออกไป

เขาเงยหน้าอยากจะพูดอะไรกับสูหยิง คนหลังเหมือนกับว่ามองออกถึงความลังเลของเขา เอ่ยพูดเสียงเย็นว่า “ตอนนี้รู้จักเสียดายแล้วสินะ นายอย่าลืมเสียล่ะว่า หุ้นพวกนี้ของนายเอามาจากไหน เดิมก็เป็นสิ่งที่มอบให้นายเปล่าๆ ตัวเองโลภมากจนทำหายไปแล้ว ก็โทษคนอื่นไม่ได้”

ชายคนนั้นอึกอักไม่กล้าพูด สุดท้ายแล้วอะไรก็ไม่ได้พูดออกมา ก้มหน้าเซ็นชื่อ

สูหยิงมองพวกเขาเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว ก็ยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของลู่เซิ่น กดต่อสายภายใน “ผู้ช่วยหลิน เข้ามาส่งแขก”

หลินหยังไม่ได้ถามอะไรให้มากความแม้แต่คำเดียว ผลักประตูเข้ามา นำชายสองคนที่ท่าทางหมดอาลัยตายอยากออกไป

ประตูปิดลง ภายในห้องทำงานจึงเหลือเพียงแค่ลู่เซิ่นกับสูหยิงสองคนเท่านั้น

สูหยิงคล้ายกับว่าโกรธที่ตัวเองพูดมากเกินไป จึงเบนหน้าไปอีกทาง ไม่ยอมมองลู่เซิ่นตลอด

แต่ว่าลู่เซิ่นกลับจ้องมองสูหยิงเขม็งอย่างไม่ย่อท้อ

จนในที่สุดสูหยิงก็ทนไม่ไหว ถึงได้หันหน้ากลับมา ถลึงตาใส่ลู่เซิ่น “ลูกไม่มีเรื่องอื่นทำแล้วหรือ”

ลู่เซิ่นกลับคลี่ยิ้มน้อยๆ อะไรก็ไม่พูด เรียกเพียงแค่คำเดียวว่า “แม่ครับ”

การวางมาดใหญ่โตบนใบหน้าของสูหยิงก็ถูกคำๆเดียวทำให้จางหายไป เธอหลุบตาลง เสียงที่เอ่ยนั้นเบามาก

“สิ่งที่แม่พูดกับพวกเขา ก็คือสิ่งที่แม่อยากบอกลูก” มุมปากสูหยิงโค้งขึ้น อยากจะยิ้มออกมา แต่กลับทำไม่สำเร็จ “บริษัทลู่ซื่อนั้นคือสิ่งที่แม่กับพ่อของลูกส่งต่อให้กับลูกเอง ทั้งยังให้ลูกสามารถนั่งอยู่บนตำแหน่งนี้ได้อย่างมั่นคง ลู่เซิ่น แม้ว่าแม่จะชมลูกน้อยมาก แต่ว่าแม่ก็จำเป็นต้องพูดสักประโยคหนึ่ง หลายปีมานี้ ลูกทำได้ดีมาก”

“แม่ นี่แม่จะทำอะไร……” สูหยิงเป็นคนที่ไม่เคยเปิดเผยความในใจมากก่อน ดังนั้นเมื่อลู่เซิ่นได้ยินคำพูดของเธอแล้ว จึงรู้สึกไม่ชินอยู่บ้าง

สูหยิงกลับไม่สนใจเขา พูดต่อไปว่า “ความคิดของแม่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น แม่ล้วนวางบริษัทลู่ซื่อและผลกำไรไว้เป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นขอเพียงแค่ลูกจัดการดูแลให้ดีแบบนี้ต่อไป แม่จะไม่ไล่ลูกลงจากตำแหน่งเพราะเรื่องใดๆ”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว เพียงแค่มองสูหยิงเงียบๆ รอเธอพูดต่อไป

“ลู่เซิ่น หลายวันมานี้ แม่คิดตลอดว่า ถ้าหากว่าวันนี้ลูกไม่ใช่แสร้งทำเป็นแต่งงาน แต่แต่งกับผู้หญิงที่แม่ไม่ชอบกลับมาคนหนึ่งจริงๆ แม่จะทำอย่างไร” สูหยิงถอนหายใจเบาๆ “แรกเริ่ม ความคิดของแม่นั้นย่อมเหมือนกับคนอื่นๆ เอาหุ้นในมือของแม่มาข่มขู่ลูก บังคับให้ลูกประนีประนอม หรือไม่ก็เอาตัวเองมาเป็นเบี้ยต่อรอง ถ้าลูกไม่ยอมรับปากแม่ แม่จะไปกระโดดตึกกรีดข้อมือ”

ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว

วิธีการด้านหลังนั้น ฟังดูแล้วคุ้นหูอยู่บ้าง…….

สูหยิงหัวเราะเสียงเรียบๆ “แม่รู้ว่า วิธีแบบหลังนี้ แม่เคยใช้แล้ว เพื่อที่จะไล่ฉินซีออกจากบ้าน”

ลู่เซิ่นแปลกใจต่อการสารภาพของสูหยิง แต่ก็ยิ่งเข้าใจว่า เธออยากจะพูดอะไรอย่างแน่นอน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท