Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1254

ตอนที่ 1254

บทที่ 1254 ไม่แน่ว่าจะสมหวังได้

จ้านเซินกลับมาเร็วมาก แต่ว่าฝีเท้าหนัก ฟังดูแล้วคล้ายกับว่ามีโทสะพวยพุ่งอยู่บ้าง

แม้ว่าฉินซีที่ตั้งใจครุ่นคิดว่าทำอย่างไรถึงจะสามารถแอบออกไปที่รีสอร์ทชิงหยวนได้ ก็ยังถูกเขาตัดบทความคิด

จ้านเซินไม่ได้มองเธอ เพียงแค่หันหน้าไปพูดกับชายที่มารับรองพวกเขาคนนั้นสองสามประโยค

เสียงของพวกเขาเบามาก ฉินซีจับข้อมูลได้อย่างเลือนราง

คล้ายกับว่าอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนหนึ่งที่จ้านเซินส่งออกไปจะเกิดปัญหา

ฉินซีรู้ว่า อย่างองค์กร“เฟิง” มองจากภายนอกแล้ว สิ่งที่ได้รับรายได้มากที่สุดก็คือยารักษา แต่ความจริงแล้วล้วนอาศัยอาวุธยุทโธปกรณ์มาค้ำจุนในที่มืด

กระทั่งสามารถพูดได้ว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างหากที่เป็นแหล่งที่มาของรายได้ที่ใหญ่ที่สุดขององค์กร

แต่ธุรกิจการค้าที่มีรายได้สูงแบบนี้ย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงมาก เมื่อส่งออกไปแล้ว เบิกเงิน ส่งของ ขอเพียงแค่มีขั้นตอนหนึ่งเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย ก็จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่หนักหนาตามมา

มิน่าจ้านเซินถึงได้ร้อนใจขนาดนี้

ฉินซีคิดในใจ

แต่เธอไม่ได้ตั้งใจจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ ดังนั้นฟังแล้วก็ไม่ได้ฟังต่อไป แต่กลับครุ่นคิดถึงแผนการว่าตัวเองจะไปรีสอร์ทชิงหยวนอย่างไรแทน

แต่เบื้องหน้าถูกปกคลุมด้วยเงามืดกะทันหัน

ฉินซีเงยหน้า ถึงพบว่าจ้านเซินยืนอยู่ด้านหน้าตัวเอง

“ฉินซี” เขาเม้มริมฝีปาก บนใบหน้าแฝงไปด้วยโทสะและความไม่สมัครใจเบาบาง “มีการค้าหนึ่งเกิดปัญหาเล็กน้อย ผมจำเป็นต้องไปจากที่นี่”

หัวใจฉินซีเต้นแรง แทบจะใช้ความสามารถในการควบคุมตัวเองทั้งหมด ถึงจะไม่ทำให้ความปีติยินดีที่อยู่ในเบื้องลึกจิตใจของตัวเองเผยออกมา

มีเรื่องบังเอิญแบบนี้ได้อย่างไรกัน

เหมือนกับตอนที่สัปหงก ก็บังเอิญมีคนส่งหมอนมาให้

เธอก้มหน้า กลัวว่าจ้านเซินจะมองความรู้สึกของตัวเองออก ทำได้เพียงแค่ทานข้าว ตอบด้วยท่าทางไม่ใส่ใจว่า “ได้สิ อย่างนั้นคุณก็ไปทำงานเถอะ ถึงอย่างไรภารกิจนี้ก็ไม่ยาก เดิมคุณก็ไม่ต้องมาจับตามองด้วยตัวเองอยู่แล้ว”

จ้านเซินชะงักไปครู่หนึ่ง ถึงได้อ้าปากเอ่ยว่า “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ”

ฉินซีแสร้งทำเป็นฟังไม่ออกถึงความหมายที่อยู่ในคำพูดนั้น พยักหน้าตอบส่งๆว่า “คุณก็ระวังความปลอดภัยของตัวเองด้วย”

ประโยคนี้เหมือนกับแทงเข้าที่เส้นที่ประสาทส่วนไหนของจ้านเซินแปลกๆ แม้ว่าฉินซีจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง แต่ก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบตัวเขาอ่อนลงกะทันหัน

“ได้”

เอ่ยจบแล้ว เขาก็ไม่ได้รีรอ หมุนตัวจากไป

ฉินซีรอจนเสียงฝีเท้าเขาหายไปเรียบร้อยแล้ว ถึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา

คนที่รับผิดชอบรับรองพวกเขายังคงอยู่อีกด้านหนึ่ง ฉินซีรู้ว่าตัวเองไม่สามารถผ่อนคลายได้

“ฉินซี” คนคนนั้นมองเธอ และมองไปยังทิศทางที่จ้านเซินจากไป น้ำเสียงแฝงไปด้วยการสืบสวน “คุณกับจ้านเซิน เขา……

ฉินซียิ้มเรียบๆ ไม่ตอบอะไร

เธอรู้ว่า จ้านเซินจงใจแสดงให้เห็นชัดเจนขนาดนี้ แบบนี้ก็สะดวกต่อการที่เขาจากไปแล้ว ยังมีคนช่วยเขาจับตามองฉินซีอยู่

แต่ว่า……

ฉินซีหัวเราะ

ขอเพียงแค่ไม่ใช่จ้านเซิน คนอื่นจะสามารถรับมือเธอได้อย่างไร

เมื่อคิดแบบนี้แล้ว ข้าวกล่องที่อยู่เบื้องหน้าก็เปลี่ยนเป็นอร่อยขึ้นมาเล็กน้อย

ฐานที่มั่นถูกจัดอยู่ที่ห้องนอน ฉินซีทานอาหารกลางวันแล้ว ก็อ้างว่าอยากพักผ่อน เมื่อเข้าไปในห้องแล้วก็ปิดประตู

คนคนนั้นมีระดับสู้เธอไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่มองเธอปิดประตู ไม่สามารถพูดอะไรได้

ประตูห้องลงกลอนประตูไม่ได้ แต่เดิมฉินซีก็ไม่ได้หวังกับสิ่งนี้ นี่เป็นช่วงเวลากลางวัน เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรทั้งนั้น

เธอเพียงแค่ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้มาสังเกตรอบด้านเท่านั้นเอง

ถือโอกาสที่บานหน้าต่างของห้องนี้อยู่ในตำแหน่งที่ดีมาก พอดีที่จะให้เธอสังเกตการณ์ตำแหน่งรอบๆได้

ไม่ได้อยู่นอกเหนือจากการคาดการณ์ของเธอ ที่นี่ห่างจากรีสอร์ทชิงหยวนไม่ไกลมาก สมองของฉินซีวางแผนเส้นทางเส้นหนึ่ง ไม่ได้สิ้นเปลืองเวลาไปเปล่าๆ แต่ว่าเดินไปทางเตียงจริงๆ

เธอตั้งใจลงมือตอนกลางคืน อย่างนั้น…….ตอนนี้ก็ควรจะพักผ่อนให้ดีๆ สะสมกำลังวังชาสักหน่อยถึงจะได้

………….

บริษัทลู่ซื่อ ห้องทำงานของลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นทานอาหารกลางวันแล้วก็นอนหลับลึกอยู่ในห้องรับรอง ช่วงนี้เขาหลับไม่สนิทเท่าไร แต่ก็คุ้นชินแล้ว

ตอนบ่ายเขายังต้องวุ่นวายพัวพันกับอาสามท่านนั้นต่ออีก

มีเพียงแค่ตอนที่ใจจดใจจ่อรับมือกับการทำงานเท่านั้นที่ชื่อของฉินซีจะลอยออกไปจากสมองของเขาชั่วครู่

ตอนที่เขาเดินออกจากห้องรับรอง หลินหยังก็เตรียมรอรับคำสั่งแล้ว

ลู่เซิ่นเหลือบตามองเส้นกราฟบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ครั้งหนึ่ง ก็พยักหน้าให้กับหลินหยัง

ตามการตัดสินใจของพวกเขาแล้ว การเปิดตลาดในช่วงบ่าย พวกอาสามจะต้องทุ่มวางเดิมพัน ลงเงินทั้งหมดในการเสี่ยงครั้งสุดท้ายแน่นอน

ตอนเช้าพวกเขาถูกลู่เซิ่นหยอกเล่นแบบนี้ ในใจจะต้องมีโทสะสุมอยู่แน่นอน

ใครจะชอบถูกทำเป็นของเล่นกัน

ตอนบ่ายพวกเขาจะต้องพยายามแย่งสิทธิ์ในการเป็นผู้ถือหุ้นอย่างสุดความสามารถอย่างแน่นอน

แต่ว่า…….

ลู่เซิ่นยิ้มเยาะในใจ

บางครั้ง แม้ว่าจะพยายามสุดความสามารถแล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นไปตามที่ปรารถนา

การปาไข่กระทบใส่หิน มีเพียงแค่จุดจบอย่างการที่หัวแตกเลือดอาบเท่านั้น

ดังนั้น เขาก็ไม่ได้ใช้วิธีการที่กลั่นแกล้งคนอื่นแบบนั้นในตอนเช้าต่อไป

ถ้าหากว่าอาสามมีความกล้าหาญที่จะมาเล่นกับตัวเองแบบนี้ต่อไป อย่างนั้น…..เขาก็จำเป็นต้องทำให้อาสามเข้าใจว่า เขาถูกปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้าอย่างไร

ดังนั้นลู่เซิ่นจึงสั่งเอาไว้นานแล้วว่า การเปิดตลาดในช่วงบ่าย พวกเขาต้องใช้เงินจำนวนมากกดให้หุ้นราคาตก

ยิ่งฝ่ายตรงข้ามยืมหุ้นมาขายเพื่อลงทุนในทิศทางขาลงทิ้งมากเท่าไร พวกเขาก็จะรับเท่านั้น

ต้องการดูว่าเงินทุนของใครหนามากกว่ากันล่ะก็……..ลู่เซิ่นก็ไม่รังเกียจที่จะเล่นกับฝ่ายตรงข้าม

นี่เป็นเกมส์ที่กำหนดผู้แพ้ชนะเอาไว้ก่อนการเปิดฉากแล้ว ดังนั้นลู่เซิ่นไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากนัก เพียงแค่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานของตัวเองสบายๆ รอเวลาเปิดตลาดอย่างเงียบๆ

ถึงเวลา 3 โมงแล้ว

หุ้นของบริษัทลู่ซื่อมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

ลู่เซิ่นจ้องมองการเปลี่ยนแปลงของเส้นกราฟ แววตาเปลี่ยนเป็นคมปลาบขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

ความผันผวนของหุ้นบริษัทลู่ซื่อในช่วงเช้า ให้ใครมาดูล้วนรู้ว่ามีคนผลักดันอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นตอนบ่าย ทุกคนล้วนไม่กล้าเข้าสู่ตลาดตามใจชอบ ล้วนเป็นผู้สังเกตการณ์อยู่ข้างๆ รอว่าช่วงบ่ายจะมีการดำเนินการใหม่ๆอะไร

ข่าวสารและข้อมูลเล็กๆน้อยๆลอยไปทั่ว อะไรล้วนมีหมด ลู่เซิ่นก็ไม่ได้ให้คนไปปิดข่าวเอาไว้

รอจนผลลัพธ์ออกมาในตอนท้าย ผู้สังเกตการณ์ย่อมเห็นได้ชัดเจนเช่นกัน

แทบจะเป็นตอนที่เปิดตลาด บนตลาดก็สามารถเห็นการเป็นปฏิปักษ์ต่อกันระหว่างกลุ่มผู้มีเงินทุนมากมายสองกลุ่มได้อย่างชัดเจน

ฝ่ายที่ยืมหุ้นมาขายเพื่อลงทุนในทิศทางขาลงทุ่มหมดหน้าตักจริงๆ ขายเทออกอย่างบ้าคลั่ง คิดจะกดราคาให้ต่ำลง แต่ว่าสิ่งที่ถูกเทออกมาจากพวกเขาล้วนถูกฝ่ายตรงข้ามรับเอาไว้ทั้งหมด ดังนั้นราคาหุ้นของบริษัทลู่ซื่อแทบจะไม่มีความผันผวนอะไรมากนัก ถ้าหากไม่ดูที่ปริมาณการซื้อขาย ก็มองไม่ออกว่ากำลังดำเนินการทำสงครามอันดุเดือดที่มีเขม่าปืนอยู่

ผู้สังเกตการณ์ล้วนกำลังรอ กำลังดูว่าสุดท้ายแล้วผู้ที่ได้รับชัยชนะจะเป็นใครกันแน่

5 นาทีผ่านไป สิบนาทีผ่านไป…….

ตอนที่ใกล้จะ 20 นาที ในที่สุดสถานการณ์ก็ค่อยๆชัดเจนขึ้นมา

ในที่สุดฝ่ายที่ยืมหุ้นมาขายเพื่อลงทุนในทิศทางขาลงก็เผยความเหนื่อยล้าออกมา ความถี่และจำนวนเงินในการทำธุรกรรมล้วนมีทีท่าว่าจะลดลงเรื่อยๆ แต่ฝ่ายที่ซื้อราคาถูกแล้วขายราคาแพงกลับมั่นคงมาก การเคลื่อนไหวของเงินทุนยังคงราบรื่นเป็นอย่างดี

เป็นแบบนี้จนถึงตอนสามโมงครึ่ง ฝ่ายที่ยืมหุ้นมาขายเพื่อลงทุนในทิศทางขาลงก็กระสุนหมด เสบียงเกลี้ยง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆแล้ว

และฝ่ายที่ซื้อหุ้นกลับนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง รอจนหุ้นนิ่งแล้วจริงๆถึงค่อยถอนตัวออกไป

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท