Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1261

ตอนที่ 1261

บทที่ 1261เธอไม่ได้เต็มใจ

“เธอคงจะไม่นึกว่า การที่สถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับรีสอร์ทชิงหยวนขนาดนี้เป็นเรื่องบังเอิญเรื่องหนึ่งหรอกนะ” น้ำเสียงของถังย่าแฝงไปด้วยแววหยอกล้อเล็กน้อย

สมองของฉินซีมีแผนที่เส้นทางที่ตัวเองวางแผนในตอนที่ยืนอยู่หน้าหน้าต่างเมื่อบ่ายแวบผ่าน

ใกล้มาก ถ้าเดินลัดไปตามตรอก ไม่ถึงสิบกว่านาทีก็ถึงแล้ว

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยสงสัย แต่คิดว่าจ้านเซินน่าจะแทบทนไม่ไหวที่จะให้ตัวเองอยู่ไกลจากลู่เซิ่นแล้ว ก็ฝืนเชื่อว่านี่ล้วนเป็นเรื่องบังเอิญ

แต่ว่าตอนนี้……..

ถ้าหากว่านี่เป็นสถานที่ที่ถังย่าเลือก อย่างนั้นความบังเอิญ ก็ไม่น่าจะใช่ความบังเอิญแล้ว

“เธอคิดจะทำอะไร” ฉินซีไม่อ้อมค้อม ถามอย่างตรงไปตรงมา

ถังย่ากลับตอบคำถามที่เธอถามขึ้นก่อนหน้านั้นขึ้นมากะทันหัน “ที่อยากพูดเรื่องเหล่านี้กับเธอ ก็ไม่ใช่ว่าฉุกคิดขึ้นมาได้ พูดแล้วก็น่าขำ คนที่ฉันสามารถพูดเรื่องพวกนี้ด้วยได้ อาจจะมีเพียงแค่เธอคนเดียว”

สัญชาตญาณของฉินซีบอกว่าเธอยังมีอะไรจะพูดอีก จึงรอคำพูดต่อไปของเธออย่างเงียบๆ

“ถ้าหากว่ามีเหตุผลอื่นอีกล่ะก็” ถังย่าชะงักไปหลายวินาที ค่อยเอ่ยต่อว่า “ฉันหวังว่าเธอจะรู้ สิ่งที่เธอมีทั้งหมดโดยไม่ต้องเปลืองแรงนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่คนอื่นอยากได้ใจจะขาด”

ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย

“เธอก็น่าจะพบแล้วว่า สถานที่ที่พวกเราอยู่ในตอนนี้ ใกล้กับรีสอร์ทชิงหยวนมาก” ถังย่าเอ่ยต่อ “คืนวันนี้ คนที่เฝ้าเธอมีแค่ฉัน พรุ่งนี้ก็เหมือนกัน ดังนั้น……จนถึงวันพรุ่งนี้ เธอล้วนเป็นอิสระแล้ว เธอสามารถไปในสถานที่ที่เธออยากจะไปได้”

คล้ายกับว่ามีขนมเปี๊ยะจากฟ้าหล่นลงมาใส่ฉินซี แต่เธอกลับไม่รู้สึกมีความสุข แต่รู้สึกว่าผิดปกติอยู่บ้าง “ทำไมเธอจะต้องช่วยฉันทำเรื่องพวกนี้ด้วย”

ถังย่าหัวเราะ “เธออย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้จิตใจดีขนาดนั้น ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ ฉันแทบจะให้เธอยิ่งทรมานยิ่งดี”

“ดังนั้น…..เธอคิดจะให้ฉันไปพบกับลู่เซิ่นเป็นครั้งสุดท้ายหรือ” ฉินซีพูด คิ้วขมวดเป็นปม

“ไม่ผิด” ถังย่ายอมรับอย่างตรงไปตรงมา “ถึงอย่างไร เธอก็ถูกกำหนดให้ไม่มีหนทางที่จะไปจากองค์กรอยู่แล้ว แต่ลู่เซิ่นจะแต่งงานกับคนอื่นแล้ว ระหว่างพวกเธอสองคนก็น่าจะจบลงตรงนี้แล้ว จ้านเซินอาจจะไม่เข้าใจ แต่ว่าฉันเข้าใจดีมาก บางครั้ง ความยึดติดนั้น ไม่ใช่เพราะว่าไม่ได้รับบทสรุปที่ดีที่สุด แต่เพียงเพราะว่าไม่ได้บอกลากันดีๆเท่านั้นเอง”

ฉินซีชะงัก

เธอคิดไม่ถึงเลยว่า……ประโยคหนึ่งของถังย่า จะแทงถูกเรื่องในใจของตัวเองจริงๆ

เรื่องดำเนินมาจนถึงก้าวนี้แล้ว แม้ว่าเธอยังปรารถนาการไปจากองค์กรเพื่อที่จะได้รับอิสระ แต่ไม่ได้โอบกอดความคิดเพ้อฝันที่จะอยู่ด้วยกันกับลู่เซิ่นต่อไปแล้ว สิ่งเดียวที่เธออยากทำก็แค่ ได้พบกับลู่เซิ่น พูดคุยกันดีๆสักครั้งหนึ่ง

เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว เธอสามารถปล่อยวางได้แล้ว

“ดังนั้น ฉันจะให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย” ถังย่ามองฉินซี “ฉันจะปิดบังเรื่องทั้งหมดแทนเธออย่างดี ไม่ให้จ้านเซินได้รู้ เธอสามารถทำเรื่องอะไรก็ตามที่เธออยากทำได้ พบคนที่เธออยากพบ เพียงแต่ว่าหลังจากที่ภารกิจในวันพรุ่งนี้สิ้นสุดลง เธอจะต้องรีบกลับมาที่นี่ในทันที ไม่มีใครรู้ว่าทั้งวันนี้เธอทำอะไรกันแน่”

ฉินซีหรี่ตาลง ไม่ได้เอ่ยพูดในทันที

เธอยังคงไม่กล้าเชื่อเรื่องราวทั้งหมดนี้อยู่บ้าง

เธอรู้ถึงความสัมพันธ์ของถังย่าและจ้านเซิน ดังนั้นจึงไม่กล้าเสี่ยงเชื่อคำพูดของถังย่า

ถ้าหากว่า….นี้เป็นกับดักที่จ้านเซินใช้หยั่งเชิงตัวเองอย่างหนึ่งล่ะ

ถ้าหากว่าตัวเองพยักหน้าตอบรับ จ้านเซินจะพังประตูเข้ามาจากด้านนอก บีบบังคับพาตัวเองกลับไปยังสำนักงานใหญ่ล่ะ

“เธอไม่กลัวว่าฉันจะหนีไปหรือ” ฉินซีเอ่ยถาม

เสียงหัวเราะของถังย่าเจือไปด้วยการเหยียดหยันอยู่หลายส่วน “เธอคิดว่า…..ตัวเองสามารถหนีไปได้จริงๆหรือ”

ฉินซีชะงัก เงียบขรึมไป

ในเมื่อจดจำเรื่องทั้งหมดได้แล้ว ฉินซีย่อมรู้เช่นกันว่า อิทธิพลขององค์กรแทรกซึมไปทั่วทุกแห่ง

แม้ว่าวันนี้เธอจะไปจากที่นี่แล้ว แต่ก็ไม่มีหนทางที่จะไปจากองค์กร และได้รับอิสระจริงๆ

แต่เธอยังคงไม่ได้ตอบรับอยู่ดี

อาจเป็นเพราะว่าการลังเลภายใต้ความเงียบงันของฉินซีนั้นเห็นได้ชัดเจน ถังย่าหัวเราะเสียงเบา “เธอไม่เชื่อฉันก็ได้ ตามใจเธอ ทั้งวันมานี้ เธอไม่ทำอะไรเลย และอยู่ที่นี่ก็ได้ ขอเพียงแค่เธอสมัครใจ”

ประโยคสุดท้ายเหมือนกับดาบเล่มหนึ่ง แทงตรงเข้ามาในใจของฉินซี

จนถึงตอนนี้ เธอจะไม่เข้าใจเป้าหมายที่ถังย่าทำทั้งหมดในคืนวันนี้ได้อย่างไร

แรกเริ่มคือการพูดอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ฉินซีเชื่อว่าที่นี่ไม่มีกล้องวงจรปิดและเครื่องดักฟัง ให้ฉินซีรู้สึกซาบซึ้ง ตื้นตันใจในสิ่งที่ตัวเองได้รับ ทั้งยังไว้วางใจเธอ จากนั้นก็ใช้ความไว้วางใจในส่วนนี้ โยนวัตถุประสงค์ในการมาของเธอในคืนนี้ออกมา…….ให้โอกาสฉินซี ไปบอกลากับลู่เซิ่นเป็นครั้งสุดท้าย

เมื่อมองแล้ว การกระทำทั้งหมด ก็เรียกได้ว่ามีร่องรอยอยู่ทั่วทุกแห่ง ถึงอย่างไรทั้งหมดที่เธอทำ ก็ล้วนทำเพื่อให้ฉินซีตัดใจจากโลกภายนอก และกลับสู่องค์กรอย่างแท้จริง

นี่สอดคล้องกับตรรกะที่คนในองค์กรปฏิบัติเสมอมา

สำหรับตัวถังย่าเองนั้น…..

ฉินซีรู้สึกแปลกว่า การสารภาพของถังย่าในคืนนี้ ไม่ใช่เรื่องที่แต่งขึ้นมาเพื่อให้ได้มาซึ่งความไว้วางใจจากเธออย่างบริสุทธิ์ แต่เป็นคำพูดที่เธออยากจะพูดจริงๆ

ถ้าหากว่าถังย่าชอบจ้านเซิน อย่างนั้นที่เธอสิ้นเปลืองความคิดช่วยให้ตัวเองไปหาลู่เซิ่น ก็เรียกได้ว่าสมเหตุสมผล

ถึงอย่างไร การผลักเธอไปใกล้ลู่เซิ่นเล็กน้อย ก็คือให้เธออยู่ไกลจากจ้านเซินนิดหน่อย

แต่ฉินซีไม่ได้หวั่นไหว เพราะว่าทั้งหมดนี้สอดคล้องกับตรรกะ

สิ่งที่สะกิดถูกฉินซีจริงๆ ยังคงเป็นประโยคนั้นของถังย่า “ขอเพียงแค่เธอสมัครใจ”

เธอไม่สมัครใจ

แน่นอนว่าไม่สมัครใจ

ถ้าหากว่าเธอสมัครใจ อย่างนั้นก็ไม่อาจจะยอมรับเรื่องราวมากมายขนาดนี้ แล้วต้องมาที่นี่ให้ได้

ถ้าหากว่าจากไปโดยที่ไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง……

ฉินซีรู้ว่า ถ้าเป็นแบบนี้ อย่างนั้นจ้านเซินจะกลายเป็นแต้มชาดสีแดงแต้มหนึ่งที่ไม่มีวันจางหายไปในใจของตัวเองตลอดกาล

ไม่รู้ว่าภายในห้องตกอยู่ในความเงียบนานเท่าไรแล้ว ฉินซีถึงได้ตอบเสียงเบาว่า “อย่างนั้นฉันไปแล้วนะ”

ถังย่าคล้ายกับว่าคาดการณ์ได้นานแล้ว น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขบขัน “ได้ อย่าไปทางประตูหลัก ด้านล่างยังมีคนอีกสองคน”

ฉินซีรับคำ ลุกขึ้นยืน

อาศัยทักษะของเธอในตอนนี้ ออกไปทางหน้าต่าง ลงไปตามทางท่อระบายน้ำ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีใครเปิดไฟในห้อง

ถังย่านั่งอยู่ที่เดิม ฟังเสียงฝีเท้าของฉินซีเดินเข้าไปในห้อง

หน้าต่างถูกเปิดออก

หลังจากได้ยินเสียงกระทบสองสามที การเคลื่อนไหวทั้งหมดภายในห้องก็เลือนหายไป

ถังย่าหลับตาลง เธอรู้ว่า ฉินซีจากไปแล้ว

เธอลุกขึ้นยืน เดินไปที่ระเบียง เปิดโทรศัพท์มือถือ ต่อสายหาจ้านเซิน

“เธอไปแล้วหรือ”

เสียงของจ้านเซินเจือรอยโทสะเบาบาง

“อืม” ถังย่าตอบกลับง่ายๆ

“ถ้าหากว่าเธอหนีไป…..” จ้านเซินไม่ได้พูดจนจบ แต่ความหมายก็ชัดเจนมากแล้ว

ถังย่าหลับตาลง รอยยิ้มมุมปากนั้นแฝงร่องรอยขมขื่นอยู่หลายส่วน

“ถ้าหากว่าฉินซีหนีไป ฉันจะฆ่าตัวตายเป็นการขอโทษ”

เรื่องทั้งหมดในวันนี้ ไม่ใช่ว่าถังย่าคิดเองเออเอง แต่กลับเป็นข้อเสนอของถังย่า

แน่นอนว่าเธอไม่ได้ใช้การบอกลาที่เป็นเรื่องเพ้อฝันอะไรนั่นมาโต้เถียงเพื่อโน้มน้าวจ้านเซิน เพียงแค่ยืนข้อเสนอกับจ้านเซินง่ายๆว่า “แทนที่คุณจะจิตใจรุ่มร้อน กระสับกระส่ายในทุกๆวัน ใช้วิธีต่างๆมาหยั่งเชิง ไม่สู้วางทางเลือกไว้หน้าเธอ ถ้าหากเห็นอยู่ชัดๆว่าเธอมีโอกาสที่จะอยู่ข้างกายลู่เซิ่น แต่เลือกกลับมาที่องค์กร อย่างนั้นคุณไม่จำเป็นต้องสงสัยอีกแล้ว”

“ถ้าหากว่าเธอไม่กลับมาล่ะ” จ้านเซินถาม

ถังย่ายิ้ม “ไม่มีทางที่คุณจะพาเธอกลับมาไม่ได้”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท