Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1257

ตอนที่ 1257

บทที่ 1257 ไม่กล้าคิดมากไปกว่านี้

“อารอง” ลู่เซิ่นหันไปเรียกเขา “อาไปกับทนาย รายละเอียดข้อตกลงส่วนใหญ่ เขาล้วนทราบ มีเงื่อนไขอะไร อาบอกเขาได้เลย”

ใบหน้าอารองเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ เดินตามทนายความออกไปด้วยความสำนึกในบุญคุณ

หลินหยังนั้นรอบคอบ จึงไม่ได้อยู่ในห้องทำงาน แต่ตามออกไป ทั้งยังปิดประตูให้ด้วย

ชั่วครู่เดียว ภายในห้องทำงานก็เหลือเพียงแค่อาสามและลู่เซิ่นเพียงแค่สองคน

“เขาเสนอราคาอะไรออกมา แกล้วนต้องการหรือ” อาสามหรี่ตา

ลู่เซิ่นยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา กลับถามคำถามแทน “อาถามแบบนี้ คือคิดจะขายให้ผมหรือครับ”

หมัดที่กำแน่นของอาสามคลายออก เขายืนอยู่ที่เดิมหลายวินาที ถึงได้เอ่ยปากพูดว่า “ฉันสามารถขายให้แกได้ แต่นอกจากราคาแล้ว ฉันยังมีเงื่อนไขอีกข้อหนึ่ง……ลูกชายของฉัน จำเป็นจะต้องมีตำแหน่งสำรองหนึ่งในบริษัทลู่ซื่อ”

ลู่เซิ่นฟังคำพูดของเขาจบแล้วก็หัวเราะออกมา “อาสาม ผมเห็นว่าอาเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง ทำไมตอนนี้ถึงยังไม่เข้าใจอีก ขอเพียงแค่ผมมีเงิน ผมก็สามารถซื้อหุ้นได้ อาไม่ใช่ตัวเลือกเดียวของผม แต่หุ้นจำนวนมากขนาดนี้ในมือของอา คิดจะขายออกไปทันทีนั้น ผมกลับเป็นเพียงแค่ตัวเลือกผู้ซื้อเดียวของอา สถานการณ์ในตอนนี้ไม่อนุญาตให้อาเสนอราคาอะไร คนที่สามารถเสนอเงื่อนไขได้ ก็มีเพียงแค่ผม”

อาสามขบกรามแน่นอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับไม่ส่งเสียงอะไร

เขาก็รู้เช่นกันว่า ตอนนี้ตัวเองเป็นเพียงแค่เสือกระดาษ ฝืนทำเป็นสงบเยือกเย็นเท่านั้นเอง สิ่งที่ลู่เซิ่นพูดนั้น ถึงจะเป็นสิ่งที่เขาเผชิญหน้าอยู่จริงๆ

“อาสาม” ลู่เซิ่นเก็บงำรอยยิ้มบนใบหน้าคืนมา น้ำเสียงก็เย็นชาลงเรื่อยๆ “พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของผม อากับอารองเลือกวันนี้ในการก่อเรื่อง ผมที่ต้องน้อมรับคำท้าด้วยความเคารพทั้งวันนั้น เหนื่อยมากแล้ว หลังจากกลับไปยังมีเรื่องหยุมหยิมของงานแต่งรอผมอีก ดังนั้น…..ความอดทนของผมมีจำกัด ถ้าหากว่าอายังไม่สามารถตัดสินใจได้ อย่างนั้นผมก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรออาต่อไปแล้ว”

เขาเอ่ยจบ ก็หันหน้าเดินกลับไปหลังโต๊ะทำงานของตัวเอง ยื่นมือออกไปจัดการเอกสารบนโต๊ะ กระทั่งปิดคอมพิวเตอร์ ด้วยท่าทางรีบร้อนจะจากไปจริงๆ

ในใจของอาสามถกเถียงไปมาชั่วขณะหนึ่ง

ที่จริงแล้วการคาดการณ์ของลู่เซิ่นนั้นไม่ผิด เงินที่เขาและอารองใช้สอยในวันนี้ นอกเหนือจากเงินกู้ที่ถูกกฎหมายของธนาคารแล้ว ยังมีเงินทุนจากใต้ดินไม่น้อย จุดจบของการคืนเงินเหล่านี้ไม่ได้นั้น………อาสามไม่กล้าคิดมากไปกว่านี้

ถ้าหากว่าขายสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นให้กับลู่เซิ่น แม้ว่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถแก้ไขเรื่องที่เร่งด่วนมากได้

แต่ว่า……จะขายสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นออกไปทั้งอย่างนี้

เขาไม่สมัครใจนินา!

ลู่เซิ่นคล้ายกับมองเมินเขาที่ยืนอยู่อีกด้านไปแล้ว สนใจแต่การเก็บของของตัวเองให้เรียบร้อย และตั้งใจจะเดินออกไปข้างนอก

รอจนถึงตอนที่เขาเดินไปถึงหน้าประตูห้องทำงาน ในที่สุดก็มีเสียงแหบแห้งของอาสามลอยมาจากทางด้านหลัง

“ตกลง”

มุมปากลู่เซิ่นมีรอยยิ้มพาดผ่าน แต่ถูกตัวเองซ่อนเอาไว้อย่างรวดเร็ว

มือของเขาไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหว ยื่นออกไปบิดลูกบิดประตูให้เปิดออก แล้วค่อยหันหน้ากลับไปทางอาสาม “เชิญด้านนี้ครับ”

ใบหน้าของอาสามไม่มีโทสะอย่างตอนที่มาแล้ว เดินออกไปจากห้องทำงานของลู่เซิ่น เหมือนกับสุนัขที่ต่อสู้พ่ายแพ้ตัวหนึ่ง อย่างหดหู่

ลู่เซิ่นปิดประตูด้านหลังเขา เงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นอารองกับทนายความเดินเข้ามา ยังมีหลินหยังที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งด้วย

ตอนที่อารองจากไปนั้น ความรู้สึกลิงโลดในใจนั้นก็ไม่มีแล้ว แต่ตอนนี้สีหน้ากลับมองไม่ออกว่าดีใจหรือเศร้าใจ เขาเหลือบตาขึ้นมองลู่เซิ่น คล้ายกับว่ามีอะไรจะพูด แต่ริมฝีปากขยับไปมาอยู่หลายที สุดท้ายแล้วก็ยังคงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ส่ายหน้าแล้วจากไป

อาสามเห็นสีหน้าของเขาแล้ว การตัดสินใจที่ยากลำบากเมื่อครู่นี้ก็เกิดหวั่นไหวขึ้นมา

แต่เมื่อมองแผ่นหลังของลู่เซิ่นแล้ว เขาก็ทำได้เพียงแค่ยับยั้งความรู้สึกหวั่นไหวของตัวเองลงไป

“หลินหยัง” ลู่เซิ่นหยุดเท้านิ่ง หลังจากมองส่งอารองที่เดินไปไกลแล้ว ก็หันหน้ากลับมาพูดว่า “พาทนายความไปกับอาสามอีกรอบเถอะ”

ฝีเท้าของอาสามหยุดชะงัก บนใบหน้าปรากฏแววไม่อยากจะเชื่อ “แก…….ให้ทนายความมาตกลงกับฉันหรือ”

ลู่เซิ่นยิ้มเรียบๆ “อาสาม แน่นอนว่าผมอยากจะพูดคุยกับอาด้วยตัวเอง แต่อาลืมไปหรือไม่ว่า พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของผม ผมที่เป็นเจ้าบ่าววันนี้ทั้งวันล้วนไม่ได้กลับไป ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรใช่ไหมครับ”

อาสามถูกย้อนกลับเสียจนทำให้พูดอะไรไม่ออก เพียงแค่โบกมืออย่างอ่อนแรง

ลู่เซิ่นอมยิ้มมุมปาก หมุนตัวจากไปด้วยกิริยาหล่อเหลางดงาม

อาสามเงยหน้าขึ้นมาสบตากับทนายความของลู่เซิ่นครั้งหนึ่ง

แน่นอนว่าเขารู้ว่าทนายความท่านนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง

พูดคุยเจรจากับเขา เกรงว่าถึงหนังตัวเองจะถลอกไปชั้นหนึ่งแล้วก็ยังต้องขาดทุนอีก

แต่ในเมื่อเดินมาจนถึงก้าวนี้แล้ว ก็ไม่มีหนทางให้หันหลังกลับอีก

เขาถอนหายใจเสียงเบา หันหน้าเดินตามทนายความเข้าไปในห้องประชุมเล็ก

……..

หลินหยังส่งอาสามเข้าไปในห้องประชุมแล้วก็เดินออกมา

รีบพุ่งตัวไปยังลานจอดรถใต้ดินอย่างรีบร้อน ลู่เซิ่นนั่งอยู่ในรถแล้ว หน้าต่างรถปิดไม่สนิท ดังนั้นเขาสามารถเห็นหน้าของลู่เซิ่นได้อย่างชัดเจน

สายตาของลู่เซิ่นมองไปยังทิศทางด้านหน้า ถ้าหากว่าคนที่ไม่สนิทเห็น ส่วนใหญ่ล้วนนึกว่าเขากำลังนั่งรอคนอย่างตั้งใจ

แต่หลินหยังติดตามลู่เซิ่นมานานขนาดนี้ คุ้นเคยกับอารมณ์ความรู้สึกของเขามาก

แท้จริงแล้ว ท่าทางเหม่อลอยแบบนี้ของลู่เซิ่น…….เห็นได้น้อยมาก

หลายปีมานี้ หลินหยังสามารถใช้มือข้างเดียวนับจำนวนครั้งที่ลู่เซิ่นเหม่อลอยออกมาได้

คล้ายกับว่าเขาถูกห่อด้วยเกราะที่มีดหอกแทงไม่เข้า มีเพียงแค่ระยะนี้ ช่วงเวลาที่ฉินซีหายตัวไป บางครั้งเขาถึงได้เผยส่วนเล็กๆบางส่วนออกมาจากเกราะ

เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียว ก็มากพอที่จะทำให้คนรู้สึกประหลาดใจได้แล้ว

หลินหยังไม่กล้ามองมากไปกว่านี้ เพียงแค่ไอเบาๆครั้งหนึ่ง เผยเสียงฝีเท้าเล็กน้อย เป็นการเตือนลู่เซิ่นว่าตัวเองมาแล้ว

สายตาของลู่เซิ่นมีจุดรวมขึ้นมาช้าๆ พลางหันมามองหลินหยัง

“ขึ้นรถเถอะ” เสียงของเขาแฝงไปด้วยความอ่อนล้าที่สังเกตไม่ได้ง่ายๆ

หลินหยังไม่กล้ารีรอ เปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่ง

คนขับรถขับรถออกจากลานจอดรถ คิดจะหมุนพวงมาลัยไปทางซ้าย มุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลลู่ตามความคุ้นชิน

ลู่เซิ่นกลับเอ่ยปากขึ้นมากะทันหันว่า “ยังไม่กลับบ้านตระกูลลู่ ไปรีสอร์ทชิงหยวน”

แน่นอนว่าคนขับรถพยักหน้ารับคำ โดยไม่เอ่ยถามว่าทำไมสักประโยคหนึ่ง

ลู่เซิ่นเอ่ยประโยคนี้จบแล้ว ก็หลับตาลง ไม่เอ่ยพูดอะไรอีก

สิ่งที่ทำในวันนี้ทั้งหมด หากมองจากสายตาคนนอก ลู่เซิ่นน่าจะเรียกได้ว่าครอบครองชัยชนะทั้งหมดแล้ว

เขาใช้ราคาต่ำสุดในการซื้อหุ้นบริษัทลู่ซื่อเกือบจะ 30% แบบนี้แล้ว แม้ว่าหลังจากนี้จะสูญเสียความเชื่อถือจากลู่เหวยและสูหยิงไป เขาอาศัยสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นจำนวน 43% ในมือของตัวเอง ก็สามารถยืนอยู่ในบริษัทลู่ซื่อได้อย่างมั่นคงแล้ว

ไม่มีใครสามารถโต้แย้งกับเขาในบริษัทลู่ซื่อได้อีก

หมากที่เขาใช้ในครั้งนี้ วางตำแหน่งรากฐานของตัวเองในบริษัทลู่ซื่อได้อย่างมั่นคง สามารถจับหนอนบ่อนไส้ในบริษัทลู่ซื่อออกมาได้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ทำได้งดงามเป็นอย่างมาก

ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น คืนวันนี้คงจะมีการจัดโต๊ะเลี้ยงเฉลิมฉลองไปแล้ว

แต่จากตัวของลู่เซิ่นแล้ว กลับมองไม่ออกถึงความปีติยินดีใดๆที่มีต่อเรื่องนี้

ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาพบเจอคลื่นใหญ่ลมแรง อุปสรรคมากมาย และก็ไม่ใช่เพราะว่าเขาใส่ใจบริษัทลู่ซื่อ เพียงแต่ว่าสิ่งที่เผยออกมาจากร่างของเขาเป็นความอ่อนล้าที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ห่อหุ้มเขาเอาไว้

ทำให้ความปีติยินดีของเขา มองดูแล้วไม่เหมือนความยินดีเลย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท