Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1263

ตอนที่ 1263

บทที่ 1263 พวกเราแต่งงานกันแล้ว

เมื่อผลักประตูห้องนอนให้เปิดออกแล้ว หน่วยตาของฉินซีก็อดที่จะรู้สึกแสบร้อนเล็กน้อยไม่ได้

ครั้งหนึ่งในอดีต ที่นี่เคยเป็นสถานที่ที่เธอคุ้นเคยมาก

มาวันนี้ ได้กลับมาหลังจากที่ไม่ได้กลับมานานแล้ว

พระจันทร์ในคืนวันนี้กลมมาก แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาจากบานหน้าต่าง แม้ว่าจะไม่ได้เปิดไฟ แต่ก็สามารถมองเห็นสภาพภายในห้องได้ชัดเจนมาก

ฉินซีสูดลมหายใจลึก ก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้อง พลิกมือปิดประตูห้องเพื่ออำพรางเอาไว้

แต่เธอเพิ่งจะเดินเข้ามา แค่หันหน้าไปก็ตะลึงค้างอยู่ที่นั่น

บนเตียงที่เธอกับลู่เซิ่นนอนกอดกันและหลับไปในอดีตนั้น มีชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ชุดหนึ่งวางอยู่

หัวใจของฉินซีมีความรู้สึกปะทุขึ้นมามากเกินไปในชั่วขณะ

แรกเริ่มคือโทสะ จากนั้นก็ความปวดร้าว และความสงสัยระคนไม่เข้าใจเล็กน้อย

พรุ่งนี้ก็เป็นวันแต่งงานแล้ว ชุดแต่งงานยังอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน

เจ้าสาวเป็นคนที่มีจิตใจกว้างขวางขนาดไหนกันแน่ ถึงได้ทิ้งชุดแต่งงานเอาไว้ในห้องที่ลู่เซิ่นและภรรยาคนก่อนเคยอยู่อย่างไม่ใส่ใจ

ลู่เซิ่นเห็นตัวเองเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงได้วางชุดแต่งงานไว้ที่นี่อย่างไม่สนใจไยดี

ชุดแต่งงานอันงดงามมองดูแล้วคล้ายกับผ้าขาวผืนหนึ่ง ฝังกลบเรื่องราวทั้งหมดที่เป็นของลู่เซิ่นและฉินซีลงไป

แต่ความรู้สึกในใจนั้นสลับซับซ้อนมากมาย ฉินซีกลับถูกอะไรบางอย่างดึงดูดโดยไม่รู้ตัว ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ชุดแต่งงานชุดนั้น

แม้ว่าจะไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงแค่แสงจันทร์ส่องสว่าง ฉินซีกลับสามารถมองเห็นลักษณะของชุดแต่งงานได้อย่างชัดเจน

ในใจของหญิงสาวทุกคนล้วนมีความฝันที่เกี่ยวกับชุดแต่งงาน ล้วนเคยคิดว่าตัวเองสวมใส่ชุดแต่งงานที่งดงามบริสุทธิ์อย่างที่สุด มองดูเจ้าชายขี่ม้าขาวของตัวเองก้าวมาหาตัวเองช้าๆ พูดกับตัวเองด้วยความรู้สึกอันลึกซึ้งว่า ผมยอมรับครับ

แต่ชุดแต่งงานที่อยู่เบื้องหน้าชุดนี้ บางทีในความฝันของเด็กสาวมากมายล้วนไม่กล้าจินตนาการแบบนี้

ชุดแต่งงานไม่ใช่แนวเรียบง่ายรัดกุม แต่งดงามวิจิตรตระการตาเป็นอย่างยิ่ง กระโปรงพองฟูเกือบจะเต็มเตียง ขอบกระโปรงประดับด้วยจี้เพชรและผ้าลูกไม้ที่ทำด้วยมือ คนที่มีโชคได้สวมได้ชุดแต่งงานชุดนี้ จะต้องดูแล้วเหมือนกับเจ้าหญิงคนหนึ่งแน่นอน

ตรงกลางของกระโปรงชุดแต่งงาน มีกล่องกำมะหยี่สีดำเล็กๆกล่องหนึ่ง

ฉินซีแทบจะเข้าใจได้ในทันทีว่า นั่นคืออะไร

แต่ว่าความสงสัยในใจของเธอกลับยิ่งหนักขึ้น

——ชุดแต่งงานอยู่ที่นี่ก็ช่างมันเถอะ ทำไมแหวนก็อยู่ที่นี่ด้วยล่ะ

หรือว่าเจ้าสาวอยู่ที่นี่ด้วยกัน

แต่คิดถึงตอนที่ตัวเองเข้ามานั้น ตึกหลักทั้งตึกอยู่ในความมืด ไม่เหมือนกับมีเจ้านายพักอาศัยอยู่ที่นี่

ความระแวดระวังในใจเธอเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วความระแวดระวังเหล่านี้ก็สู้ความอยากรู้อยากเห็นในใจเธอไม่ได้

ใกล้เคียงกับการทรมานตัวเองอย่างไรอย่างนั้น เธออยากรู้มากว่า การที่ลู่เซิ่นแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นนั้นจะเลือกแหวนแบบไหนกัน

ดังนั้นเธอจึงโค้งตัวลงไป ยื่นมือหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำกล่องนั้นขึ้นมา

มือที่ยื่นออกไปของเธอเป็นข้างซ้าย ดังนั้นหางตาจึงมองเห็นนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองนั้นว่างเปล่า

ครั้งหนึ่งในอดีต…….บนนั้นก็มีแหวนที่ลู่เซิ่นมอบให้วงหนึ่งเช่นกัน

การแต่งงานของเธอกับลู่เซิ่นไม่มีการสารภาพความรู้สึกอะไรอย่างตรงไปตรงมา เพียงแค่จดทะเบียนสมรสอย่างเร่งรีบก็ถือว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดิมฉินซีก็มองว่าการแต่งงานในครั้งนี้เป็นการทำการค้าอย่างหนึ่ง ดังนั้นล้วนไม่ได้เตรียมตัวอะไร

แต่เมื่อตื่นขึ้นมาในวันถัดไป กลับพบว่าบนนิ้วนางของตัวเองสวมแหวนวงหนึ่งอยู่

หันหน้าไปมองลู่เซิ่น ก็พบว่าบนมือเขาก็มีวงหนึ่งเช่นกัน

“ไว้เป็นเครื่องหมายหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าพวกเราแต่งงานแล้ว” ลู่เซิ่นอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่แม้กระทั่งจะมองเธอ “ไม่สามารถประกาศเรื่องการแต่งงานออกไปอย่างเปิดเผยได้ แต่อย่างน้อยก็มีสิ่งหนึ่งที่บอกกับคนที่มีเจตนาจะเข้าใกล้ว่า พวกเราแต่งงานแล้ว”

ตอนนั้นฉินซีลังเลแล้วลังเลอีก แต่ก็เอ่ยพูดว่า “ที่จริงแล้วไม่มี ก็ไม่เป็นไร พวกเราแต่งงาน…….ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคนอื่นที่จะเข้าใกล้คุณ ถ้าหากว่าคุณพบกับคนที่ตัวเองรัก ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องฉัน เพียงแค่บอกให้ฉันเข้าใจ พวกเราไปหย่าก็ได้แล้ว”

เสียงเธอเพิ่งสิ้นสุดลง สีหน้าของลู่เซิ่นก็ไม่น่าดูขึ้นมาในเสี้ยววินาที เขาลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว เหมือนกับไม่คิดจะพูดกับฉินซีอีก และก้าวเดินไปถึงประตูด้วยความเร็วสูง และทิ้งประโยคเย็นชาไว้ประโยคหนึ่ง “ไม่อยากสวมก็ช่างมันเถอะ ถอดออกแล้วโยนทิ้งไปก็ได้แล้ว”

เขาเอ่ยจบก็กระแทกประตูจากไป

ส่วนฉินซีนั้นตะลึงค้างเพราะปฏิกิริยาตอบสนองของเขา ไม่รู้ว่าประโยคไหนของตัวเองที่พูดผิดไปกันแน่

แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ได้ถอดออก

จนกระทั่งในตอนท้ายที่เตรียมตัวจะไปจากที่นี่ ถึงได้ถอดแหวนออกในที่สุด และวางไว้คู่กับจดหมายที่เธอทิ้งเอาไว้

——ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นจะเห็นจดหมายฉบับนั้นไหม

เมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ ฉินซีก็ยิ้มเยาะตัวเอง

เห็นแล้วอย่างไร ไม่เห็นแล้วอย่างไร

สรุปแล้ว ตอนนี้เขาจะแต่งงานกับคนอื่นแล้ว คำพูดที่ตัวเองทิ้งเอาไว้ในตอนแรกเหล่านั้น สำหรับเขาแล้ว ก็ไม่มีความสำคัญอะไรอีก

ฉินซีกัดริมฝีปาก ให้ความรู้สึกที่เจ็บปวดเรียกสติสัมปชัญญะของตัวเองกลับคืนมา สายตาโฟกัสที่กล่องแหวนบนมือใหม่อีกครั้ง

เธอกัดฟัน เปิดกล่องออก

ภาพเบื้องหน้าสว่างจ้าขึ้นอย่างกะทันหัน

ปฏิกิริยาแรกของฉินซีคือ—— เพชรเม็ดนี้เป็นประกายจริงๆ

แต่วินาทีถัดไป เธอก็รู้สึกตัวขึ้นมาได้ว่า

ไม่ใช่เพชร!

มีคนเปิดไฟ!

หัวใจเธอหดตัว หมุนร่างไปอย่างรวดเร็ว

ประตูที่ตัวเองปิดเมื่อครู่นี้ถูกเปิดออกแล้ว ระเบียงทางเดินด้านนอกมืดสนิท ไม่มีแม้แต่เงาใครสักคน

หัวใจของฉินซีลอยขึ้นมาถึงลำคอ บีบกล่องในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว หันหน้าไปพิจารณารอบด้านช้าๆอย่างระมัดระวัง

แต่เธอเพิ่งจะหันหน้าไปได้นิดเดียว เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นข้างหูเธอ

“ดูตั้งใจขนาดนั้น ไม่สู้ลองสวมกับตัวเองสักครั้ง”

ฉินซีตาเบิกโตทันที

เสียงนี้……

เธอไม่ได้ยินมาสามเดือนแล้ว แต่กลับไม่ต้องใช้พลังใดๆก็สามารถแยกแยะออกได้

——เป็นลู่เซิ่น

สิ่งแรกที่เธอคิดได้ในเวลานี้ไม่ใช่ว่า ทำไมลู่เซิ่นถึงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ คิดแค่เธอจะต้องหันหน้าไป หันหน้าไปมองเขา

เธอไม่รู้กระทั่ง แม้ว่าจะถูกหักหลัง ถูกบังคับให้จากกันสามเดือน ความคิดถึงในใจที่เธอมีต่อลู่เซิ่น จะยังลึกซึ้งขนาดนี้

ดังนั้นเธอแทบจะไม่ได้หยุดชะงักอะไร และมองไปตามทิศทางที่เสียงนั้นลอยมา

ลู่เซิ่นยืนอยู่ในจุดที่ห่างจากเธอก้าวหนึ่ง เงียบๆ หลุบตาลงมองเธอ

……..เขาผอมลง

ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองเธอ กลับเป็นเรื่องนี้

เมื่อเทียบกับตอนที่พบหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งร่างของลู่เซิ่นนั้นผอมลงไปรอบหนึ่ง เดิมโครงหน้าที่ลึกลับกลับเรียบง่ายยิ่งขึ้น แต่กลับทำให้คนไม่รู้สึกว่าผอมแห้ง กลับกันยิ่งเหมือนกับมีดที่แหลมคมเล่มหนึ่ง ดูแล้วคมปลาบยิ่งขึ้น

แววตาของเขาจับจ้องที่ร่างของตัวเองอย่างลึกซึ้ง เหมือนกับน้ำวนสองแอ่ง ฉินซีมองแล้วไม่เข้าใจไปชั่วขณะว่า ในนั้นเจือร่องรอยอารมณ์ความรู้สึกแบบไหนเอาไว้

เขาไม่พูดไม่จา

ฉินซีก็ไม่ได้พูดเช่นกัน

ทั้งสองคนถูกกั้นด้วยระยะห่างหนึ่งก้าว มองฝ่ายตรงข้ามเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร แม้แต่คำเดียว

แต่ฉินซีรู้ดีมากว่า ความเงียบแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอะไรจะพูด

อย่างน้อยเธอก็ไม่ใช่

มีคำถามมากมายซ่อนอยู่ในใจของเธอ เหมือนกับภูเขาไฟลูกหนึ่งที่ปะทุอยู่ในร่างกายของเธอ ขอเพียงแค่มีช่องว่างเล็กน้อย ก็จะปะทุออกมาอย่างอดทนรอไม่ไหว

แต่เธอยังรอให้ช่องว่างนั้นปรากฏขึ้นมา

สุดท้ายแล้วลู่เซิ่นก็ไม่เอ่ยอะไรสักคำ แต่ตากลับมองฉินซีโดยไม่กระพริบ คล้ายกับกลัวว่า เมื่อกระพริบตาแล้ว คนที่อยู่ด้านหน้าจะจางหายไป

ท่ามกลางการคุมเชิงกันอย่างเงียบๆนั้น สมองของฉินซีก็ฟื้นการทำงานอย่างช้าๆ คิดถึงประโยคที่ลู่เซิ่นพูดอยู่ข้างหูตัวเองเมื่อครู่นี้

“ไม่สู้ลองสวมกับตัวเองสักครั้ง”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท