Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1273

ตอนที่ 1273

บทที่ 1273 การปรากฏตัวของถังย่า

ลู่เซิ่นชายตามอง

เขาขี้เกียจเกินไปที่จะไปหยิบจดหมายเชิญเพื่อตรวจว่าเป็นของจริงหรือของปลอม หลังจากเขารู้แล้วว่าถังย่าเป็นคนขององค์กร ถ้าพวกเขาต้องการปลอมการ์ดเชิญสักใบมันง่ายมาก

สิ่งเดียวที่เขากังวลในตอนนี้คือจุดประสงค์ที่ถังย่ามาที่นี่

…เพื่อพาฉินซีไปหรือเปล่า

เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้เส้นประสาทของลู่เซิ่นก็บีบตัวและมือที่จับแขนของฉินซีอยู่ก็ออกแรงมากขึ้น

ถังย่าดูเหมือนจะดูสิ่งที่เขากังวลออกและยิ้มเบาๆ “ไม่ต้องกังวลฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำให้คุณลำบาก ตรงกันข้ามฉันมาที่นี่เพื่อช่วยคุณ”

แน่นอนลู่เซิ่นไม่อยากจะเชื่อคำพูดของเธอและหัวเราะเสียงเย็นช้าพลางพูดว่า “ไม่กล้ารบกวนคุณหรอก”

หลังจากพูดจบเขาก็หันกลับมาอย่างระมัดระวังปกป้องฉินซีให้อยู่ด้านหน้าเขาและผลักเข้าไปในห้องแต่งตัวที่เตรียมไว้

ถังย่าไม่รีบร้อนและค่อยๆอยู่พูดข้างหลังเขา “ประธานลู่ไม่เข้าใจจริงสินะ ชุดแต่งงานนี้ฉินซีไม่สามารถสวมคนเดียวได้หรือคุณต้องการที่จะอยู่ช่วยสวมมันด้วยตัวเองงั้นเหรอ”

ลู่เซิ่นนึ่งไปชั่วคราวและไม่ได้หันหน้าไปมองเธอ แต่การกระทำของเขาดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อย

ในขณะนั้นฉินซีก็ยื่นมือออกมาและดึงแขนเสื้อของลู่เซิ่น “ลู่เซิ่นนายให้ถังย่าเข้ามาช่วยก็ได้”

ความไม่เชื่อปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของลู่เซิ่นเขามองไปที่ฉินซีก้มศีรษะลงและพูดซ้ำว่า “เธอขอให้ถังย่าช่วยเธอเหรอลืมไปแล้วรึไงว่าเธอ …

“ลู่เซิ่น” ฉินซีพูดขัดจังหวะเขา และโน้มตัวเข้าไปพูดข้างหูเขาว่า “ที่ฉันสามารถปรากฏตัวที่นี่ในวันนี้ก็เพราะถังย่าปล่อยฉันออกมา”

ลู่เซิ่นตกใจมาก เขาไม่เชื่อเล็กน้อยจึงหันหน้าไปมองถังย่าที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างใจเย็น

หลังจากได้รับการจ้องมองจากเขาและไม่ได้แสดงออกอะไรเพียงแค่ยักไหล่เบา ๆ

ลู่เซิ่นพบว่าเขาไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้

เธอเป็นคนที่ช่วยจ้านเซินพาฉินซีออกไปและเป็นคนส่งข่าวให้จ้านเซิน แต่เธอเป็นคนที่เปิดเผยชื่อของจ้านเซินโดยไม่ได้ตั้งใจและเธอก็เป็นคนที่ช่วยฉินซีกลับมา

ผู้หญิงคนนี้ … กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

ลู่เซิ่นมักจะอยู่ห่างจากการสิ่งที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฉินซีและเขาจำเป็นต้องระมัดระวังมากขึ้น

แต่ฉินซียังคงจับแขนเสื้อของลู่เซิ่นและพูดเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนโยนว่า “ลู่เซิ่นนายให้เวินจิ้งแกล้งเป็นเจ้าสาวของนายและยังขอให้เธอช่วยฉันที่เป็นเจ้าสาวตัวจริงคนนี้เปลี่ยนชุดให้นายไม่รู้สึกอายเหรอถึงแม้นายจะไม่รู้สึกอะไร แต่ฉันก็ไม่ต้องการจะเจอเจ้าสาวในนามของนายคนนี้ ถังย่าปลอดภัยไม่ต้องกังวล”

ลู่เซิ่นก้มมองเธอเป็นเวลานานและในที่สุดก็หลีกทางอย่างไม่เต็มใจ “โอเคถ้าเธอยืนยันจะให้เธอช่วยถ้ามีอะไรหาฉันทันทีและฉันจะให้เป็นบอดี้การ์ดสองคนมาคุ้มกัน ”

ฉินซีรู้อยู่ในใจว่าถ้าถังย่าต้องการพาเธอไปจริงๆก็ไม่มีประโยชน์ที่ลู่เซิ่นจะพาบอดี้การ์ดมาคุ้มกัน แต่เพื่อที่จะให้ลู่เซิ่นสบายใจเธอจึงพยักหน้าตอบกลับไป

ถังย่ายิ้มบาง ๆ และกล่าวว่า “ประธานลู่ไม่ต้องกังวลถ้าฉันต้องการพาฉินซีไปจริงๆ คุณคงไม่ได้พบเธอในวันนี้ฉันอยู่ที่นี่เพื่อมาช่วยจริงๆ จะมีบอดี้การ์ดมากเท่าไหร่ก็เอาเถอะจะได้คุ้มกันอย่างเต็มที่”

หลังจากพูดเสร็จเธอก็เดินไปหาฉินซีอย่างมั่นใจและเบียดตัวด้านข้างเข้าไปในห้อง

ฉินซียืนอยู่ที่ประตูให้ลู่เซิ่นดูสบายๆแล้วหันกลับไปปิดประตู

ในใจของลู่เซิ่นยังคงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นฉินซียืนกรานแบบนี้เขาก็ไม่มีทางอื่น เขาโทรเรียกบอดี้การ์ดสองคนให้ขึ้นมาและเขาก็อยู่ที่ประตูครู่หนึ่งก่อนที่สูหยิงจะโทรมา

“ลู่เซิ่นลูกอยู่ที่ไหน” น้ำเสียงของสูหยิงดูตำหนิเล็กน้อย “วันนี้เป็นงานแต่งงานของลูก คงไม่ได้มีแค่พวกเราที่ช่วยลูกรับแขกใช่ไหม”

ลู่เซิ่นตอบรับกลับไป เขาหันหน้าไปมองประตูห้องที่ปิดสนิทอยู่ก่อนจะสั่งผู้คุ้มกันอีกครั้งและในที่สุดก็หันหลังจากไป

ภายในห้อง

ฉินซีปิดประตูและหันกลับไปมองรอบๆห้อง

ห้องนี้ถูกดัดแปลงให้เป็นห้องแต่งตัวมีกระจกแต่งหน้าขนาดใหญ่และกระจกเต็มตัวมีเครื่องสำอางจำนวนมากมายหลายขวดวางเรียงอยู่บนโต๊ะชุดแต่งงานที่ฉันเห็นในห้องนอนของรีสอร์ทชิงหยวนเมื่อคืนถูกแขวนไว้บนกำแพง. และถังย่ากำลังยืนอยู่หน้าชุดแต่งงานมองพินิจพิเคราะห์

แม้ว่าฉินซีจะรับประกันกับลู่เซิ่นแต่ที่จริงจุดประสงค์การมาของถังย่ายังไม่สามารถคาดเดาได้ชัด

เธอมาเพื่อพาฉันกลับไปเหรอ

ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น

ฉินซีรู้รูปแบบการทำงานและความสามารถขององค์กรดีกว่าใคร ๆ ถ้าเธอมาเพื่อสิ่งนี้จริงอย่างที่เธอคิด เมื่อลู่เซิ่นตื่นขึ้นมาในวันนี้ก็จะไม่สามารถพบตัวเธอแล้ว

งั้น…เพื่ออะไรกันล่ะ มีเรื่องอะไรจะอธิบายกับเธอ?

เธอรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าถังย่าไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าควรถามอย่างระมัดระวัง

ดังนั้นเธอจึงเดินไปสองสามก้าวเพื่อไปหาถังย่าพลางเอ่ยปาก“เธอมา…เพื่ออะไร”

ถังย่าละสายตาจากชุดแต่งงานมองไปที่ฉินซีพลางยิ้มจาง ๆ “ฉันบอกแล้วว่าฉันมาที่นี่เพื่อช่วยเธอจัดชุดแต่งงาน บ้านตระกูลลู่แห่งนี้มีคนรู้จักเธออยู่ที่นี่ไม่เกินห้าคนใช่ไหม ถ้าฉันไม่มาเกรงว่าจะมีเพียงเวินจิ้งภรรยาในนามของลู่เซิ่นเท่านั้นที่สามารถมาช่วยเธอสวมชุดแต่งงานได้เธอไม่รู้สึกอึดอัดใจหรือไง”

ฉินซีกลับหรี่ตาและไม่เชื่อคำพูดของเธอในทันที

ถังย่าหันกลับไปมองชุดแต่งงานและหลังจากตรวจดูชุดแต่งงานอย่างถี่ถ้วนสักสองสามนาทีจู่ ๆ เธอก็พูดว่า “เขารักเธอจริงๆ”

ฉินซีมองตามสายของเธอไป

ชุดแต่งงานงดงามมากมันแตกต่างจากที่อยู่ใต้แสงไฟเมื่อคืน ในขณะนี้ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสงที่ผนังซึ่งชุดแต่งงานแขวนอยู่ทางหน้าต่างทำให้เพชรที่เย็บติดอยู่ในชุดแต่งงานเปล่งประกาย

ชุดแต่งงานนี้น่าจะเป็นความฝันที่สวยงามที่สุดในใจของผู้หญิงทุกคน

“สุดท้ายแล้ว…ฉันก็ไม่สามารถมีงานแต่งงานของตัวเองได้” ถังย่า พูดต่อสายตาของเธอยังคงจับจ้องไปที่ชุดแต่งงานนี้ “และเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเพื่อนเจ้าสาวในงานแต่งงานของใครก็ได้ เพราะงั้นงานแต่งงานของเธอเป็นเพียงงานเดียวของฉันโอกาสที่บริสุทธิ์ ที่สุดที่จะได้ใกล้ชิดกับพิธีแต่งงานสักครั้งดังนั้น…ฉันจึงมาที่นี่ ”

ฉินซีหันไปมองใบหน้าด้านข้างของเธอ

เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงของ ถังย่าดูอ้างว้าง แต่การแสดงออกของเธอยังคงเป็นรอยยิ้มแบบหุ่นยนต์ที่ฉินซีคุ้นเคย ราวกับว่าคน ๆ หนึ่งถูกตัดขาดและไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้

ทันใดนั้นฉินซีก็นึกถึงคำพูดที่เธอพูดกับตัวเอง ตอนที่เธอส่งตัวเองออกมาเมื่อคืน

เธอสู้กับการร้องขอจ้านเซินเท่าใดก็ไม่อาจได้มา ไม่เพียงแต่ไม่อาจครอบครองได้

แม้แต่ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองเธอยังไม่กล้าแสดงออกมา ดูแล้วน่าสงสารยิ่งกว่าการไม่ได้เป็นเจ้าของมัน

สมองของฉินซีก็ถูกกระตุ้นและพยักหน้าไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว “ถ้าอย่างนั้นอย่าเสียเวลา เริ่มเตรียมตัวเถอะ”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท