Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1268

ตอนที่ 1268

บทที่ 1268 อดีตที่ถูกลืมเลือน

ทว่าลู่เซิ่นทำแค่ยิ้มบางๆ “คุณวางใจเถอะ ผมไม่มีความสนใจในองค์กรของพวกคุณ”

แม้ว่าจะสนใจ เขาก็จะไม่บีบให้ฉินซีตอบคำถามตัวเอง

เขาจะใช้วิธีการของตัวเองหามันออกมา

ฉินซีพยักหน้าอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“หลังจากที่คุณหายตัวไป ตอนแรกผมตามหาคุณอยู่นานมาก” ลู่เซิ่นหลุบตาลง ทำให้คนมองไม่ออกถึงอารมณ์ความรู้สึก “แต่องค์กรของคุณซ่อนคุณเอาไว้ดีมาก ผมแทบจะไม่มีเบาะแสของคุณเลยแม้แต่น้อย คุณก็รู้ ผู้ใหญ่คนหนึ่งหายตัวไปเสียเฉยๆเป็นเวลานานขนาดนี้ ความคิดของคนปกติทั่วไปล้วน……คิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณหรือไม่”

แม้ว่าจะมองเห็นความรู้สึกแววตาของเขาได้ไม่ชัด แต่ฉินซีก็ยังสามารถรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดที่กดทับเขาเอาไว้ได้จากน้ำเสียงของเขา

ตอนนั้นที่ตัวเองอาศัยอยู่บนเกาะ ก็ยังคิดว่าลู่เซิ่นน่าจะใช้ชีวิตกับคนรักใหม่ด้วยกันอย่างมีความสุข คงจะไม่คิดถึงตัวเอง แต่ถ้าสิ่งที่ลู่เซิ่นอธิบายมาก่อนหน้านี้ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด งานแต่งงานเป็นเพียงแค่ป้ายๆหนึ่งที่ประดับเอาไว้เฉยๆ ทั้งหมดที่องค์กรให้เธอดู ก็แค่หลอกเธอเท่านั้น เขารักตัวเองมาโดยตลอด

ช่วงเวลาสามเดือนนั้น สำหรับเขาแล้ว น่าจะเป็นความทรมานที่เจ็บปวดเกินไป

ลองเปลี่ยนมุมคิดสักหน่อย ถ้าหากวันนี้ลู่เซิ่นหายตัวไปสามเดือนโดยไม่มีสาเหตุ ฉินซีก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่าสภาพจิตใจตัวเองจะเป็นแบบไหน จะร้อนใจและเศร้ามากแค่เพียงใด

“แม้กระทั่งหลินหยังก็เคยเอ่ยถึงความเป็นไปได้นี้อย่างอ้อมๆ แต่ว่าสุดท้ายผมก็ไม่ยินยอมที่จะเชื่อ สุดท้ายแล้วก็หาลู่ทางหนึ่งได้ นั่นก็คือ…….ถังย่า” ลู่เซิ่นเอ่ยถึงตรงนี้แล้ว ถึงได้เหลือบตาขึ้นมาเล็กน้อย “ผมรู้ว่าหลายวันนั้น คุณกำลังจัดเตรียมนิทรรศการภาพถ่ายอยู่ ดังนั้นในตอนแรก จึงไม่มีความเห็นอะไรในการที่คุณไปหาถังย่า แต่ว่า…….ในภายหลังก็ถูกผมตรวจพบเบาะแสเล็กๆน้อยๆแล้วจริงๆ ดังนั้น ผมจึงไม่ลังเลที่จะตรงไปหาถังย่า”

เมื่อเอ่ยถึงชื่อของถังย่า ฉินซีก็เม้มริมฝีปาก

เธออดคิดถึงคำพูดเหล่านั้นที่ถังย่าพูดในตอนที่เธอออกมาไม่ได้

“ตอนแรก ไม่ว่าอะไร เธอล้วนไม่ยอมรับ แต่สุดท้ายในภายหลังที่ผมหาหลักฐานในกล้องวงจรปิดได้ เธอถึงได้ยอมพูด” ลู่เซิ่นตั้งใจจะไม่บอกสิ่งที่ถังย่าพูดกับตัวเองให้ฉินซีฟังหมดเปลือก เพียงแต่เลือกจุดสำคัญมาพูดอย่างคลุมเครือ “ผมรู้จากเธอว่า คุณเป็นคนขององค์กร”

แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องที่ฉินซีเจตนาจะปิดบัง แต่เธอก็ยังหลุบตาลงด้วยความละอายใจเล็กน้อย

“ตอนที่คุณเจอผม การที่คุณสูญเสียความทรงจำนั้น ไม่ได้เป็นเพราะความกระทบกระเทือนที่ถูกเกิดจากการเสียชีวิตของคุณแม่คุณ ถูกต้องไหม” คำพูดต่อมาของลู่เซิ่น กลับทำให้ฉินซีตกตะลึง

“คุณ……..รู้ได้อย่างไรกัน” ฉินซีเบิกตาโตขึ้นเล็กน้อย

ลู่เซิ่นยักไหล่ “ผมรู้ว่าคุณสูญเสียความทรงจำ แม้ว่าถังย่าจะไม่ได้พูดให้ชัดเจน แต่ก็เผยออกมาเล็กน้อยอย่างเลือนราง ตอนที่คุณไปจากองค์กรเป็นการชั่วคราวนั้น ก็จำทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับองค์กรไม่ได้เลย เชื่อมกันสักหน่อย ผมก็สามารถเดาได้ว่า การสูญเสียความทรงจำของคุณนั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรของคุณไม่น้อย”

ฉินซีกัดริมฝีปาก ครุ่นคิดอยู่สองวินาที รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่มีความจำเป็นจะต้องปิดบัง ดังนั้นจึงพยักหน้า ยอมรับ “ตอนที่ฉันจากไป สถานการณ์ค่อนข้างพิเศษอยู่บ้าง……..”

เธออธิบายเรื่องที่ตัวเองประสบในตอนนั้นให้ลู่เซิ่นฟังอย่างรวบรัด เจตนาที่จะพูดเลี่ยงความเจ็บปวดเหล่านั้น แต่เมื่อเงยหน้ามองลู่เซิ่นในตอนที่พูดจบแล้ว สีหน้าของเขากลับทะมึนเป็นอย่างมาก

“วันแรกที่คุณกลับไป พวกเขาบีบบังคับให้คุณนึกเรื่องราวทั้งหมดให้ออกหรือ” การขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของลู่เซิ่นเจือไปด้วยความต้องการจะระงับโทสะ และความสงสารที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

เดิมฉินซีวางแผนที่จะถูกลู่เซิ่นสอบถามแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องสำคัญจะคือเรื่องนี้ ชั่วขณะหนึ่งจึงพยักหน้าอย่างพูดไม่ออก บอกไม่ถูก “ใช่ พวกเขารอให้ฉันจำขึ้นมาได้อย่างช้าๆไม่ไหว”

ที่จริงแล้วไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นตัวจ้านเซินเองเท่านั้นแหละ

ความรักที่อยู่ในนัยน์ตาของลู่เซิ่นนั้นไม่ได้ถูกอำพรางเลยแม้แต่น้อย มือที่จับฉินซีไว้บีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ “พวกเขาปฏิบัติต่อคุณไม่ดี”

ฉินซีถูกน้ำเสียงของเขาทำให้ขบขัน อดไม่ได้ที่จะตอบว่า “ในองค์กรมองคนเป็นเครื่องมือหนึ่งเท่านั้น ล้วนไม่ได้มองฉันเป็นมนุษย์คนหนึ่ง จะเฝ้ารอให้พวกเขามาปฏิบัติต่อฉันดีๆได้อย่างไรกัน”

ความรู้สึกของลู่เซิ่นนั้นห่างไกลเธอที่ผ่อนคลายแบบนี้ เพียงแต่มองเธออย่างลึกซึ้งอยู่หลายวินาที และเปลี่ยนคำถามในข้อสุดท้ายไป “สามเดือนนี้คุณ ไม่สามารถไปจากองค์กรได้เลยหรือ”

สีหน้าฉินซีแข็งค้าง ชะงักไปหลายวินาที ถึงได้พยักหน้าเล็กน้อย

เธออยากจะบ่นว่าตัวเองใช้ชีวิตผ่านมายากลำบากขนาดไหนในสามเดือนนี้ ทางร่างกาย สภาพจิตใจ แทบจะได้รับความทรมานตลอดเวลา แต่ไม่ว่าอะไร เธอก็ไม่สามารถพูดออกมาได้

เพียงแต่ลู่เซิ่นคล้ายกับมองออกแล้ว

ความรู้สึกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมบนใบหน้าของฉินซีล้วนดับไฟแห่งโทสะของเขาทั้งหมด

ตอนนั้นคลิปวิดีโอที่ตัวเองได้ดูอะไรก็ไม่ใช่ทั้งนั้น เพียงแต่สิ่งที่เรียกว่าองค์กรนั้นเอามาให้ตัวเองดู เพื่อให้เกิดความรู้สึกหมดหวังกับฉินซีถึงได้เอามาหลอกเขา

การละเล่นแบบนี้ไม่แตกต่างอะไรจากแผนการที่ใช้หลอกลวงฉินซีเลย

ความจริงแล้วเขามีสิ่งที่อยากถามฉินซีมากมาย

กลับไปถึงองค์กรแล้วมีความสุขไหม คนที่ชื่อจ้านเซินคนนั้นปฏิบัติกับเธอดีไหม เธอชอบที่ไหนมากกว่ากัน สามารถอยู่ที่นี่ โดยไม่จากไปอีกได้ไหม

แต่คำพูดที่รวบรัดในตอนนี้ ทำให้เขามองออกหมดแล้ว

ฉินซีไม่ชอบที่นั่น หวังเป็นอย่างมากว่าจะสามารถหลบหนีไปจากองค์กรได้

สำหรับผู้ชายที่ชื่อจ้านเซินคนนั้น…….คล้ายกับว่าไม่ได้เหลือรอยอะไรไว้ในใจฉินซีเลย

แบบนี้ก็พอแล้ว

ความเศร้าของลู่เซิ่นที่มีมาตลอดถูกปลอบประโลมให้ดีขึ้นไม่น้อยในตอนที่ฉินซีปรากฏตัวขึ้น ตอนนี้ล้วนคุยกันเข้าใจหมดแล้ว สิ่งที่ติดขัดอยู่ในใจของเขาเหล่านั้นล้วนหายไปหมดแล้ว

การที่ฉินซีจากไป ไม่ได้เป็นเพราะว่าต้องการทิ้งตัวเอง แต่เพราะเธอถูกสิ่งที่เรียกว่าองค์กรเอาข้อมูลบางส่วนที่บิดเบือนมาหลอกเธอ เธอไม่กลับมา…..ก็เป็นเพราะว่ากลับมาไม่ได้เท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการเห็นตัวเองอีก

แบบนี้แล้ว ความสงสัยที่อยู่ในใจลู่เซิ่นเกือบทั้งหมดล้วนถูกแก้ไขหมดแล้ว เหลือเพียงแค่คำถามสุดท้าย

“ถ้าหากว่าคุณไม่สามารถจากไปได้……อย่างนั้นวันนี้คุณมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรกัน”

พอได้รู้ว่าเดิมฉินซีไม่สามารถจะทำอะไรได้อย่างอิสระ รู้ตัวอีกที ลู่เซิ่นก็นึกกลัวขึ้นมา

ถ้าหากว่าเธอไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น เดิมงานแต่งงานในวันพรุ่งนี้ของตัวเองจะกลายเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งหรือไม่

แต่ตอนนี้เธอปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว สิ่งที่เรียกว่าองค์กรนั้น จะมาหาเรื่องเธอหรือไม่

ไม่ใช่ว่าลู่เซิ่นไม่เชื่อว่าตัวเองสามารถปกป้องเธอได้ แต่ขอบเขตอิทธิพลขององค์กรนั้นยิ่งใหญ่เกินไป ลู่เซิ่นกลัวว่าจะพบเจอกับความประมาทเลินเล่อในแผนการที่ครุ่นคิดมาอย่างรอบคอบของตัวเอง ไม่ว่าอย่างไร ความปลอดภัยของฉินซี ล้วนสำคัญที่สุด

สีหน้าฉินซีแข็งค้าง

เธอไม่สามารถเปิดเผยเรื่องของถังย่าออกมาได้ และไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรถึงจะดี จึงทำได้เพียงแค่เลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถาม และเอ่ยถามขึ้นมาแทน “คุณยังไม่ได้ตอบคำถามข้อสุดท้ายนั้นของฉันว่า ทำไมคุณถึงได้จัดเตรียมงานแต่งงานนี้ขึ้นมา”

เธอเงยหน้าขึ้นมองลู่เซิ่น แฝงไปด้วยความดื้อดึง

ลู่เซิ่นจ้องมองเธอนิ่งๆครู่หนึ่ง

เทียบกับตอนที่จากไปนั้น ฉินซีผอมลงมาก ใต้ขอบตามีรอยคล้ำจางๆ บุคลิกลักษณะทั้งร่างเธอ สามารถทำให้คนมองออกได้ว่า เธอไม่มีความสุข

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท