Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1282

ตอนที่ 1282

บทที่ 1282 การจากลาชั่วคราว

แขกที่อยู่เบื้องล่าง หลายคนต่างคุ้นเคยกับลู่เซิ่น พวกเขามีความเห็นส่วนใหญ่กับผู้บริหารหนุ่มบริษัทลู่ซื่อแบบเดียวกัน

เขาอาจจะยิ้มตลอดเวลาก็จริง แต่รอยยิ้มนี้กลับไม่ได้สะท้อนอารมณ์ของเขา เหมือนกับสวมหน้ากากมากกว่า ทำให้คนอื่นมองไม่เห็นความคิดที่แท้จริงของเขา

ดังนั้นเวลานี้พวกเขามองลู่เซิ่นที่กำลังยืนบนระเบียง ตอนที่พวกเขามองหน้ากัน ยากที่จะปิดบังความอยากรู้อยากเห็นที่อยู่ข้างใน

ลู่เซิ่นควรจะมีเวลาที่มีความสุขเช่นนี้

คนที่ร่วมงานเลี้ยงเป็นนักธุรกิจ หัวสมองไว เข้าใจทันที เจ้าสาวคนนี้ในใจของลู่เซิ่นแล้ว มีความสำคัญที่สุด

ดูท่าต่อไปคิดจะสานสัมพันธ์กับตระกูลลู่ เข้าทางผู้หญิงคนนี้คงจะมีความก้าวหน้าหรือเป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด

แต่พวกเขาก็พบอีกปัญหาหนึ่งอย่างรวดเร็ว

พวกเขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร

เมื่อพวกเขาเงยหน้ามองฉินซีที่สวมผ้าคลุมศีรษะหนาๆ ในสายตาเริ่มเข้าใจมากขึ้น

ไม่ตำหนิลู่เซิ่นต้องปกป้องเธอถึงขั้นนี้

ถ้าหากวันนี้ทุกคนเห็นหน้าของเธอ วันหน้าวันหลังคงยากจะได้อยู่อย่างสงบสุขเป็นแน่

แน่นอนฉินซีไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างล่างใช้เหตุผลแปลกๆ อย่างนี้เพื่ออธิบายการที่เธอไม่เปิดเผยหน้าตาอย่างสมเหตุสมผล เวลานี้เธอไม่มีอารมณ์สนใจคนอื่น

เธอเพียงแต่กวาดตามองกลุ่มคนข้างล่าง ที่มุมหนึ่งของกลุ่มแขกในงานเธอมองเห็นถังย่า จึงตัดสินใจ

เธอหันหลังให้ทุกคน โยนช่อดอกไม้ไปทางถังย่าเต็มแรง

เธอรู้ว่าฝีมือของตัวเองตอนนี้ โยนเช่นนี้ ไม่มีทางพลาดแน่

มีประโยคหนึ่งกล่าวว่า dirty secrets make friends ความลับสร้างเพื่อน ตอนนี้ฉินซีรู้สึกเช่นนี้กับถังย่า

เธอยังดูไม่ออกว่าถังย่าคิดอย่างไรกันแน่ แต่ถึงตอนนี้ เธอเลิกสงสัยแล้ว ยอมที่จะเชื่อ เพราะคำพูดที่ถังย่าพูดกับเธอ ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อหลอกลวงเธอ

บางทีอาจจะเรียกเพื่อนได้ไม่เต็มปาก แต่ฉินซีรู้สึกว่าระหว่างพวกเธอสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้นไม่น้อย

ความใกล้ชิดอย่างนี้ เธอหวังว่าถังย่าก็จะพบกับความสุขของตัวเองเร็ววัน

ช่อดอกไม้ลอยโค้งเป็นเส้นสวยงามกลางอากาศ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้คนตกลงมาในอ้อมแขนของถังย่าอย่างเหมาะเจาะ

ถังย่าแค่จะมาร่วมสนุกเท่านั้น ไม่ได้คิดจะมาแย่งช่อดอกไม้ จึงยืนเงียบๆ ที่มุมหนึ่ง แต่จู่ๆ ก็มีดอกไม้หล่นลงมาในอ้อมแขนของเธอ

ถังย่าตะลึง มองดอกไม้ในอ้อมแขน แล้วเงยหน้ามองฉินซี

แน่นอนว่าเธอมองการแสดงออกของฉินซีไม่ชัด แต่เธอเดาได้ว่าฉินซีภายใต้ผ้าคลุมศีรษะ จะต้องมีรอยยิ้มเป็นแน่

ถังย่าจึงมองไปทางฉินซี ค่อยๆ คลี่ยิ้มบางๆ

ลู่เซิ่นไม่ได้สนใจว่าช่อดอกไม้จะไปทางไหน ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของแขกร่วมงาน เขาเพียงยิ้มมองไปทางฉินซี

รอจนช่อดอกไม้มีเจ้าของเรียบร้อย เขาพยักหน้านิดหนึ่งกับคนข้างล่าง หันไปอุ้มฉินซีขึ้นมา

ท่ามกลางเสียงร้องประหลาดใจที่ดังขึ้นอีกครั้ง เขาอุ้มฉินซีหายไปจากระเบียง

ถังย่ารับช่อดอกไม้เรียบร้อย รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ หายไป

อาศัยตอนที่ทุกคนเพ่งความสนใจไปที่ลู่เซิ่นอุ้มฉินซีออกไป เธอเดินเลียบมุมหนึ่งออกไปจากสวนที่บรรยากาศกำลังครึกครื้น

ฉินซีรู้ดี ครั้งนี้ ความฝันที่สวยงามในที่สุดจะต้องเดินมาถึงตอนอวสานจริงๆ แล้ว

คงจะมีความคิดเดียวกัน ตอนที่ลู่เซิ่นอุ้มเธอออกไป จังหวะก้าวเท้าเนิบช้ากว่าปกติมาก

ลู่เซิ่นอุ้มเธอลงบันได ปฏิเสธที่จะขึ้นรถกอล์ฟ อุ้มเธออย่างนั้น ก้าวทีละก้าวเข้าไปในบ้านตระกูลลู่

ฉินซีไม่รู้เขาจะพาเธอไปไหน แต่ก็ไม่คิดจะเซ้าซี้ เพียงแต่โอบคอของเขาเงียบๆ

ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างเงียบงัน

ตลอดทางไม่เห็นใครสักคน ลู่เซิ่นเดินเลี้ยวโค้งหลายครั้ง สุดท้ายก็มาหยุดที่หน้าประตูห้องหนึ่ง

ฉินซีเงยหน้ามอง ค่อยรู้ว่า ที่นี่คือห้องของลู่เซิ่นที่บ้านตระกูลลู่

พวกเขาเดินมาไกลขนาดนี้เลยหรือ

ลู่เซิ่นใช้ไหล่ผลักประตูห้อง ตลอดทางไม่ยอมให้ฉินซีลงมา จนกระทั่งวางเธอลงบนเตียงเรียบร้อย ถึงจะทำเหมือนของที่ทะนุถนอมและสำคัญ ยื่นมือไปเปิดผ้าคลุมศีรษะของฉินซี

ผ้าคลุมศีรษะที่กั้นขวางสายตาของสองคนค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าของฉินซีช้าๆ

ลู่เซิ่นมองราวกับสิ่งของล้ำค่า สายตาแน่วแน่ กลั้นหายใจ กระทั่งเปิดผ้าคลุมศีรษะเรียบร้อย แล้ววางลงที่ข้างหนึ่ง

“วันนี้คุณสวยมากครับ” เสียงลู่เซิ่นแผ่วเบา คล้ายกับกลัวว่าจะรบกวนความฝัน “ตอนที่ผมเห็นคุณครั้งแรก ผมก็อยากพูดอย่างนี้แล้ว”

ฉินซีในสายตาของเขารู้สึกเขินมาก เม้มปาก “วันนี้คุณก็หล่อมากค่ะ”

ลู่เซิ่นก้มลง เคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าของฉินซี “งั้นจะให้รางวัลคนหล่อหน่อยได้มั้ยครับ”

ฉินซียิ้ม ยื่นมือไปประคองใบหน้าของลู่เซิ่น จุมพิตริมฝีปากของเขาเบาๆ

ลู่เซิ่นคล้ายกับจะไม่พอใจ กระซิบบ่นเบาๆ “แค่นี้เหรอ”

หางเสียงสุดท้ายหายไประหว่างริมฝีปากของทั้งสองคน

จูบครั้งนี้ของลู่เซิ่นไม่เหมือนกับในโบสถ์ที่สะกดใจไว้ ราวกับระบายความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ออกมาทั้งหมด ฉินซีรับรู้ได้ถึงความปรารถนาและอาลัยอาวรณ์ที่พรั่งพรูออกมาจากการกระทำที่รีบเร่งของเขา

ราวกับเขาต้องการใช้ความเกรี้ยวกราดนี้กักขังฉินซีไว้ ไม่ให้เธอหนีไปไหน

ในใจฉินซีส่วนหนึ่งหลอมละลาย เธอจึงไม่ห้ามลู่เซิ่น ดูเหมือนจะตามใจตอบสนองการกระทำของเขา

ทั้งสองคนกอดกันแน่น ราวกับเมื่อปล่อยมือแล้ว อีกฝ่ายจะหายตัวไป

ฉินซีไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าใด แต่เธอหวังว่าเวลาจะหยุดลงที่ตรงนี้ชั่วนิรันดร์

ทว่าเวลาไม่มีทางหยุดลงเพื่อใครสักคน

ความใกล้ชิดของทั้งคู่ถูกขัดจังหวะในที่สุดเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น

ลู่เซิ่นหยุดชะงัก ถอยหลังนิดหนึ่ง มองฉินซี

ทั้งสองคนเข้าใจดีจากสายตาของอีกฝ่าย

เวลาอย่างนี้ คนที่จะมาเคาะประตู ไม่มีทางใช่คนของตระกูลลู่

เป็นไปได้คนเดียวก็คือถังย่า

ไม่ผิดคาด หลังเสียงเคาะประตู เสียงของถังย่าก็ดังขึ้น

“มีเวลาอีกสิบนาทีค่ะ”

เธออุตส่าห์เมตตา ให้เวลาสองคนได้ร่ำลากันครั้งสุดท้าย

ฉินซีรับรู้ได้ มือของลู่เซิ่นกระชับที่เอวเธอแน่น

เธอสูดลมหายใจลึก เงยหน้ามองลู่เซิ่น

“ลู่เซิ่น ฉัน”

ลู่เซิ่นยื่นนิ้วมาแตะที่ริมฝีปากเธอเป็นเชิงห้าม

“ไม่นานเราก็จะได้เจอกันอีก”

น้ำเสียงของเขามั่นใจ ไม่ใช่ตั้งคำถาม

ฉินซีชะงัก แล้วพยักหน้าแรงๆ

“ไม่นานเราจะได้พบกันค่ะ”

น้ำเสียงของคนทั้งคู่แฝงด้วยความมุ่งมั่น แต่สายตาของทั้งคู่กลับไม่มั่นใจว่าจะเป็นเช่นนั้น

ความเจ็บปวดที่เพิ่งแต่งงานแล้วต้องจากกันทำให้ทุกอย่างจืดจาง พวกเขาไม่อยากจะจูบกันอีก และไม่มีอะไรที่จะพูดกันอีก เพียงแต่คลอเคลียกันเงียบๆ รอเวลาสุดท้ายที่จะต้องแยกจากกันมาถึง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท