Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1289

ตอนที่ 1289

บทที่ 1289 สอบสวน

แม้ว่าฉินซีจะมีหน้าที่ในองค์กรแค่สืบข่าว แต่เธอก็เคยเรียนคลาสอื่นมากมาย

อย่างเช่นคลาสความแข็งแกร่งของร่างกาย อย่างเช่น…คลาสสอบสวน

ในหัวของฉินซียังคงตื่นตัว บังคับให้เธอย้อนคิด สายตาเงียบขรึมแบบนี้ เป็นวิธีการสอบสวนที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่มั่นใจ

เธอจะต้องไม่ยอมแพ้เด็ดขาด

ฉินซีสูดลมหายใจลึกในใจ พยายามหันเหความสนใจของตัวเอง

“ถังย่า” จ้านเซินพิจารณาฉินซีครู่ใหญ่ แต่จู่ๆ ก็เรียกชื่อถังย่า “ไหนเล่าให้ผมฟังหน่อยสิ ครึ่งค่อนวันมานี้พวกคุณทำอะไรกันบ้าง”

ในที่สุดฉินซีก็มีโอกาสเงยหน้ามองถังย่าตรงๆ

อารมณ์ของถังย่าสุขุมกว่าเธอมาก

“เมื่อวานคุยสัพเพเหระกัน ก็เลยหลับอยู่ในห้อง วันนี้ตอนเช้าว่างๆ ฉันกับฉินซีไปดูงานแต่งงานที่บ้านตระกูลลู่มาค่ะ”

ถังย่าพูดจบ ก็ใช้สายตาไม่จริงจังมองฉินซี

ยังดี ฉินซีควบคุมอารมณ์ได้ค่อนข้างดี มองไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ

เธอเข้าใจอะไรๆ ดีกว่าฉินซี

อย่างเช่นชิปที่ฝังในข้อมือของฉินซี เพื่อทำให้ฉินซีไม่รู้สึกตัว ลดขนาดให้เล็กที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ จึงลดสมรรถนะส่วนใหญ่ลง เหลือเพียงแต่…

สามารถกำจัดฉินซีเมื่อถึงเวลาสำคัญ

ชิปไม่สามารถบอกตำแหน่งได้ แต่ถังย่าตรวจสอบแล้ว ฉินซีไม่ได้พกอุปกรณ์ทำนองมือถือและนาฬิกาข้อมือ จ้านเซินจึงไม่มีทางรู้ตำแหน่งของฉินซี

ถ้าหากแม้แต่ฉินซียังบอกตำแหน่งของไม่ได้ ถังย่ารู้ดี จ้านเซินไม่รู้ตำแหน่งของตัวเองแน่

ถังย่าพูดขึ้นมาเช่นนี้ มีความมั่นใจไม่น้อย

“ไปงานแต่งอย่างงั้นหรือ” จ้านเซินดูเหมือนจะแปลกใจ กวาดสายตามองถังย่ากับฉินซีสลับไปมา “พวกคุณไปด้วยกันงั้นหรือ”

“ใช่ค่ะ” ฉินซีพยักหน้าอย่างเรียบเฉย

จนถึงตอนนี้ เธอยอมรับความสามารถการโกหกของถังย่า

จริงเท็จปะปนกันถึงจะเป็นทักษะที่แท้จริง

ถังย่าพูดกับจ้านเซิน ครึ่งแรกคือความเท็จ ครึ่งหลังคือความจริง

ถ้าหากจ้านเซินตั้งใจสืบ ก็จะรู้แค่การเดินทางวันนี้ของพวกเธอ

เมื่อวานนี้ในองค์กรไม่มีคนอื่น และไม่มีกล้องวงจรปิด จะหาหลักฐานเป็นเรื่องยาก

ส่วนเรื่องที่พวกเธอสองคนไปบ้านตระกูลลู่ ถ้าจะตรวจสอบ สำหรับจ้านเซินแล้ว ง่ายดายสุดๆ แค่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก็เห็นแล้ว

ส่วนครึ่งหลังบังเอิญเป็นความจริง

ถังย่าไปบ้านตระกูลลู่จริง ไปร่วมงานแต่งจริง เธอตั้งใจทำเงาลางๆ ที่เบาะนั่งด้านหลังรถของตัวเอง เมื่อมองจากกล้องใครก็ต้องคิดว่าเป็นฉินซี ขณะที่กล้องในบ้านตระกูลลู่ ก็ถูกลู่เซิ่นลบเกลี้ยงแต่แรกแล้ว ต่อให้เป็นจ้านเซิน ก็หาหลักฐานไม่เจอ

หรือจะพูดไป ถ้าหากจ้านเซินจะไปหาหลักฐานจริงๆ ก็จะเห็นภาพจากกล้องแค่ตอนเธอขับรถพาฉินซีเข้าไปในบ้านตระกูลลู่ และเธอกับฉินซีออกมาจากบ้านตระกูลลู่เท่านั้น

แต่แค่นี้ก็พอแล้ว

ความเข้าใจของคนเราเป็นแบบนี้ ถ้าหากพิสูจน์ความจริงบางส่วนแล้ว ก็จะรู้สึกว่าทั้งหมดที่เธอพูดเป็นความจริง

เวลานี้จ้านเซินยังมีท่าทีไม่ค่อยเชื่อ ฉินซีเห็นเขาทำมือกับพวกคนที่อยู่ข้างหลัง คงจะให้ไปหาหลักฐานนั่นเอง

แต่ใจของฉินซีกลับยิ่งสงบขึ้น

“เห็นงานแต่งแล้ว คุณคิดว่าไง” จ้านเซินจู่ๆ ก็ถามขึ้นอีก

เขาเชิดคางหันไปทางฉินซี แสดงความหมายให้เธอพูด

การแสดงออกของฉินซียังคงเรียบเฉย “เห็นลู่เซิ่นใช้เงินไม่น้อย หรูหราทีเดียว ความรักกับเจ้าสาวคนนั้น…คงจะหวานชื่น”

เธอพูดคล่องแคล่วมาก ไม่ติดขัดสักนิดเดียว

ความสงสัยในสายตาของจ้านเซินคลี่คลายลงไปตามอารมณ์ที่เปิดเผยของเธอ

ถังย่าพูดต่อ “ใช่ค่ะ ลู่เซิ่นไม่ให้เห็นหน้าเจ้าสาวเลย ปกป้องเธอเต็มที่”

จ้านเซินมองเธอพูดประโยคนี้จบ แล้วหันไปมองประสานสายตากับฉินซี สองคนพยักหน้ายิ้มแย้ม

อารมณ์ของพวกเธอสงบนิ่ง ราวกับกำลังคุยเรื่องกอสซิปในแมกกาซีนที่ห่างไกลจากตัวเอง งานแต่งงานที่ไม่สลักสำคัญอะไร ใบหน้าฉินซีไร้แววขมขื่น ฝืนใจ อาลัย แม้แต่จ้านเซิน ก็หาช่องโหว่ไม่เจอ

มีแต่ถังย่ากับฉินซีที่รู้ดี เจ้าสาวที่พวกเธอพูดถึงก็คือตัวฉินซีเอง ฉินซีย่อมไม่รู้สึกลำบากใจ

ระหว่างที่พูด ลูกน้องที่ช่วยเขาตรวจสอบกล้องวงจรปิดกลับมาแล้ว

แท็บถูกวางลงตรงหน้าจ้านเซิน ในมุมของถังย่ากับฉินซี มองไม่เห็นหน้าจอ แต่เมื่อดูจากท่าทีของจ้านเซิน ตอนนี้พวกเธอปลอดภัยแล้ว

จ้านเซินมองแท็บครู่หนึ่ง ก็หยิบขึ้นมา ทำท่าให้พวกนั้นออกไปได้ แล้วหันมามองถังย่ากับฉินซี

สัญชาตญาณบอกเขา เรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายเช่นนี้ ยังมีบางอย่างผิดปกติ แต่ตอนนี้หลักฐานเท่าที่เขามี ชี้ให้เห็นว่า ฉินซีกับถังย่าไม่มีอะไรผิดปรกติ

คงจะเป็นเพราะเรื่องเกี่ยวกับฉินซี เขาจึงอ่อนไหวมาก

จ้านเซินได้แต่เก็บความสงสัยในใจลึกๆ ลุกขึ้นยืน

“ได้เวลา ต้องเตรียมเดินทางแล้ว”

ในใจฉินซีค่อยโล่งอก

เธอรู้ดี นิสัยของจ้านเซิน ไม่มีทางเชื่อคำพูดของพวกเธอสองคนง่ายๆ

อย่างน้อยตอนนี้ พวกเธอก็ปลอดภัยชั่วคราวแล้ว

สายตาของเธอทำเป็นไม่ตั้งใจมองถังย่า พบว่าสายตาอีกฝ่ายก็มีความยินดีเหมือนรอดตายเช่นกัน

ทั้งสามคนเดินออกไปพร้อมกัน

คนที่มารายงานตอนบ่ายรู้งานแล้ว ครั้งนี้ไม่กล้าพรวดพราดเข้ามา เพียงแต่ยืนรอที่ประตู เห็นพวกเขาออกมา ค่อยรีบเข้าไปรายงาน “งานเลี้ยงตอนค่ำบ้านตระกูลลู่เริ่มเข้างานกันแล้วครับ”

ฉินซีรู้ดีวันนี้จัดงานฉลองงานแต่งทั้งวัน ตอนเที่ยงมีพิธี แล้วต่อด้วยงานเลี้ยงกลางวัน คนที่มาร่วมงานคือญาติสนิทมิตรสหายและหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดของบริษัทลู่ซื่อ หลังมื้อกลางวัน จะพักผ่อนก่อน แล้วค่อยเริ่มงานเลี้ยงตอนค่ำ

คนที่ได้รับเชิญมางานช่วงค่ำมากกว่าช่วงกลางวัน ดูเหมือนจะเป็นหุ้นส่วนทุกคนของบริษัทลู่ซื่อ เริ่มเข้างานเวลานี้ ถือเป็นเรื่องปกติ

เริ่มงานเลี้ยงช่วงค่ำ หมายความว่า พวกเขากำลังจะเตรียมพร้อมแล้ว

จ้านเซินนั่งเครื่องบินทั้งวัน แทบไม่ได้พักผ่อน หลังฟังรายงานจากคนนั้นแล้ว เหมือนไม่รู้สึกตัว ยกมือขึ้นมานวดขมับ

ความสนใจของฉินซีอยู่กับงาน ไม่สังเกตเห็นท่าทางของจ้านเซิน แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงถังย่าพูด

“ที่นี่เตรียมห้องนอนไว้มั้ยคะ”

ฉินซีหันไปมองถังย่าอย่างสงสัย ฝ่ายหลังมองผู้รับผิดชอบ

ผู้รับผิดชอบรีบตอบ “มีครับ อยู่ข้างบน”

จากนั้น ฉินซีก็เห็นถังย่าเดินเข้าไปข้างจ้านเซิน กระซิบกับเขา “ยังพอมีเวลา เรื่องนี้คุณไม่ต้องเฝ้าก็ได้ รอเสร็จแล้วฉันจะให้ฉินซีขึ้นไปหาคุณ คุณไปพักผ่อนเถอะค่ะ”

ฉินซีอึ้งไปครู่หนึ่ง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท