Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1281

ตอนที่ 1281

บทที่ 1281 ช่อดอกไม้งานแต่ง

จุมพิตนี้เป็นเพียงสัมผัสที่ริมฝีปากเท่านั้น เมื่อเทียบกับความใกล้ชิดของฉินซีกับลู่เซิ่นก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะเรียกได้ว่าบริสุทธิ์ แต่จูบที่ใสซื่อและอดกลั้นไว้นั้น กลับทำให้ภายในตัวฉินซีราวกับถูกจุดไฟ

หาใช่ความปรารถนาไม่ แต่กลับทำให้เธออบอุ่นไปทั้งร่าง

จูบของสองคนจบลงอย่างผิวเผิน แต่เมื่อดูการแสดงออกของลู่เซิ่น คงจะมีความรู้สึกเหมือนฉินซี

เพราะนิ้วนางของฉินซีมีแหวนเพิ่มเข้ามาจึงมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง ในใจมีประโยคหนึ่งดังก้องวนเวียนไม่หยุด

ฉันแต่งกับลู่เซิ่นแล้ว

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน เสียงปรบมือเปาะแปะค่อยๆ ดังขึ้น

โบสถ์ใหญ่โต แต่มีแขกร่วมพิธีเพียงไม่กี่คน เสียงปรบมือฟังอย่างไรก็ไม่กึกก้อง ทว่าความรู้สึกที่ส่งออกมาผ่านเสียงปรบมือนั้น กลับเพียงพอที่จะทำให้ฉินซีสัมผัสได้

เธอเงยหน้ามอง ใบหน้าทั้งสี่คนที่อยู่ร่วมในพิธีเปื้อนรอยยิ้มขณะปรบมือ แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกสีที่อยู่สูงขึ้นไป ทำให้ทั้งโบสถ์ดูแล้วเหมือนความฝันในจินตนาการ

คิดถึงตรงนี้ รอยยิ้มที่มุมปากของเธอก็หายไปช้าๆ

ใครกันบอกว่าเธอไม่ได้กำลังฝันอยู่ล่ะ

เธอเหมือนซินเดอเรลล่า มีเวลาแห่งความสุขเพียงสั้นๆ เมื่อเสียงนาฬิกาบอกเวลาดังขึ้น เธอจำต้องกลับไปใช้ชีวิตเดิมของตัวเอง

ตอนนี้ พิธีเสร็จสิ้นก็ถึงเวลาที่ต้องจากลาแล้ว

ฉินซีกวาดตามองไปรอบๆ อย่างอาลัยอาวรณ์ เริ่มจากโบสถ์อลังการ ถึงรอยยิ้มของลู่เหวย สูหยิงและถังย่า สุดท้ายสายตาก็มาหยุดนิ่งที่ใบหน้าของลู่เซิ่น

เธอคิดอยากจะเอ่ยคำลา แต่ในสายตาของลู่เซิ่น เธออ้าปาก แต่กลับพูดอะไรไม่ออก

ลู่เซิ่นเข้าใจดีเธอจะทำอะไร

แต่การบอกลาที่คาดคิดไว้ยังมาไม่ถึง ทันใดนั้นเบื้องหน้าฉินซีก็พร่ามัวลง

เธอกะพริบตา ถึงเห็นว่าผ้าคลุมหน้าถูกคลุมลงบนศีรษะของเธออีกครั้ง

เธอยังไม่ทันทำอะไร ก็ถูกลู่เซิ่นโอบเข้ามาในอ้อมกอด

ฉินซีก็ทำเช่นเดียวกันโอบคอของลู่เซิ่นแน่น อดไม่ได้ที่จะถาม “คุณจะทำอะไรคะ”

ไม่ใช่เฉพาะเธอ ทุกคนในที่นั่น นอกจากบาทหลวงที่ยังยิ้มจนตาหรี่ ต่างมีสีหน้าสงสัย

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เตรียมไว้ และไม่ได้อยู่ในแผนใดๆ

ลู่เซิ่นทำอย่างนี้ ต้องการจะทำอะไรกันแน่

แต่ลู่เซิ่นไม่คิดจะอธิบายกับใคร เพียงแต่กระซิบฉินซีกำชับให้เธอกอดเขาให้แน่น จากนั้นก็สาวเท้าออกไปข้างนอก

ฉินซีงงงวย แต่ด้วยสัญชาตญาณของเธอ เลือกที่จะเชื่อลู่เซิ่น ไม่ซักถามอะไรอีก เลือกที่จะทำตามคำพูดของเขา กระชับกอดลู่เซิ่นเงียบๆ

สี่คนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังมองตากัน เลือกตามไปโดยพร้อมเพรียง

ลู่เซิ่นอุ้มฉินซีเดินออกจากโบสถ์ ไปที่อาคารข้างๆ ไม่มีอาการลังเลสักนิดเดียว จากนั้นขึ้นบันไดไปชั้นสองของอาคาร

ลู่เหวยที่อยู่ข้างหลังมองตามเส้นทางที่เขาเลือก สีหน้าแสดงออกว่ากำลังครุ่นคิดบางอย่าง

ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าลู่เซิ่นคิดจะทำอะไร

เมื่อคิดเช่นนี้ เขาชะลอฝีเท้าลง

สูหยิงเดินตามมาข้างหลังเขา เพราะเขาชะงักฝีเท้าจึงเกือบชนเขา อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วถาม “ทำไมล่ะเดินเร็วสิ ลู่เซิ่นลูกคนนี้ เล่นพิเรนทร์อะไรอีก”

ลู่เหวยหันมามองเธอ ส่ายหน้า “พวกเราไม่ต้องตามไป”

ขณะที่เขาพูด ถังย่ากับหลินยี่ก็ตามมาทันพอดี

พวกเขาสองคนเงยหน้ามองทางที่ลู่เซิ่นเดินไป เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง พยักหน้าพร้อมกัน หยุดฝีเท้าเช่นกัน

ถังย่าถึงกับยิ้มออกมา ไม่หยุดอยู่ตรงนั้น หันเดินออกไปทางสวนที่ให้แขกรวมตัวกัน

หลินยี่มองตามหลังเธอคล้ายกับคิดอะไรครู่หนึ่ง ก็เดินตามไป

สูหยิงไม่ใช่คนโง่ เดี๋ยวเดียวก็เข้าใจความคิดของลู่เซิ่น

รอยยิ้มที่มุมปากของเธอแฝงด้วยความจนใจ ส่ายหน้า ยืนอยู่ที่เดิมกับลู่เหวย

จังหวะก้าวของลู่เซิ่นรีบร้อนมาก ราวกับถูกอะไรสักอย่างไล่ตาม เดินพรวดไม่กี่ก้าวก็ถึงชั้นสอง เลี้ยวทีหนึ่ง แล้วเดินไม่กี่ก้าว ในที่สุดก็หยุดเท้า

ฉินซีเมื่อถูกวางลง ก็พิจารณาไปรอบๆ

ที่นี่คือตึกเล็กอยู่ใกล้โบสถ์มากที่สุด ตอนนี้เธอยืนกับลู่เซิ่นที่ระเบียงของตึกเล็ก

ระเบียงหันไปทางสวนของบ้านตระกูลลู่หรือก็คือสถานที่รับประทานบุฟเฟ่ต์กลางแจ้งของแขกบริษัทลู่ซื่อ

ในใจฉินซีตื่นเต้น ทันใดนั้นดูเหมือนจะรู้ว่าลู่เซิ่นคิดจะทำอะไร

แต่ลู่เซิ่นไม่ได้อธิบายอะไรกับเธอ และไม่รอทั้งสี่คนที่ตามหลังมา เพียงแต่มองคนในสวนเพราะเห็นว่าพวกเขาทยอยมารวมตัวกันที่นั่น

ประธานลู่

พิธีเสร็จแล้ว

ขอแสดงความยินดีๆ

คนที่อยู่ข้างล่างเริ่มเงยหน้าอยากจะสนทนากับลู่เซิ่น แต่ในเวลาอันสั้นพวกเขาก็เห็นผู้หญิงสวมชุดแต่งงานยืนข้างลู่เซิ่น

นั่นคือเจ้าสาวของลู่เซิ่นหรือ

ทำไมตอนนี้ยังสวมผ้าคลุมศีรษะ

แม้ว่าจะมีใครคาดเดาไปในทางร้ายว่าเป็นเพราะเจ้าสาวหน้าตาไม่สวย ลู่เซิ่นจึงไม่ยอมให้เธอเผยโฉมหน้า แต่เมื่อดูจากสัดส่วนช่วงบนและรูปร่างสูงเพรียวของเจ้าสาว รู้สึกว่าการคาดเดานี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้

ลู่เซิ่นไม่ตอบอะไร กระทั่งทุกคนเดินเข้ามารวมตัวกันจนเต็มสวน เขาจึงค่อยๆ พูดขึ้น “ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามีค่าของท่านมาร่วมงานแต่งงานของผมครับ แม้ว่าจะเป็นพิธีส่วนตัว ทุกท่านเข้าร่วมไม่ได้ แต่ผมอยากจะแบ่งปันความยินดีในงานแต่งงานนี้กับทุกท่าน จึงอยากให้ภรรยาของผมโยนช่อดอกไม้ ส่งความสุขของพวกเราให้ทุกท่าน”

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ในใจของฉินซีเหมือนหินก้อนใหญ่หล่นลงพื้น

ที่แท้เขามาที่นี่เพื่อทำเรื่องนี้นี่เอง

ตอนแรกเธอจะตำหนิลู่เซิ่น ทำไมทำเรื่องที่อยู่นอกแผน ทำไมทำเรื่องเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ ถ้าหากพลาดขึ้นมา เธอถูกเปิดเผยสถานะจะทำอย่างไร

ความรู้สึกที่ล้นเอ่อเวลานั้นไม่สนเหตุผลใดๆ แล้ว รอยยิ้มสดใสของเธอใต้ผ้าคลุมศีรษะเหมือนดอกไม้ผลิบาน

เธอรู้สึกว่าความรู้สึกโดดเดี่ยวตอนอยู่ในโบสถ์เมื่อครู่พลันมลายหายไปเพราะการกระทำของลู่เซิ่น อดไม่ได้ที่จะหันไปมองลู่เซิ่น

ใบหน้าลู่เซิ่นปรากฏรอยยิ้มแห่งความสุข

นี่เป็นช่วงเวลาหุนหันพลันแล่นไม่กี่ครั้งในชีวิตของเขาที่ไม่สนใจผลลัพธ์ใดๆ ที่จะตามมา

เขารู้ว่าการพาฉินซีออกมาเสี่ยงอันตรายมากแค่ไหน แต่เขาครุ่นคิดไม่นาน คิดว่าเขาควบคุมความเสี่ยงนี้ได้ จึงตัดสินใจทำเช่นนี้

แม้ว่าจะต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง เขาก็ต้องทำให้สำเร็จ

เขาเคยลั่นวาจาแล้วจะจัดงานแต่งงานที่สวยงามที่สุดให้ฉินซี ต้องการส่งคำอวยพรของทุกคนให้เธอ ไม่ให้ขาดตกไปแม้สักคนเดียว

เขาอยากให้ทุกคนรับรู้ เขากำลังมีช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิต ช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่มีความสุขที่สุดตลอดชีวิตยี่สิบกว่าปีมานี้

เขาอดไม่ได้ที่จะประกาศก้องกับโลกทั้งใบ เขาในเวลานี้ มีความสุขมากแค่ไหน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท