Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1290

ตอนที่ 1290

บทที่ 1290 คดเคี้ยว

ถึงแม้ในใจฉินซีไม่สงสัยใดๆ กับเรื่องที่ถังย่าบอกเธอและ ความจริงที่ถังย่ามีใจให้จ้านเซินแล้ว แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ด้วยตัวเอง ก็ยังรู้สึกตกใจอยู่บ้าง

เท่าที่ฉินซีจำได้ ถังย่าปรากฏตัวพร้อมกับจ้านเซินต่อหน้าเธอ แค่สองครั้งเท่านั้น

ครั้งหนึ่งก็คือตอนที่เธออายุสิบปียังอยู่ที่ค่ายฝึก จ้านเซินพาเธอไปจากถังย่า พวกเขาสองคนดูเหมือนไม่ได้พูดอะไรกัน ฉินซีจึงไม่มีความประทับใจอะไรเป็นพิเศษ

อีกครั้งหนึ่งก็คือไม่กี่เดือนก่อน จ้านเซินแสร้งทำเป็นลูกน้องของถังย่าเพื่อใกล้ชิดกับฉินซี เพียงแต่ครั้งนั้นพวกเขามีเจตนาแอบแฝง ต่อหน้าฉินซียังตั้งใจปลอมแปลงสถานะ ฉินซีจึงมองไม่เห็นเบาะแสอะไร

แต่ตอนนี้…เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนตรงๆ

ท่าทางของถังย่าไม่เหมือนจงใจ เหมือนกับความเคยชินจนกลายเป็นธรรมชาติมากกว่า เหมือนกับความห่วงใยของเธอที่มีต่อจ้านเซินไม่ต้องใช้กล้ามเนื้อสมองจดจำ

ขณะที่จ้านเซินก็ยอมรับอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับถังย่าทำอย่างนี้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

เวลาอย่างนี้เอง คนนอกมองเห็นทุกอย่างชัดเจน

คนทั้งสองที่อยู่ในสถานการณ์ดูเหมือนจะไม่รู้สึกว่าการกระทำต่อกันของคนทั้งคู่ใกล้ชิดสนิทสนมกันแค่ไหน การแสดงออกสอดประสานกันมาก ดูอย่างนี้แล้ว คงจะเคยชินกับการอยู่ร่วมกันมานานแล้ว

ฉินซีขมวดคิ้วนิดๆ

ขนาดนี้แล้ว…จ้านเซินยังไม่รู้สึกอีกหรือว่าถังย่าคิดอะไร

เบื้องหลังจ้านเซินที่เดินจากไปไม่ลังเลสักนิด ไม่มีสายตาเผื่อมองถังย่าแม้แต่น้อย ราวกับไม่คิดอะไรกับถังย่าจริงๆ

รู้แล้วแต่แกล้งทำเป็นไม่เห็น หรือไม่รู้สึกแม้แต่นิดเดียว

ฉินซีไม่รู้ว่าจ้านเซินคือแบบไหนกันแน่

“เธอมองอะไรหรือ”

เสียงของถังย่าดังขึ้นข้างหูฉินซีเบาๆ ขัดจังหวะความคิดของเธอ

ฉินซีรีบหันไป

…เมื่อครู่ต่อหน้าถังย่าโดยไม่ตั้งใจ จ้องมองจ้านเซินนานเกินไปหรือเปล่า

สายตาของถังย่ามีความหมายลึกซึ้ง ฉินซีรีบละสายตา ยิ้มให้ถังย่า “ไปกันเถอะ คนข้างหน้าเดินไปไกลแล้ว”

ถังย่ากวาดตามองเธออีกที ความหมายในสายตานั้นไม่ชัดเจน เพียงแต่พยักหน้า

ทั้งสองคนรีบก้าวเท้าตามคนนำทางข้างหน้า

ฉินซีเป็นคนกำหนดแผนเอง เธอเลือกจุดโจมตีห่างจากฐานขององค์กรไม่ไกลนัก

ฐานคือตึกที่พักเก่าแห่งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงเสียไปมาก จึงมีจุดบอดหลายแห่ง และความสูงของตึกไม่เท่ากัน กลายเป็นการปกป้องที่ดีอย่างหนึ่งพอดี ที่สำคัญที่สุดคือ เนื่องจากอาคารที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก ทำให้ถนนในบริเวณนี้แคบคดเคี้ยว ถ้าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็เป็นเรื่องปกติมาก

ขณะที่ฉินซีวิเคราะห์เส้นทางของคนนั้น ก็รู้สึกไม่เข้าใจหลายอย่าง

เธอไปบ้านตระกูลลู่หลายครั้ง ทุกครั้งเดินจากตรงนี้

เห็นๆ ว่ามีเส้นทางที่ระยะห่างเหมือนกันหลายเส้น ทุกเส้นทางเป็นถนนตัดตรง แต่เขากลับไม่เลือก

ฉินซีไม่คิดว่าคนขับรถกล้าจะทำเรื่องอะไร คงจะเป็นเธอเองที่เลือกเป้าหมายที่จะโจมตี

เธอไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร

ในเมื่อ…ขอแค่ไม่กระทบผลสุดท้าย รายละเอียดไม่จำเป็นต้องคิดมาก

เพราะห่างกันไม่ไกลมาก ฉินซีกับถังย่าเดินไม่นานก็หยุดพัก

พวกเธอสองคนไม่ใช่คนปฏิบัติแผนคนสุดท้าย จึงไม่เข้าใกล้จุดสุดท้ายมากเกินไป เพียงแต่แอบอยู่เบื้องหลัง

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดมิดลง

ถังย่าไม่พูดอะไร ความคิดของฉินซีอดไม่ได้ที่จะล่องลอยไปที่บ้านตระกูลลู่

ที่นั่นคงกำลังจัดงานเลี้ยงใช่มั้ย

จะครึกครื้นแค่ไหนกันนะ

ลู่เซิ่นไปร่วมงานเลี้ยงคนเดียว หรือว่า…พาเจ้าสาวในนามคนนั้นไปด้วย

แม้ว่าเธอจะรู้ความจริงทุกอย่าง รู้ว่าลู่เซิ่นกับเวินจิ้งไม่มีอะไรกัน แต่เมื่อนึกถึงลู่เซิ่นพาเวินจิ้งไปร่วมงานเลี้ยง ฉินซีพบว่าตัวเองไม่มีทางใจกว้างได้

ความเงียบของทั้งสองคนถูกถังย่าขัดขึ้น

“เมื่อกี้เธอ…ดูอะไรหรือ”

น้ำเสียงของเธอปิดบังความกังวลไม่มิด ความกังวลที่ทำให้ฉินซีอยากหัวเราะ

แต่เธอรู้ดีว่าถ้าหัวเราะออกมาตอนนี้คงจะทำให้เสียเรื่อง การแสดงออกจึงเหมือนเดิม หันไปมองถังย่า “ฉันแค่…รู้สึกว่าจ้านเซินความรู้สึกช้าจริงๆ”

ถังย่าเลิกคิ้ว หมายความให้ฉินซีอธิบาย

ฉินซีส่ายหน้า “เธอดูสายตาของเขาสิ น้ำเสียงกับท่าทางเวลาพูด แสดงออกเรื่องเดียวกัน”

ถังย่านิ่งไป แต่ความขมขื่นวิ่งขึ้นมาบนใบหน้าอย่างรวดเร็ว

เธอส่ายศีรษะ ก้มหน้าพูดเสียงแผ่วเบา “ใช่ว่าฉันไม่เคยสงสัย เขารู้แล้วหรือไม่ แต่เธอก็รู้นี่นา ถ้าเขารู้แล้ว เทียบกับแกล้งทำเป็นไม่รู้ เป็นไปได้มากกว่าที่…”

ริมฝีปากถังย่าขยับนิดหนึ่ง ไม่พูดต่อจนจบ แต่ฉินซีก็เข้าใจแล้วว่าเธออยากจะพูดอะไร

เมื่อดูจากนิสัยของจ้านเซิน ถ้าเขารู้แล้วว่าถังย่ามีใจให้ ไม่น่าจะแกล้งทำเป็นไม่เห็น แต่คงจะเลือกให้ถังย่าไปจากองค์กร

แต่เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น

ฉินซีเม้มปาก ไม่พูดเรื่องนี้ต่อ หันมาถาม “เธอคิดว่า…ฉันดูอะไรอยู่หรือ”

ถังย่าชะงัก แล้วยิ้มออกมา “เธอไม่รู้หรือ”

แน่นอนว่าฉินซีเข้าใจ เธอคิดว่าฉินซีกำลังมองจ้านเซิน

สำหรับถังย่าแล้วเธอเหมือนหนามทิ่มแทง

ถึงแม้ฉินซีจะไม่รู้สึกอะไรกับจ้านเซิน กระทั่งอยากจะหนีจากองค์กรอยู่ตลอดเวลาด้วยซ้ำ แต่…จ้านเซินมีใจให้เธอ

ถ้าถังย่าไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรดี คงจะเห็นฉินซีเป็นศัตรู

ยังดีที่เธอไม่เป็นอย่างนั้น

เธอคงจะใช้ความรักทั้งหมดกับจ้านเซินเพียงคนเดียว กับคนอื่นๆ ใช้แต่ทัศนคติที่เย็นชาที่สุดวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียเท่านั้น

นี่คือเหตุผลที่ฉินซีเลือกที่จะไว้ใจเธอ

เพราะการผลักฉินซีออกไป แต่งงานกับลู่เซิ่น สำหรับถังย่าแล้ว เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ถ้าเธอหักหลัง รายงานตัวเอง ก็มีแต่ทำให้จ้านเซินคุมเข้มมากขึ้น มีประโยชน์กับตัวเองยิ่งขึ้น

ไม่มีใครจะทำเรื่องที่ส่งผลเสียต่อตัวเอง

ฉินซียิ้มนิดๆ กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็มีเสียงเบรกรถเสียงดังเอี๊ยดมาจากไกลๆ จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงชนกระแทกดังสนั่น

ฉินซีสีหน้าเย็นเยือก

ถังย่าลุกขึ้นยืน

…พวกเธอสองคนรู้ว่ามันหมายความว่าอะไร

การโจมตีเสร็จสิ้นแล้ว

ชาวบ้านที่อยู่รอบข้างทยอยกันเปิดไฟสว่างเพราะเสียงรถชน มีบางคนโผล่หน้าออกมาดูทางหน้าต่าง คนขององค์กรที่จัดฉากอุบัติเหตุหายตัวไปนานแล้ว กลุ่มคนที่ออกมามุงดูมองเห็น แค่เพียงกองเลือดตรงจุดเกิดเหตุและคนขับรถที่ตะลึงไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ฉินซีกับถังย่าหันมามองตากัน ตัดสินใจว่าจะกลับ

นึกไม่ถึง ขณะที่พวกเธอกำลังจะขยับตัว ก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากทางสถานที่เกิดอุบัติเหตุ

“คุณปู่!”

เสียงร้องไห้ที่ดังมายังเป็นเสียงแหลมเล็ก เหมือนเสียงของเด็กน้อย

ฉินซีชะงักฝีเท้า

เธอจำได้ดี ในรถคืนวันนี้ ไม่น่าจะมีคนอื่น

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท