Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1291

ตอนที่ 1291

บทที่ 1291 ภารกิจ

ถังย่าไม่ได้มีหน้าที่ยุ่งเกี่ยวกับภารกิจนี้มาก่อน จึงไม่รู้ว่าทำไมฉินซีถึงชะงักขาของเธอ ก่อนจะหมุนกายหันมาถาม “มีอะไร?”

ฉินซีเม้มริมฝีปาก เธอโบกมือไปมา “เปล่า”

เมื่อครู่เหมือนมีอะไรมาสะกิดใจเธอ คิดอยากจะไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อดูอะไรสักหน่อย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้น

ทว่าเหตุผลกลับหยุดเธอเสียก่อน

พูดจบ เธอจึงก้าวเดินตามถังย่าไป

ทั้งสองเดินกลับไปที่ฐานปฏิบัติการ เมื่อมาถึงก็พบว่าจ้านเซินตื่นนอนแล้ว

อาจจะเพราะว่าเขาได้พักผ่อน เลยทำให้ความเครียดขมึงที่ระหว่างคิ้วดูคลายลง มองตรงไปยังถังย่าและฉินซี ก่อนเปิดปากถาม “จบแล้วเหรอ?”

ถังย่านิ่ง ส่วนฉินซีพยักหน้า “ใช่”

จ้านเซินไม่ได้ถามอะไร เขาโบกมือ “เอาล่ะ งั้นไปกันเถอะ เตรียมเครื่องบินไว้พร้อมแล้ว”

ทันใดฉินซีก็รู้สึกอะไรบางอย่างที่มันขัดอยู่ในใจ ก่อนเธอเอ่ยปากถาม “รายงานของภารกิจนี้ ฉันขอสักฉบับได้ไหม?”

จ้านเซินหยุดฝีเท้า หันไปมองเธอ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “คุณจะเอาไปทำอะไร”

ฉินซีก้มหน้าลง พูดอ้อมค้อมไปมา หาข้ออ้างให้กับตัวเอง “ฉันไม่ได้ทำภารกิจมานานแล้ว อยากจะรู้ว่ามันจะจบยังไง”

เธอไม่รู้ว่าข้อแก้ตัวที่เธอกำลังพูดออกไปนั้นมันน่าเชื่อถือหรือไม่ เพราะจ้านเซินไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลย ถังย่าก็ก้มหน้ามาตลอด ไม่รู้ว่าเธอกำลังทำสีหน้าแบบไหน

เงียบไปชั่วครู่ จ้านเซินจึงเปิดปากพูด “ได้สิ รอให้รายงานออกมา ผมจะให้สำเนาคุณไปฉบับหนึ่งแล้วกัน”

ในขณะที่เขาพูดเขาก็เอี้ยวตัวเพื่อเดินไปข้างหน้าต่อทันที ฉินซีไม่พบความผิดปกติในน้ำเสียงของเขา และก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็อยู่เหนือทุกสิ่งอย่าง เธอจะต้องทำเรื่องนี้ให้ได้

ขณะที่จ้านเซินเดินนำไปข้างหน้า ถังย่าก็เดินตามเขาไปติดๆ ปล่อยให้ฉินซีเดินรั้งท้าย เมื่อทั้งสามเดินออกมาจากฐานปฏิบัติการ จู่ๆจ้านเซินก็หยุดเดิน หันมาถาม “เธอก็อยากกลับไปสำนักงานใหญ่เหรอ?”

ฉินซีหยุดเดินด้วย รู้ว่าเขากำลังพูดกับถังย่า

“เปล่า” ถังย่ามักจะทำสีหน้าไร้อารมณ์ได้อย่างไม่มีที่ติ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจ้านเซิน “ฉันแค่จะเดินออกไปตามทางนี้ด้วยเท่านั้น”

“โอเค ถ้าอย่างนั้น เธอกลับไปเถอะ” จ้านเซินพยักพเยิดคางไปทางเธอ

ถังย่าพยักหน้า หมุนกายเดินจากไป

ฉินซีมองดูฉากนี้ด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้

เธอมองดูหลังของถังย่าค่อยๆเดินจากไป ก่อนเม้มริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว

“อยากกลับด้วยเหรอ?” ทันใดเสียงของจ้านเซินก็ดังใกล้หูของเธอ

ฉินซีผงะด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบดึงสติให้กลับมาอย่างรวดเร็ว ถอยไปข้างหลังอย่างรักษาระยะห่างจากชายตรงหน้า “เปล่า ฉันแค่รู้สึกแปลกๆกับถังย่า”

จ้านเซินขำเบาๆ ภายในเสียงหัวเราะไม่มีความตลกเลยสักนิด “เธอแปลกยังไง”

นี่ก็เป็นเหมือนคำที่จ้านเซินใช้วิจารณ์ถังย่า

ต่อหน้าจ้านเซินเธอก็ทำตัวเหมือนเป็นเครื่องจักรที่มีชีวิต ทั้งเชื่อฟังคำสั่งและทำงานหนัก ดังนั้นในสายตาของเขา เธอจึงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนหุ่นยนต์

ไม่มีใครคอยปัดกวาดเครื่องยนต์และก็ไม่มีใครสนใจความรู้สึกนึกคิดของเธอ

ในตอนนี้ฉินซีเข้าใจแล้วว่า จ้านเซินไม่ได้ปัญญาอ่อน แต่แค่ … เขาไม่เคยมีความรู้สึกชายหญิงแบบทำนองนั้นให้ถังย่าเลย

ไม่มีใครคิดว่าไม้แขวนเสื้อที่มีประโยชน์ จะหันมาชอบตัวเอง

เมื่อคิดได้ถึงตอนนี้ ฉินซีก็รู้สึกสะท้านขึ้นมาในใจ

แต่ในท้ายที่สุดแล้วเธอก็ไม่ใช่ฮีโร่ที่จะมากู้โลก และไม่คิดจะเข้าไปยุ่งกับความรู้สึกของใครทั้งนั้น เธอจึงส่ายหัวในใจและเดินตามจ้านเซินต่อไปเท่านั้น

เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เวลาก็เกือบจะสี่โมงเย็นเข้าไปแล้ว

เมื่อคืนฉินซีนอนหลับดี แต่เธอก็ไม่อาจทนต่อความทรมานจากหลายๆ เรื่องของวันนี้ได้ ช่วงนี้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เมื่อจ้านเซินได้พักผ่อน อารมณ์ของเขาจัดว่าดีขึ้นมาก หลังจากเมื่อเครื่องบินบินขึ้นแล้ว เขาก็ทำสัญญาณส่งไปยังฉินซีเพื่อบอกให้เธอนั่ง ดูเหมือนว่าเขาอยากจะคุยกับเธอ

จริงๆแล้วเธออยากจะปฏิเสธ แต่ก็กลัวจ้านเซินจะสงสัย ทำได้เพียงนั่งลงตามเขาสั่งเท่านั้น

“ที่นี่ไม่มีใคร ไม่มีกล้องวงจรปิด เรามาคุยกันเถอะ เหมือนที่เธอคุยกับถังย่า”

จ้านเซินพูดด้วยท่าทีสบายๆ แต่ดวงตายังคงจับจ้องไปที่ฉินซีอย่างใกล้ชิด

ฉินซีเข้าใจชัดเจน เขาคงได้รับแรงบัลดาลใจมาจากถังย่า เมื่อเห็นว่าเธอกับถังย่าคุยกันได้ถูกคอ เธอทั้งสองคนต่างไม่มีสัญญาลับ เขาก็คงคิดว่า ตัวเองและฉินซีก็คงพูดคุยเพื่อลดระยะห่างระหว่างกันได้บ้าง

แต่ความคิดแบบนี้มันไร้เดียงสาเกินไป

ความสัมพันธ์ระหว่างถังย่าและฉินซีเริ่มดีขึ้น แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้ง่าย

ต่อหน้าเขาเป็นไปไม่ได้เลยที่ฉินซีจะผ่อนคลายความประหม่าลงได้และเริ่มสนทนากันได้แบบสบายๆ ตามที่เขาพูด

เธอตึงเครียดตลอดเวลาที่คุยกับเขา ทั้งยังต้องคอยระวังคำพูดเพื่อไม่ให้มีอะไรไปขัดใจ

เธอเรื่องนี้มันทำให้เธอรู้สึกเหนื่อย ทำให้ไม่สามารถพูดคุยอย่างสนุกสนานกับใครได้ด้วย

ดังนั้นอารมณ์ของเธอก็ดูไม่ค่อยดีนัก และไม่ยอมที่จะเปิดปากเริ่มสนทนาก่อน

ในที่สุดจ้านเซินก็ทำลายความเงียบ

“หลังจากที่ไม่ได้ทำงานไปนาน รู้สึกยากขึ้นไหม?” น้ำเสียงของเขาผ่อนคลายลงมาราวกับว่าเขาต้องการใกล้ชิดกับฉินซีให้มากขึ้น

แต่ฉินซีจะไม่ตกหลุมความความหลอกลวงนี้อีก ภายในใจของเธอยังคงรู้สึกอึดอัด ทว่าใบหน้ากลับดูผ่อนคลายอย่างเหลือเชื่อ “ไม่ยากเลยค่ะ ภารกิจนี้ง่ายกว่าอันก่อนมาก”

นี่เป็นเรื่องจริง

ถ้าหากฉินซีไม่ค้นพบความจริง และยังคงคิดว่าลู่เซิ่นต้องการแต่งงานกับเวินจิ้งจริงๆแล้วละก็ ภารกิจนี้ก็คงยาก เพราะเธอต้องทนแบกรับความหน่วงในใจ

ตอนนี้เธอเข้าใจความจริงทั้งหมดแล้ว เธอยังอยากที่จะขอบคุณจ้านเซินด้วยซ้ำที่ทำให้เธอได้พบเจอกับลู่เซิ่น ได้ฟังเขาอธิบาย และมีโอกาสที่จะได้แต่งงานกับเขา ก็เลยไม่คิดว่าภารกิจนี้จะยากอะไรนัก

ความรู้สึกของเธอมาจากความจริงในใจ ถึงแม้จ้านเซินจะพยายามมองลึกลงไปเท่าไหร่ เขาก็ไม่สามารถมองเห็น เบาะแสใด ได้จึงทำได้เพียงมองเธอเงียบๆ ก่อนพยักหน้า “ใช่ เมื่อเทียบกับภารกิจก่อนๆ ก็ไม่ได้ยากอะไร”

ฉินซีทำแค่พยักหน้า

เธอรู้ว่าตอนนี้สายตาของจ้านเซินกำลังมองมาแบบไหน- เขากำลังประเมิน

แต่เดิมภารกิจนี้ก็เป็นบททดสอบสุดท้ายของฉินซี

ถ้าหากฉินซีสามารถผ่านไปได้อย่างสงบ จ้านเซินที่มองมาควรเห็นว่าฉินซีปล่อยวางเรื่องของลู่เซิ่นทั้งหมดได้แล้ว

และสิ่งที่เธอแสดงออกมาทั้งหมดในตอนนี้ ทำให้จ้านเซินได้ข้อสรุปที่น่าพอใจ เขายิ้มเล็กน้อย “ในเมื่อความทรงจำส่วนใหญ่ของเธอกลับมาแล้ว ในระหว่างนี้ก็ฝึกฝนตัวเองเพื่อดึงทักษะเดิมกลับมาให้มากที่สุดแล้วกันถ้าอย่างนั้น ก็รับภารกิจเลย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท