Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1298

ตอนที่ 1298

บทที่ 1298 เป็นภาพลวงตาของตัวเอง

หลินหยังเดินไปได้เพียงครึ่งทาง ก่อนจะหันมารายงาน “คืนนี้มีงานเลี้ยงที่บริษัทหวางซื่อ ถ้าหากจะไป ตอนนี้ก็ทันอยู่นะครับ”

ลู่เซิ่นพยักหน้า “ไปเลย”

หลินหยังลังเลเล็กน้อยที่จะพูดอะไรบางอย่าง “ประธานลู่ครับ พ่อบ้านบอกว่าเตรียมของกินเล็กน้อยไว้ให้ ไม่อย่างนั้นคุณทานอะไรรองท้องสักหน่อยเถอะครับ ไปงานเลี้ยงต้องดื่มด้วย … ”

ลู่เซิ่นไม่รู้ว่าตอนนี้เขาได้ยินอะไรอยู่หรือมีใครพูดอะไร เขาเพียงแค่พยักหน้านั้น

หลินหยังถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะบอกผู้ช่วยให้เอาของไปเก็บบนรถ

ในใจเขาเต็มไปด้วยความสงสัยกับงานแต่งปีที่แล้ว

วันนั้นเห็นได้ชัดว่าลู่เซิ่นดูมีความสุขมาก ภาพตอนที่เขาหัวเราะตอนโยนดอกไม้ลงมาที่ระเบียง หลินหยังคิดว่าตัวเองรู้จักลู่เซิ่นมานาน แต่ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเจ้านายตัวเองยิ้มมาจากหัวใจ

ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไม ลู่เซิ่นถึงยอมแพ้เรื่องฉินซี และไปแต่งงานกับเวินจิ้ง แต่ทว่าเมื่อเห็นรอยยิ้มที่มาจากใจของลู่เซิ่น ก็ทำได้เพียงแค่อวยพร

แค่เพียงเขามีความสุขก็ดีแล้ว ถ้าหากคู่สามีภรรยารักกันด้วยใจจริง อย่างน้อยลู่เซิ่นก็คงไม่ต้องทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่น อารมณ์ไม่ดีจนทำให้ทั้งบริษัทมีแต่ความดันต่ำ

แต่ในไม่ช้า เขาก็ค้นพบว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นมันง่ายเกินไปแล้ว

แต่ในไม่ช้าเขาก็ค้นพบว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นเรียบง่ายเกินไป

งานแต่งงานของลู่เซิ่นไม่ได้ทำให้เขากลายเป็นชายที่รักและดูแลครอบครัว แต่มันกลับทำให้เขากลายเป็นคนที่บ้างานไปโดยสิ้นเชิง

ในวันที่สองของงานแต่งงาน ทุกคนสงสัยว่าลู่เซิ่นจะไปฮันนีมูนที่ไหน เขากลับพาหลินหยังมาที่บ้านใหญ่ตระกูลลู่ด้วยใบหน้าเย็นชา

คิ้วที่ขมวดของเขามันทำให้ทุกคนตกใจกลัวก็จริง แต่สิ่งที่เขาพูดในการประชุมนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า

หลินหยังจดจำวันนั้นได้ดี

เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่คิดเหมือนเขาว่า ลู่เซิ่นคงไม่ลุกออกจากเตียงมาทำงานแน่ในวันที่สองของการแต่งงาน ดังนั้นเขาจึงไม่แม้แต่จะตั้งนาฬิกาปลุก เตรียมพร้อมที่จะหลับฝันดี

แต่เขาถูกปลุกตอน 7โมงครึ่ง ของเช้าวันรุ่งขึ้น

ไม่ใช่คนอื่นที่เรียก แต่เป็นลู่เซิ่น

หลินหยังงัวเงีย แต่ก็ยังรับโทรศัพท์

เสียงของลู่เซิ่นสงบนิ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะตื่นมานานแล้ว

“วันนี้แกจะอู้งานหรือไง?”

เสียงของเขาเย็นชาจนหลินหยังที่ฟังผ่านโทรศัพท์ขนลุก

“ผมจะรีบไปครับ”

เขาไม่กล้ารีรอ รีบจัดการตัวเอง และมุ่งหน้าไปหาลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นดูเหมือนว่าจะเข้าใจที่เขาทำตัวผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้ตำหนิอะไร ทำเพียงแค่มองเขาจากบนลงล่าง พยักพเยิดหน้าไปทางรถ ก่อนพูด “ไปกันได้แล้ว”

หลินหยังกลับรู่สึกแข้งขาอ่อนแรงไปหมด หลังจากเข้ามาในรถแล้ว จึงรับรู้ได้ผ่านทางความรู้สึกว่า วันนี้ลู่เซิ่นน่าจะอารมณ์ไม่ดี

เพิ่งแต่งงานนะ เกิดเรื่องอะไรที่ทำให้รู้สึกไม่ดี

หลินหยังนึกไม่ออก

อาจเป็น … ภาพลวงตาของที่ตัวเองสร้างขึ้น?

หลินหยังไม่กล้ามองลู่เซิ่นผ่านกระจกหลัง ได้แค่คิดในใจเงียบๆ

แต่เมื่อมาถึงบริษัท เขาก็รู้ว่าไม่ใช่ภาพลวงตาแต่อย่างใด

อารมณ์ของลู่เซิ่นไม่ดีจริงๆ

อาจจะเป็นเพราะว่าทุกคนคิดว่าวันนี้ลู่เซิ่นคงไม่มา หรือบางทีอาจจะจมอยู่กับความสุขในงานแต่งงานของลู่เซิ่นเมื่อวาน ถึงแม้คนในตระกูลลู่ทั้งหมดจะปฏิบัติตัวตามกฎระเบียบ แต่เมื่อพิจารณาอย่าละเอียดแล้ว ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงกับความรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย

แต่ความผ่อนคลายนี้ทำให้ลู่เซิ่นขมวดคิ้วแน่น

“ไปเรียกผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดมารวมตัวกันในห้องประชุม เริ่มประชุมได้”

เขาทิ้งประโยคอย่างเย็นชา และเดินเข้าไปในห้องทำงาน

ผู้ช่วยรวมถึงหลินหยังต่างก็ขยิบตาให้กันเพื่อส่งสัญญาณบางอย่าง

วันนี้ประธานลู่อารมณ์ไม่ดี ให้อยู่ห่างๆ เขาไว้

เมื่อผู้บริหารระดับสูงของทั้งบริษัทมารวมกัน เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของลู่เซิ่นยิ่งไม่ดี

เขานั่งอยู่ตรงเก้าอี้ประธานด้วยท่าทางที่ดูเหมือนผ่อนคลาย แต่คิ้วที่ผูกเป็นปม กับสายตาที่มองมายังพวกเขานั้น มันดูไม่เป็นมิตร

เมื่อทุกคนนั่งลง ไม่รอช้าเขาก็เปิดไมโครโฟน และทิ้งระเบิดลงตั้งแต่ประโยคแรก

“ทุกคนเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดดูประกาศล่าสุดของบริษัทเดี๋ยวนี้”

ทุกคนต่างมองกันไปมา ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นคิดจะทำอะไรอีก ทำได้แค่นำโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดค้นหาตามคำสั่งของเขา

แต่ไม่นาน ภายในห้องประชุมพลันเงียบกริบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ

ประกาศของบริษัทสั้นและกระชับ ใจความว่า เมื่อวานนี้ลู่เซิ่นได้กว้านซื้อหุ้นทั้งหมดของอารองและอาสาม และยังซื้อหุ้นธุรกรรมในตลาดรอง ตอนนี้เขามีสัดส่วนถือหุ้นมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ กลายเป็น ผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่างแท้จริง

ทุกคนไม่รู้ว่าจะเริ่มจากประโยคไหน

จำนวนหุ้นของเขา หรือว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือว่า รับหุ้นทั้งหมดของอารองและอาสาม หรือว่า ทั้งหมดนี้เสร็จสมบูรณ์เมื่อวันก่อน

ไม่มีใครไม่รู้ว่าเมื่อวันก่อนคืองานแต่งงานของลู่เซิ่น ปกติเจ้าบ่าวจะรออยู่ที่บ้านเกิดเมืองนอนอย่างแสนหวานเพื่อรอคอยการแต่งงานวันพรุ่ง คงจะมีเพียงลู่เซิ่นเท่านั้นที่เตรียมการซื้อหุ้น

หลังจากทุกคนรับรู้ข่าวของเขาด้วยความลำบาก ลู่เซิ่นจึงเคาะโต๊ะ “ดูเหมือนทุกคนจะเข้าใจทุกอย่างแล้วนะ นี่คือจุดประสงค์ของการประชุมครั้งนี้”

เห็นได้ชัด ว่าที่เขาเรียกทุกคนมาที่นี่ ไม่ใช่เพียงแต่จะแค่ประกาศข่าวนี้

“อารองและอาสาม เคยทำคุณประโยชน์ให้กับบริษัทนี้มามาก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เขาสมัครใจที่จะโอนหุ้นให้ฉัน และถอนตัวจากการเป็นผู้บริหารของบริษัทลู่ซื่อ”

เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เบา ทำให้ผู้คนสงสัยว่า “เหตุผล” ที่ยอมปล่อยมือจากหุ้นอันล้ำค่านั้นคืออะไร

แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาในตอนนี้ ทำได้เพียงส่งสายตาหากัน

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ลู่เซิ่นก็ยิ้มออกมาแผ่วเบา “แม้ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่อารองและอาสามก็แก่มากแล้ว บางครั้งก็เป็นเรื่องง่ายที่พวกเขาจะถูกหลอก จะตัดสินใจบางอย่าง บางครั้งก็ไม่ถูกต้อง ถึงอย่างไรเขาก็อายุเยอะแล้ว ก็เข้าใจได้ว่าจะมีการสับสนเล็กน้อยบ้าง ถึงจะแข็งแกร่ง ทว่ากลับมองสถานการณ์ไม่ขาด ก็จะทำให้คนเข้าใจยาก”

ลู่เซิ่นกล่าวขึ้นมาลอยๆ แต่คนที่ฟังก็สามารถเดาได้ลางๆว่าเขาพูดถึงใคร

เกือบจะทุกคนที่รู้ว่ากำลังหมายถึงใคร

คนสับสนที่ลู่เซิ่นกำลังพูดถึง ถูกค้นพบอย่างรวดเร็ว

– เป็นผู้จัดการทั่วไปที่ถูกย้ายโดยอารองและอาสาม

ขณะนี้ใบหน้าของเขามีแต่ความหม่นหมอง ทำได้เพียงก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด

หลินหยังเศร้าเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เขา

ผู้จัดการทั่วไปคนนี้ เป็นคนที่ลู่เซิ่นสอนงานมาเองกับมือ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องนี้ขึ้นแล้ว หลินหยังก็นึกไม่ถึง ว่าเขาจะเป็นคนที่โลภขนาดถูกอารองและอาสามชักจูงได้ง่ายๆ ถูกล่อลวงและทรยศลู่เซิ่น

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท