Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1300

ตอนที่ 1300

บทที่ 1300 แต่งงานแล้วยังไงต่อ

แต่ความคิดของเขาก็สะดุดลง เมื่อรถจอดนิ่ง

เมื่อลู่เซิ่นลงจากรถ ร่างกายของเขาก็สั่นเล็กน้อย ถ้าไม่ได้สังเกตเลยก็คงไม่เห็น

หัวใจของเขาหนักอึ้ง เมื่อคิดว่าน่าจะเป็นเพราะวันนี้ลู่เซิ่นยุ่งมาทั้งวันและแทบจะไม่มีเวลากิน

แต่เขาก็ทำได้เพียงตามใกล้ชิดลู่เซิ่นเท่านั้น

งานเริ่มมาได้สักพักแล้ว เมื่อลู่เซิ่นเดินเข้ามา ทว่ารูปลักษณ์ของเขาก็ยังคงดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้าง

แค่ตัวเขาที่เป็นผู้นำตระกูลลู่ก็เป็นจุดสนใจมากพออยู่แล้ว แล้วยิ่งบวกกับความร่ำรวยที่เพิ่มทวีคูณก็ยิ่งเป็นที่จับตามองเข้าไปอีก

ถ้าหากไม่มีงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ของเขาแล้วนั้น ทุกครั้งที่ออกงานสังคมก็จะมีผึ้งแมลงมาตามอย่างบ้าคลั่งราวกับเป็นดอกไม้

– แน่นอนว่าแต่งงานแล้วก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

เนื่องจากลู่เซิ่นไม่ยอมให้เจ้าสาวแสดงตัวต่อหน้าสาธารณชนในงานแต่งงานและหลังจากงานแต่งงานดูเหมือนเจ้าสาวจะไม่ออกงานสังคมใดๆกับเขาเลย

ตามคำบอกเล่าของลู่เซิ่น ภรรยาของเขาสุขภาพไม่ดีและเดินทางไปพักฟื้นที่ต่างประเทศ

แต่ข่าวซุบซิบก็พัดไปทั่ว อะไรก็พูดไปหมด เช่น พวกเขาสองคนแต่งงานกันเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ คบกันแค่บังหน้าเท่านั้น

แต่ข่าวพวกนี้ก็มาจากคนที่เคยร่วมงานแต่งงานของลู่เซิ่น ความน่าเชื่อถือยังไม่พอเท่าไหร่

ในที่สุดเมื่อพวกเขาได้ไปเห็นท่าทางของลู่เซิ่นในงานด้วยตัวเอง ความสุขที่ฉายชัดออกมา ถ้าบอกว่าเป็นการเสแสร้ง ก็คงจะเกินไป

แต่ถ้าจะพูดว่าเขารักใคร่กันมาก ก็เอามาอธิบายไม่ได้ว่าทำไมไม่ปรากฏตัวคู่กับภรรยาเลย หลังจากแต่งกันมานับปี

แต่ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไรลู่เซิ่นก็มักจะปรากฏตัวตามลำพังเสมอ ไม่ว่าจะในโอกาสไหนก็ตาม

แบบนี้ พวกสาวๆที่ต้องการเขาก็ยังคงมีความหวัง

เกือบทุกคนภายในห้องจัดเลี้ยงหันไปมองลู่เซิ่น พวกเขาต้องการที่จะพูดคุยทักทาย

พวกนักธุรกิจอยากจะใช้โอกาสนี้ในการแนะนำตัวเอง ได้รู้จักเขา และพูดคุยเรื่องธุรกิจ ส่วนผู้หญิง โดยเฉพาะที่ยังไม่ได้แต่งงาน ก็กระตือรือร้นอยากเข้าหา

ถึงอย่างไรตอนนี้ข้างกายลู่เซิ่นก็ยังไม่มีใคร แต่งงานแล้วมันจะทำไม?

นั่นเป็นเหตุผลที่ลู่เซิ่นเดินเข้าไปข้างในเพียงไม่กี่ก้าว และถูกหยุดไว้ด้วยแก้วไวน์

เมื่อลู่เซิ่นอยู่ในตำแหน่งนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะยกแก้วไวน์ขึ้นเพื่อจะรักษาหน้า ถ้าทำอีกฝ่ายก็คงจะพูดร่ายยาวแน่ เขาทำเพียงพยักหน้าให้เบาๆ ไม่ได้ยกแก้วไวน์ขึ้น ก่อนจะเดินหลบไปอีกทาง

หลังจากถูกหยุดอยู่สามครั้ง ครั้งนี้เป็นประธานผู้จัดงาน ประธานแห่งบริษัทหวังซื่อที่เข้ามาจับมือกับลู่เซิ่นด้วยความจริงใจ “ผมไม่ทันมองครับ ประธานลู่ เชิญทางนี้ครับ”

ประธานหวังอายุไล่เลี่ยกับลู่เหวย จริงๆแล้วลู่เซิ่นอายุน้อยกว่าเขาครึ่งหนึ่ง ทว่าประธานหวังกับปฏิบัติกับเขาด้วยความเคารพ

และลู่เซิ่นก็ตอบรับแบบเป็นธรรมชาติ

ประธานหวังเริ่มต้นทำธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง และงานของเขาเชื่อมโยงกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลลู่

เมื่อเขาพาลู่เซิ่นเข้ามาในเลานจ์ ประธานหวังก็เดินไปหาลู่เซิ่นพร้อมกับไวน์หนึ่งแก้ว ก่อนขอโทษ “คืนนี้แขกมาเยอะมากเลยครับ เลยวุ่นวายไปนิด”

ลู่เซินยิ้มบาง เขายังคงเห็นแก่หน้าของประธานหวังจึงจิบไวน์ไปนิด ก่อนจะวางแก้วลงอีกฝั่ง

ประธานหวังยิ้ม พลางวางแก้วในมือของตัวเอง ก่อนนั่งลงบ้าง “”

“เรื่องของเหล่าจ้าว มันก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว” เขาถอนหายใจและเอื้อมมือไปยื่นบุหรี่ให้หลู่เซินโดยไม่รู้ตัว ทว่ายังไม่ทันส่ง พลางนึกขึ้นได้ว่าลู่เซิ่นไม่สูบบุหรี่ ลังเลว่าควรนำบุหรี่กลับมาหรือไม่

โดยไม่ทันคาดคิด ลู่เซิ่นกลับหยิบบุหรี่จากเขาก่อนจะจุดไฟอย่างชำนาญด้วยสีหน้าสงบ

ประธานหวังมองดูควันที่เขาพ่นออกมา ก่อนจะแปลกใจ

ลู่เซิ่นเคยมีชื่อเสียงในเรื่องการไม่สูบบุหรี่เมื่อเขาจะปรากฏตัว ทุกคนจะพยายามดับควันเพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นที่อาจจะไปรบกวนเขา

แต่ดูท่าทางที่ดูชำนาญของเขาตอนนี้ ไม่น่าจะเพิ่งเริ่มสูบ

– นี่คงจะเป็นเรื่องปกติ ประธานหวังคิดในใจ

ความสนใจของเขาจึงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดต่อในสิ่งที่ค้างไว้ก่อนห้า “ตอนแรกไม่มีใครคิดว่าเขาจะจากไปอย่างกะทันหัน”

ลู่เซินพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้ตอบ

เหล่าจ้าวที่ประธานหวังพูดถึง ครั้งหนึ่งเคยเป็นอดีตหุ้นส่วนของเขา

สาเหตุที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น เพราะว่า… เขาดันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์หลังจากที่เขามางานแต่งงานของลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นไม่เคยบอกใคร แต่เขามีสัญชาตญาณว่า การตายของเหล่าจ้าวน่าจะเกี่ยวข้องกับองค์กรของฉินซี

เขาจำได้แม่น ว่าวันนั้นฉินซีได้มาเป็นเพราะภารกิจขององค์กร

เธอไม่ได้บอกเขาว่างานคืออะไร แต่เมื่อเธอหายไป ก็เกิดอุบัติเหตุกับเหล่าจ้าว นี่มันบังเอิญเกินไป มันคงยากถ้าเขาจะไม่สงสัย

เหล่าจ้าวคนนี้ ไม่ใช่คนดีอะไร และเขาก็ไม่ได้สนใจกับการจากไป

แน่นอนว่าประธานหวังก็ไม่ใช่คนที่ใจดีและมีเมตตา เขากล่าวเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพื่อจุดประสงค์ของตัวเอง “ผมได้ยินมาว่า เมื่อเหล่าจ้าวจากไป พวกคุณตระกูลลู่ก็ยังคงทำธุรกิจร่วมกับพวกเขาอีก?”

ลู่เซิ่นพยักหน้าเบาๆ “สัญญายังอยู่ในระยะเวลาที่กำหนดไว้ แม้จะเกิดเหตุการณ์กับประธาน ก็ไม่มีเหตุผลที่จะยุติ”

ความยุ่งเหยิงปรากฏบนใบหน้าของเหล่าหวัง

เมื่อลู่เซิ่นพูดประโยคนี้ก็ดูเหมือนตัวเขาเองทำเรื่องสูงส่งเหลือคณา ถ้าไม่รู้จักลู่เซิ่นมาก่อนก็คงไม่รู้ว่าวิธีการของเขามักจะโหดร้าย เกือบจะถูกประโยคนี้หลอกเสียแล้ว

“นี่ก็หนึ่งปีมาแล้ว สัญญา ใกล้จะหมดแล้วใช่ไหมครับ?” ประธานหวังถามอย่างระมัดระวัง

ไม่รู้ว่ามีผู้สร้างกี่รายที่ต้องการร่วมมือกับบริษัทลู่ซื่อ เพียงเพราะโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ของบริษัทลู่ซื่อ ต้องมีคนแย่งกันนองเลือดแน่นอน

โครงการก่อนหน้านี้ของบริษัทลู่ซื่อได้รับการจัดสรรผ่านการประมูล บริษัทหวังซื่อไม่ใช่องค์กรขนาดใหญ่และไม่สามารถแข่งขันกับผู้อื่นได้ เขาสนใจเฉพาะส่วนแบ่งที่เหล่าจ้าวทิ้งไว้หลังจากเขาเสียชีวิต

ตราบใดที่ยังเป็นโครงการของบริษัทลู่ซื่อ ถึงแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่ก็สามารถทำเงินได้มากมาย

ที่เขาเชิญลู่เซิ่นมาวันนี้ ก็เพื่อที่จะอยากทราบข้อมูลราคาของการประมูล

ลู่เซินมองไปที่แววตาของเขา ไม่รู้ว่าทำไมภายในใจถึงเบื่อหน่าย

พวกประจบสอพลอ อยากรู้อยากเห็น หวังจะได้อะไรจากเขา เห็นได้เยอะมากในปีนี้

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจ ว่าสรรพสัตว์ทั้งหมดในโลกล้วนทำเพื่อผลกำไร

แต่ถ้ามันมากไปแบบนี้ มันก็เบื่อเป็นธรรมดา

ในเวลานี้ ความคิดถึงที่มีต่อฉินซีก็ยิ่งลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

ครั้งล่าสุดที่เราพบกัน มันนานแค่ไหนแล้ว… ?

ลู่เซิ่นใจลอยอย่างตรง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท