Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1307

ตอนที่ 1307

บทที่ 1307 พูดไม่พูด

บอกได้ว่า ห้องนี้มีคนเข้ามาเอาเอกสารฉบับนี้ไปได้ตลอดเวลา

ความสนใจของฉินซีถึงขีดจำกัด ระหว่างถ่ายรูปเอกสารซ้ำไปซ้ำมา ตรวจสอบให้มั่นใจว่าไม่มีอะไรตกหล่น พลางจับตาดูการเคลื่อนไหวที่นอกประตู เพื่อป้องกันคนจะเข้ามากะทันหัน

ดีหน่อยที่ห้องโดยสารด้านล่างไม่เก็บเสียงเท่าด้านบน เธออยู่ตรงนี้ยังพอได้ยินเสียงคนที่ทางเดินบ้าง

เอกสารไม่ถือว่ามาก ทั้งหมดมีประมาณสิบกว่าหน้า ดังนั้นฉินซีจึงถ่ายรูปได้เสร็จภายในไม่กี่นาที

ขณะที่เหลือหน้าสุดท้ายหน้าเดียว มีเสียงฝีเท้าเดินมาจากที่ไกลๆ ตรงทางเดิน

ฉินซีขมวดคิ้ว

เธอขยับตัวเร็วขึ้นอีกนิด ถ่ายหน้าสุดท้ายไว้อย่างรวดเร็ว มั่นใจว่าตัวเองได้ไม่มีปัญหา และรีบเอาเอกสารกลับเข้าไปไว้ในลิ้นชักตามเดิม ปิดล็อกลิ้นชัก รีบลุกขึ้นยืนและถอยออกไปจากห้องนี้อย่างรวดเร็ว

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ฉินซีแทบจะมั่นใจว่า น่าจะเป็นคนที่มาเอาเอกสารในห้องนี้มาแล้ว

หัวใจของเธอเต้นแรงมาก แต่การเคลื่อนไหวกลับรวดเร็ว ภายในไม่กี่วินาทีก็ออกจากห้องกระโดดมาอยู่ที่ระเบียงแล้ว ถอดเครื่องรบกวนสัญญาณกล้องวงจรปิดออกจากตัว และหนีออกมาอย่างรวดเร็ว

เสียงฝีเท้าหยุดตรงที่หน้าประตูห้อง

ฉินซีมั่นใจว่าวางทุกอย่างไว้ดีแล้ว จากนั้นจึงเปิดประตูระเบียงออกไป

แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ประตูห้องโดยสารเปิดออก ฉินซีปิดประตูระเบียง และปีนกำแพงกระโดดลงไปอีกครั้ง

คนที่เปิดประตูเข้ามา คือผู้ช่วยทั้งสองคนของเป้าหมาย ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง

หลังจากที่ผู้ช่วยสาวเดินเข้ามา เกือบจะเป็นปกติ มองมาทางระเบียงแวบหนึ่ง

ผู้ช่วยชายเห็นเธอหยุดนิ่ง จึงก้มลงถาม : “มีอะไร?”

ห้องไม่ได้ปิดผ้าม่าน ดังนั้นแค่มองที่ระเบียงแวบเดียวก็จะเห็นชัดเจน บนนั้นไม่มีใครอยู่

ผู้ช่วยสาวได้แต่คิดว่าโรคขี้สงสัยของตัวเองกำเริบอีกแล้ว จึงส่ายหน้า : “ไม่มีอะไร ฉันน่าจะดูผิดไป”

ไม่งั้นจะมีเงาคนหายไปจากระเบียงได้ยังไง?

ผู้ช่วยชายเห็นเธอไม่พูดอะไร จึงไม่ถามอะไรต่อ สองคนเดินตามกันเข้ามาในห้อง แตะลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อก หยิบเอกสารออกมา และเดินตามกันออกไปอีกครั้ง

ก่อนจะปิดประตู ผู้ช่วยสาวมองที่ระเบียงอีกครั้ง

นี่เป็นชั้นห้า

เธอคิดในใจ ไม่น่าจะมีใครกระโดดลงไปจากตรงนี้

คิดได้อย่างนี้ ความกังวลในใจเธอก็สลายไปทั้งหมด และเดินจากไปพร้อมกับผู้ช่วยชาย

……

ขณะที่ลู่เซิ่นกลับมา ฉินซีนั่งอยู่ที่โซฟา

เธอผูกผมไว้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงดูเหมือนง่วงนอนนิดหน่อย และหลับไปบนโซฟา

หลินหยังหยุดอยู่ที่นอกประตูไม่ได้เดินเข้ามา และยังช่วยปิดประตูให้ลู่เซิ่นด้วย

ลู่เซิ่นดื่มเหล้ามานิดหน่อย แต่ว่าสมองเขายังไม่เมา เดินไปที่ฉินซีพลางใช้อีกมือหนึ่งถอดเนกไทออก เมื่อเดินถึงตรงหน้าฉินซี ก็ถอดเนกไทออกได้พอดีและโยนไปไว้อีกด้านหนึ่ง

“ฉินซี?” ลู่เซิ่นเรียกเบาๆ “โซฟานอนไม่สบาย เดี๋ยวจะหนาวจนเป็นหวัดเลย”

ดูเหมือนฉินซีจะไม่ได้หลับลึก เสียงของลู่เซิ่นเบาขนาดนั้น เธอยังตื่นขึ้นมา

ลู่เซิ่นเห็นเธอค่อยๆ ลืมตา ดวงตาคู่นั้นดูง่วงนอน มองมาที่ตัวเอง หัวใจก็ค่อยๆ อบอุ่นลงมา

“ง่วงแล้ว?” เขาพูดเสียงเบา คิดจะยื่นมือไปอุ้มฉินซีขึ้นมา “งั้นไปนอนบนเตียง”

ฉินซีกะพริบตา สติค่อยๆ กลับมา ส่ายหน้าและดันลู่เซิ่นออก ลุกขึ้นนั่งด้วยตัวเอง

“ไม่อยากนอน?” ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ ปลดกระดุมเสื้อเม็ดแรกออก พุ่งเข้าเข้าไปข้างตัวฉินซี “งั้นหาอะไรน่าสนใจทำกัน”

เขาพูดจบ กำลังเตรียมตัวจะเข้าใกล้อีก แต่กลับโดนฉินซีดักไว้

“คุณเมาแล้วหรือ?” ฉินซีถาม

น่าจะเป็นเพราะเพิ่งตื่นได้ไม่นาน เสียงยังขึ้นจมูกฟังดูงง ทำให้ใจของลู่เซิ่นหวั่นไหว

“นิดหน่อย” เขาพูดพลางถอดเสื้อคลุมออกและโยนไปอีกด้านหนึ่ง

ตามความสามารถด้านการดื่มของลู่เซิ่นแล้ว คืนนี้เขาดื่มไปไม่กี่แก้วไม่ถึงกับทำให้เขาเมา แต่เพราะเขาเห็นฉินซีแล้วรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาง่ายๆ เหมือนเลือดในตัวพร้อมจะพุ่งทะลักออกมา

แต่สีหน้าของฉินซีบอกปฏิเสธอย่างชัดเจน

ดังนั้นเมื่อลู่เซิ่นเห็นสีหน้าเธอชัดเจน การเคลื่อนไหวจึงค่อยๆ ช้าลง

ท่าทางฉินซีอย่างนี้ เห็นได้ชัดว่ามีอะไรอยากจะพูด

“เป็นอะไรไป?” เขามองตาฉินซี

ฉินซีลดสายตาลงเพื่อหลีกเลี่ยงดวงตาของเขา ลังเลอยู่ไม่นานจึงเอ่ยว่า : “คุณ…วันนี้คุยธุรกิจใช่ไหม?”

สีหน้าของลู่เซิ่นค่อยๆ จริงจังขึ้นตามคำพูดของเธอ

ทั้งสองคนรู้จักกันมานาน ถึงแม้จะเป็นตอนที่ความรู้สึกดีที่สุด ฉินซีก็ไม่เคยเอ่ยปากถามเรื่องธุรกิจเลย

วันนี้ทำไมถึงถามอะไรแบบนี้ขึ้นมากะทันหัน?

ลู่เซิ่นรู้สึกดีใจที่คืนนี้เขายังมีสติชัดเจนสมบูรณ์ดี ครั้งนี้สามารถวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็ว

เขามั่นใจว่าฉินซีไม่ใช่คนที่จะยื่นมาเข้ามาแทรกในธุรกิจของตนเอง และก็ไม่เหมือนคนที่จะคำถามแบบนี้ได้ตามใจ นอกจากนี้การแสดงออกของเธอยังบ่งบอกชัดเจนว่ามีบางอย่างในใจ

งั้น…ที่เธอถามขึ้นมากะทันหันอย่างนี้ น่าจะมีเรื่องอะไรอยากจะถามตนเอง

ความคิดของลู่เซิ่นรวดเร็ว เข้าใจได้ในไม่ช้า แสดงสีหน้าออกมาอย่างไม่ตั้งใจและพยักหน้า ตอบว่า : “ใช่ คุยเรื่องบ่อน้ำมันแห่งหนึ่ง”

เขาดูเหมือนไม่ตั้งใจเปิดเผยเนื้อหาธุรกิจของตัวเองที่คุยในคืนนี้ พลางใช้สายตามองสำรวจฉินซี

ฉินซีแสดงอาการลังเลออกมาอย่างชัดเจน เมื่อได้ยินเขาพูดว่า “บ่อน้ำมัน” สองคำ

แน่นอน เธอน่าจะมีอะไรที่อยากจะคุยกับตนเอง

ลู่เซิ่นยังคงลองเชิงต่อไป : “มีอะไร? ฉันออกไปคุยธุระ ทิ้งเธอไว้ที่นี่ เธอไม่พอใจหรือไง?”

ฉินซีส่ายหน้าทันที : “ไม่ใช่แน่นอน!”

ลู่เซิ่นไม่พูดอะไร มองเธอไปมา รอเธอสารภาพเอง

ฉินซีกัดปากลังเลอยู่ไม่นาน จึงตัดสินใจลองถามดูอย่างระมัดระวัง : “งั้นคุณ…คิดยังไงกับบ่อน้ำมันบ่อนั้น?”

พูดถึงตรงนี้ ลู่เซิ่นพอจะมั่นใจได้ว่าบ่อน้ำมันบ่อนั่นมีปัญหา เขาก็ไม่อยากถามวนไปมากับฉินซีแล้ว จึงถามไปตามตรงว่า : “บ่อน้ำมันมีปัญหาหรือเปล่า?”

ฉินซีแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเขาพูดเรื่องที่อยู่ในใจได้ถูกต้อง แต่กลับส่ายหน้าปฏิเสธและไม่ยอมรับ : “ธุรกิจของคุณ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าบ่อน้ำมันมีปัญหาอะไรไหม”

ถ้าเธอไม่ตอบอย่างพยายามปกปิดอย่างนี้ ลู่เซิ่นก็ยังไม่มั่นใจ แต่ได้ยินเธอหลีกเลี่ยงปฏิเสธ ลู่เซิ่นกลับมั่นใจขึ้น

บ่อน้ำมันไม่ได้มีปัญหา แต่เกี่ยวข้องกับองค์กรของฉินซี อาจจะเป็นไปได้ว่า…เกี่ยวข้องกับภารกิจของเธอ

คิดได้ถึงตรงนี้ ลู่เซิ่นหันกลับมามองฉินซีอีกครั้ง

เธอรู้สึกถึงแววตาที่ตนเองส่งไป จึงรีบลดสายตาลงทันที

ท่าทีรีบหลบหลีกอย่างนี้ของฉินซี ทำให้ลู่เซิ่นมั่นใจยิ่งขึ้น

ถ้าฉินซีรู้เรื่องของตัวเอง เขาไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท