Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1310

ตอนที่ 1310

บทที่ 1310 ระเบิด

ลู่เซิ่นสีหน้าเย็นชาในตอนนั้น แต่ก็อยากจะรีบออกไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ดูว่าเครื่องบินอีกลำเป็นของใคร หลินหยังพูดไม่ทันจบ เขาก็ดึงฉินซีไปด้วย

ฉินซีกลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติขึ้นมากะทันหัน

แต่อธิบายไม่ได้ว่าอะไรไม่ปกติ พลางมองไปทางเครื่องบินที่จอดอยู่ด้านหน้าแวบหนึ่ง

แค่แวบเดียว ม่านตาของเธอก็หรี่ลงทันที

“วิ่งเร็ว!”

เธอพลิกมือมาจับข้อมือของลู่เซิ่น ลากเขาวิ่งไปทางเครื่องบินของตระกูลลู่พร้อมกัน

ลู่เซิ่นและหลินหยังไม่รู้ว่าทำไม วิ่งตามเธอไปอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้ลานจอดเครื่องบินชั้นบนดาดฟ้าของเรือจะมืดมาก แต่ฉินซีรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ดูผิด

ด้านข้างเครื่องบิน มีคนที่มองเห็นหน้าไม่ค่อยชัดยืนอยู่ เสื้อนอกของเขาเปิดออก ทั่วทั้งตัวดูพองๆ ปูดบวม ที่เอวยังมีอะไรบางอย่างส่องประกายวิบวับ

ฉินซีดูไม่ผิดแน่ นี่คือการเตรียมตัว…การโจมตีโดยการฆ่าตัวตาย

เพราะเอวล้อมรอบไปด้วยระเบิด ดังนั้นทั้งตัวจึงดูบวมๆ และไฟที่กะพริบก็คือ…เวลานับถอยหลัง

เครื่องบินของทั้งสองครอบครัวไม่ถือว่าใกล้กัน หัวใจของฉินซีรู้สึกอันตราย เธอไม่รู้ว่าคนคนนั้นควบคุมระเบิดด้วยตัวเองไหม ไม่รู้ว่าเวลานับถอยหลังอีกนานแค่ไหน กระทั่งไม่สามารถเหนื่อยได้ ทำได้แค่ก้มลงและพุ่งไปด้านหน้า

เห็นเครื่องบินอยู่ตรงหน้า ฉินซีเพิ่งจะโล่งใจขึ้นมาหน่อย ด้านก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นตามมา

ระเบิดระเบิดแล้ว

ฉินซีหยุดไปชั่วขณะ ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็รู้สึกถึงแรงกระแทกที่ส่งมาจากด้านหลัง เธอลอยขึ้น ร่างของเธอพุ่งไปด้านหน้าอย่างควบคุมไม่ได้

ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีถูกยืดยาวออกไปในทันที ราวกับว่าใช้โหมดเคลื่อนไหวช้า

สายตาของฉินซีเห็นลู่เซิ่นและหลินหยังที่อยู่ด้านข้าง “ลอย” ขึ้นมาเหมือนเธอ ดูเหมือนเฮลิคอปเตอร์ของตระกูลลู่สั่นอย่างรุนแรง

ไม่ช้าฉินซีก็พบว่าแรงที่ผลักตัวเองไปด้านหน้า เปลี่ยนเป็นแรงอีกชนิดหนึ่ง…ลู่เซิ่นผลักเธอมาจากด้านหลัง

ดูเหมือนว่าตอนที่ลู่เซิ่นรู้ว่ามันคือระเบิด เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีบังด้านหลังของฉินซีไว้

รูปร่างของฉินซีไม่ได้เล็กกะทัดรัด แต่ลู่เซิ่นสามารถปกป้องได้ภายใต้ร่างกายของเขา

ดวงตาของฉินซีเจ็บ เธอพยายามดิ้นเพื่อดูสถานการณ์ของลู่เซิ่น แต่ลู่เซิ่นกลับกดเธอไว้แน่น ไม่ยอมให้เธอขยับ

ถึงแม้การระเบิดครั้งนี้จะมีขนาดเล็กกว่าครั้งก่อนไม่น้อย แต่ก็เกิดบนชั้นดาดฟ้าที่ใช้จอดเครื่องบิน และสำหรับคนที่อยู่บนเรือสำราญด้วยสติสัมปชัญญะที่ตึงเครียดที่สุดแล้วนั่น เหมือนกับการเติมน้ำมันลงในไฟ ระเบิดได้ในทันที

สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่ปกติแต่งตัวดูดี ครั้งนี้ไม่สนใจภาพลักษณ์ วิ่งวุ่นร้องโวยวายไปทั่ว กลัวว่าตำแหน่งที่อยู่จะระเบิดขึ้นมาอีกครั้งในวินาทีต่อมา

แต่ความปั่นป่วนทั้งหมดนี้กลายเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับฉินซี

ลู่เซิ่นใช้ร่างกายที่แข็งแรงเป็นกำแพงปกป้องฉินซีอย่างแน่นหนา เหมือนกับว่าทุกอย่างถูกแยกไว้ด้านนอก เสียงดังโวยวายห่างออกไปจากเธอแล้ว ทั้งโลกมีแค่ลมหายใจร้อนๆ ของลู่เซิ่นที่อยู่ข้างหูเธอ และมีแผ่นอกที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจที่แนบชิดอยู่กับหลังของฉินซี

ความจริงแล้วเวลาผ่านไปเพียงครึ่งนาที แต่ฉินซีกลับรู้สึกว่ามันยืดออกมายาวนานอย่างกับหนึ่งศตวรรษอย่างนั้น

มั่นใจว่าไม่มีอันตรายอีกแล้ว ลู่เซิ่นค่อยๆ ผ่อนแรงและลุกขึ้นนั่ง

ในที่สุดฉินซีก็หาโอกาสลุกขึ้นมาได้ รีบหันกลับไปสำรวจลู่เซิ่นอย่างละเอียดทันที น้ำเสียงมีความร้อนรน : “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? ไม่สบายตรงไหนไหม?”

เสียงเธอแตกเพราะความร้อนใจ ท่าทีสงบนิ่งอย่างปกติถูกไล่หายไปไม่เห็นเงาตั้งนานแล้ว มือคู่นั้นลูปคลำที่ใบหน้าและไหล่ของลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นยกมือขึ้นจับมือที่คลำไปทั่วของเธอ วางไว้ที่หน้าอก และยื่นหน้าไป ให้หน้าผากทั้งสองคนแตะกัน จับจ้องสายตาฉินซี จากนั้นส่ายหน้า : “ฉันไม่เป็นไร”

แน่นอนฉินซีไม่เชื่อคำพูดเขา ถึงแม้แรงระเบิดจะไม่แรงเท่าที่เธอคิดไว้ ถ้าหากดูแลปกป้องตัวเองได้ดี ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แต่ในเมื่อลู่เซิ่นบังให้เธอ ไม่ปกป้องตัวเองแม้แต่นิด ไม่มีทางที่จะไม่เป็นอะไรเลย

ลู่เซิ่นเห็นฉินซีทำหน้าไม่เชื่อ ถอนหายใจเบาๆ ปล่อยมือฉินซีมาจับข้อมือเธอ และดึงให้ลุกขึ้นยืน

หลินหยังก็ลุกขึ้นมาแล้ว รีบมองสำรวจร่างกายทั้งสองคนในทันที

“เรียกคนมาจัดการเรื่องที่นี่” ในสามคนสติของลู่เซิ่นสงบที่สุด หันไปสั่งงานหลินหยังหนึ่งประโยค และลากฉินซีเดินไปทางเฮลิคอปเตอร์

ดีที่จุดจอดเครื่องบินของตระกูลลู่ห่างจากจุดระเบิดไกล จึงไม่มีปัญหาใหญ่อะไร

ลู่เซิ่นส่งฉินซีขึ้นไปเครื่องบินไปก่อน ตัวเองตามขึ้นไปทีหลัง

หลังจากรอหลินหยังขึ้นเครื่องบินมาด้วยแล้ว นักบินจึงปิดประตูห้องโดยสาร

เครื่องบินค่อยๆ ออกตัว

หลินหยังเลือกที่นั่งที่ไกลที่สุดให้ตัวเองอย่างรู้หน้าที่ ในมุมมีแค่ฉินซีและลู่เซิ่น

ดูเหมือนว่าฉินซีจะตกใจเป็นอย่างมาก ในตอนนี้ไม่สนใจว่าการเปิดเผยตัวเองต่อหน้าคนอื่นจะอันตรายมากแค่ไหน สองมือจับลู่เซิ่นไว้แน่น เหมือนต้องจับอะไรไว้ให้แน่น ถึงจะไม่เสียมันไปอย่างไงอย่างนั้น

เธอใช้แรงมากจนลู่เซิ่นเริ่มรู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือ

เขาหันไปมองฉินซี พยายามทำเสียงสบายๆ : “ฉันไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ”

ฉินซีหันมองเขา เม้มปากแน่น ไม่พูดอะไร แต่แววตาคู่นั่นกลับสว่างในความมืดอย่างน่าตกใจ

“พวกเราไปโรงพยาบาล” แรงที่มือเธอนั่นไม่ได้ลดลง น้ำเสียงเหมือนพึมพำ

ลู่เซิ่นทำได้แค่พยักหน้า

เครื่องบินมาถึงลานจอดด้านบนโรงพยาบาลอย่างเร็ว หลินหยังได้ติดต่อคนที่โรงพยาบาลไว้ก่อนแล้ว เมื่อฉินซีและลู่เซิ่นลงจากเครื่องบินก็ถูกแยกไปตรวจทันที

เครื่องมือตรวจสอบผ่านไปทีละอย่าง ฉินซีเหมือนศพที่เดินได้ ใครบอกให้ทำอะไรก็ทำ แม้แต่พยาบาลยังรู้สึกว่าสติเธอไม่ปกติ กล่าวปลอบอย่างอ่อนโยน : “ผลการตรวจไม่มีปัญหา ผ่านไปแล้ว ไม่ต้องกลัว”

ฉินซีได้ยินแล้วแค่พยักหน้าเฉยๆ ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับอะไร

ตรวจเสร็จเรียบร้อย เวลาผ่านไปแล้วประมาณครึ่งชั่วโมง ฉินซีออกมาจากห้องตรวจห้องสุดท้าย กำลังเตรียมจะถามว่าใครสักคนว่าลู่เซิ่นอยู่ที่ไหน เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นหลินหยังยืนอยู่ด้านนอก

เธอเปลี่ยนเป็นก้าวเร็วขึ้น ไม่กี่ก้าวก็พุ่งไปตรงหน้าหลินหยังแล้ว ขมวดคิ้วถาม : “ลู่เซิ่นล่ะ? เขาเป็นอะไร?”

“ยังตรวจอยู่ ไม่ต้องร้อนใจ” หลินหยังปลอบอย่างอ่อนโยน “ผลการตรวจสอบตอนนี้ไม่มีเรื่องใหญ่อะไร”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท