Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1312

ตอนที่ 1312

บทที่ 1312 สายโทรศัพท์ของจ้านเซิน

ฉินซีหายใจเข้าลึกๆ พยายามบังคับตัวเองให้ใจเย็น แล้วถึงลุกขึ้น : “ฉันขอตัวออกไปรับโทรศัพท์สักครู่นะ”

ลู่เซิ่นไม่ได้รั้งเธอไว้ แต่สายตานั้นก็มองตามหลังเธอไปตลอดทาง จนกระทั่งร่างของเธอได้หายลับไปกับประตู

ฉินซีเดินตามระเบียงทางเดินจนกระทั่งเห็นว่าไม่มีคน ถึงได้หายใจลึกๆแล้วกดรับสายโทรศัพท์ : “จ้านเซินเหรอ”

“คุณอยู่ที่ไหน” จ้านเซินถามตรงๆอย่างห้วนๆ

ฉินซีไม่มีการปิดบัง : “ฉันอยู่โรงพยาบาล”

“คนที่ท่าเรือบอกไม่เจอคุณ” เดาไม่ออกถึงอารมณ์จากน้ำเสียงของจ้านเซิน แต่ดูเหมือนเขาแค่อธิบายเรื่องราวที่เป็นไปตามจริง

ฉินซีจึงได้ตอบกลับไปว่า : “เรือสำราญเกิดการระเบิด ฉันจึงตามหน่วยกู้ภัยออกมาจากเรือสำราญ และพวกเขาก็ขับรถตรงมาที่โรงพยาบาล ฉันก็เลยถูกพามาด้วย”

ตามการรับรู้ข่าวสารที่รวดเร็วของจ้านเซิน เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนเรือสำราญ แต่ว่าเขากลับไม่เอ่ยถึงสักคำ ทำให้ฉินซีรู้สึกวิตกเล็กน้อย

“อย่างนี้” จ้านเซินหยุดไปชั่วครู่ ก่อนที่เหมือนจะคิดอะไรออก จึงได้อ้าปากถามขึ้น “แล้วคุณเป็นอย่างไรบ้าง ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”

เมื่อฉินซีได้ยินความเป็นห่วงจากเขา ทำให้เธอถึงกับขนหัวลุก

นี่ไม่ใช่ตัวตนของจ้านเซิน การถามแบบนี้ มีแต่จะทำให้เขาดูผิดปกติยิ่งขึ้น

ความผิดปกติของจ้านเซิน…..ไม่รู้ว่าจะนำมาซึ่งผลลัพธ์อันใด

เส้นประสาทฉินซีแน่นตึงเปรี๊ยะ การพูดการจาก็ยิ่งเพิ่มความระมัดระวัง : “ฉันไม่ได้เป็นไรค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นผมให้คนไปรับคุณที่โรงพยาบาลนะ” จ้านเซินรีบพูดขึ้นทันที เหมือนกับว่าก็รอให้เธอพูดประโยคนี้เช่นกัน

ฉินซีกระอึกกระอักอยู่สักพัก ทำได้แค่เพียงพยักหน้าตอบรับ : “ค่ะ”

ลู่เซิ่นยังคงนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล แต่เธอกลับต้องจากที่นี่ไป

และเธอดันไม่สามารถปฏิเสธได้อีก

เธอรู้สึกว่าดูเหมือนจ้านเซินเกิดความสงสัยขึ้นแล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่รีบร้อนให้เธอออกไปจากที่นี่

เผชิญหน้าต่อความสงสัยของจ้านเซิน เธอไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม

เมื่อจ้านเซินได้ยินเธอตอบรับ จึงได้วางสายโทรศัพท์ลง

ฉินซีถือโทรศัพท์ยืนอยู่กับที่อยู่สักพัก ก่อนที่จะหมุนตัวหันหลังกลับไปที่ห้องผู้ป่วยของลู่เซิ่น

หลินหยังได้ออกไปแล้ว ในห้องไม่มีผู้อื่น มีเพียงลู่เซิ่นที่นั่งอยู่บนโซฟา

ฉินซีเดินมุ่งหน้าไปหาเขา แต่แล้วก็ลังเลชะงักอยู่กับที่

ลู่เซิ่นนั้นได้ยินถึงความเคลื่อนไหว เงยหน้าขึ้นเห็นว่าเป็นเธอ จึงเผยรอยยิ้มเบาๆออกมา

ฉินซีรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังจะพูดนั้นดูโหดร้าย ถึงได้ลังเลอยู่กับที่อยู่สักพัก โดยไม่ได้เข้าไปใกล้ลู่เซิ่น

“เป็นอะไรไป” แน่นอนว่าลู่เซิ่นก็เห็นถึงความผิดปกติของเธอ รอยยิ้มบนใบก็ค่อยๆจางลง จึงได้เอ่ยปากถามขึ้น

ฉินซีกัดริมฝีปาก พยายามควบคุมเสียงตัวเองให้นิ่งเป็นปกติ : “ฉัน…..ต้องไปแล้ว คุณต้องเชื่อฟังคำของคุณหมอนะ ทานข้าวให้เป็นเวลา ดูแลรักษากระเพาะให้ดีๆ……”

สีหน้าของลู่เซิ่นค่อยๆหม่นลงตามคำพูดของเธอ เมื่อน้ำเสียงของเธอค่อยๆเบาลงจนจางหายไปในที่สุด ถึงได้พูดขึ้น : “เขาต้องการให้คุณกลับไปเหรอ”

ลู่เซิ่นไม่ได้เจาะจงว่า “เขา” หมายถึงใคร แต่ทั้งคู่ต่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขาหมายถึงจ้านเซิน

ฉินซีเม้มปากแล้วพยักหน้า

ลู่เซิ่นรู้สึกถึงหัวใจไร้เรี่ยวแรง

เขาไม่อยากสนใจอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ เขายอมทำทุกอย่าง เพื่อต้องการให้ฉินซีนั้นอยู่ข้างๆ

แต่ว่าข้อความนั้นของถังย่ายังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลา

ในหนึ่งปีที่ผ่านมา ทุกๆครั้งที่ลู่เซิ่นคิดถึงฉินซีจนถึงขั้นขีดสุด จนอยากจะทิ้งทุกๆอย่างเพื่อไปหาฉินซีนั้น ก็จะเป็นข้อความนี้ที่มาระงับความใจร้อนของเขาไว้

ข้อมือของฉินซีที่ถูกองค์กรฝังชิปไว้ สามารถพรากชีวิตของฉินซีได้ตลอดเวลา จึงเหมือนกับมีดที่จี้อยู่บนคอหอยของลู่เซิ่น ทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรผลีผลาม

เขาในเวลานี้ก็เช่นกัน ทำได้เพียงอดกลั้นแล้วหรี่ตาลงชำเลืองดูข้อมือของฉินซี สักพักถึงส่งเสียงพูดขึ้น : “คุณก็เช่นกัน ดูแลตัวเองให้ดีๆ”

น้ำเสียงของเขาค่อนข้างจะแหบเล็กน้อย ฉินซีเจ็บจี๊ดที่หัวใจจนกำมือแน่น จากนั้นก็ค่อยๆคลายออก

เขาเดินก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วก้มลงจูบที่มุมปากของลู่เซิ่นเบาๆ จากนั้นก็เดินออกมาจากห้องผู้ป่วยโดยที่ไม่หันกลับมามอง

ลู่เซิ่นมองตามหลังเธอที่เดินจากไปด้วยสายตามึนงง

เสียงฝีเท้าของฉินซีในที่สุดก็จางหายไปจากระเบียงทางเดิน ลู่เซิ่นหลับตาแล้วเอนตัวลงบนโซฟา

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จนที่ประตูมีเสียงเคาะเบาๆดังขึ้น

ลู่เซิ่นจึงลืมตา

……

ใช้เวลาร่ำลากับลู่เซิ่นอยู่นานพอสมควร จึงทำให้ฉินซีต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เพื่อจะได้ไม่ไปสายจนทำให้จ้านเซินต้องสงสัย

ขณะที่ประตูลิฟต์ค่อยๆปิดลง ฉินซีเห็นร่างของคนคนหนึ่งเดินผ่านไปจากช่องว่างประตูลิฟต์

ข้อดีที่ได้จากการฝึกซ้อมขององค์กร แค่เพียงชำเลืองมองอย่างเร็วพลันเช่นนี้ เธอก็สามารถมองร่างนั้นออกได้อย่างชัดเจน ว่าเป็นแพทย์หญิงคนนั้นคนที่เดินออกมาจากห้องผู้ป่วยของลู่เซิ่น

เห็นแบบนี้แล้ว…..ก็ยิ่งทำให้คุ้นตา

ฉินซีขมวดคิ้ว ช่วงเวลาที่ลิฟต์กำลังเคลื่อนตัวลง เธอพยายามที่จะนึก แต่ก็พบกับความว่างเปล่า

จนกระทั่งประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดออก ฉินซีถึงได้หยุดคิดแล้วยกเท้าก้าวออกมา

แต่ว่าตรงข้ามประตูลิฟต์นั้นเป็นใบรายชื่อแพทย์ของโรงพยาบาล

เดิมทีฉินซีไม่ตั้งใจดูใบรายชื่อนี้ แต่ว่าสายตาก็เหลือบไปเห็น เหมือนมีสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ

เพราะรายชื่อแพทย์ท่านหนึ่งที่เธอเห็นนั้นคือ ——เวินจิ้ง

ในที่สุดเธอก็พอจะนึกออกว่าร่างที่คุ้นตานั้นเป็นของใคร

เวินจิ้ง

ฉินซีกัดริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว

เวินจิ้งอยู่ที่นี่เหรอ

ถึงแม้ว่างานแต่งเมื่อหนึ่งปีก่อน เธอนั้นจะรู้ดีกว่าใครว่าเกิดอะไรขึ้น และก็รู้ว่าเวินจิ้งเป็นคุณหญิงลู่แค่เพียงในนามเท่านั้น

แต่สิ่งนี้ก็ไม่สามารถจะหยุดความหึงหวงที่มีอยู่ภายในใจของเธอได้

แม้จะรู้ว่าเวินจิ้งกับลู่เซิ่นไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง แต่ก็คงไม่มีผู้หญิงคนไหนจะใจกว้างได้เพียงนี้

เธอจากไปแล้ว แต่ชื่อเสียงของลู่เซิ่นและภรรยาที่เป็นที่รู้จักยังคงอยู่ที่นี่ อยู่ข้างๆลู่เซิ่น

เล็บมือของฉินซีจิกเข้าที่ฝ่ามืออย่างไม่รู้ตัว

เป็นเวลาที่โทรศัพท์ของฉินซีสั่นดังขึ้นหนึ่งครั้ง จึงทำให้เธอรู้สึกตัว

เธอรู้ว่านี่เป็นข้อความจากองค์กรส่งมาเพื่อเธอบอกว่ารถได้มาถึงแล้ว

เพราะฉะนั้น…..เธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้อีก

ฉินซีมองรูปนั้นของเวินจิ้งอีกครั้ง ก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินออกไป

เมื่อเธอเดินมาถึงหน้าประตู หลายนาทีก็ผ่านไปแล้ว

คนที่มารอรับเธอไม่มีการพูดจาใดๆ เมื่อเห็นเธอนั่งลงแล้วก็ได้ขับรถเคลื่อนออกไป

เมื่อขับมาสักพัก ฉินซีถึงรู้สึกความผิดปกติ

“ไม่ไปสนามบินเหรอ” ฉินซีเอ่ยปากถามขึ้น

คนนั้นเงียบอยู่สักพักก่อนจะส่ายหน้า : “ไม่ครับ คนข้างบนสั่งให้ผมพาคุณไปที่สาขาของเมืองหนาน”

สีหน้าของฉินซีเย็นวาบขึ้น : “สาขาของเมืองหนานเหรอ”

คนนั้นพยักหน้า

ฉินซีคิดทบทวนอยู่สักพัก พบว่าตอนที่ตัวเองจากไปนั้น จ้านเซินไม่เคยพูดกับตัวเองจริงๆว่า เมื่อภารกิจสำเร็จแล้วให้กลับไปที่สาขา

แต่ว่า…..ให้ไปทำอะไรที่สาขาของเมืองหนาน

ฉินซีรู้สึกระแวง ดังนั้นจึงทำให้มีความรู้สึกไวต่อสิ่งที่ผิดปกติ แต่ก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกมาให้เห็น รู้ว่าหากตัวเองถามต่อไปเกรงว่าจะถูกจับได้ จึงทำได้เพียงควบคุมอารมณ์ไว้เท่านั้น

ขับไปอีกสักพัก แล้วก็เลี้ยวอีกไม่กี่โค้ง ก็ถึงปลายทาง

ฉินซีลงจากรถ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท