Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1308

ตอนที่ 1308

บทที่ 1308 แก้ไข

และถ้าฉินซีตั้งใจจะปิดบังตนเองจริงล่ะก็ เขาจะต้องทำได้เป็นธรรมชาติมากกว่านี้

ท่าทีปิดบังอย่างชัดเจนอยากจะพูดแต่ไม่พูดนี้ จริงๆ แล้วกำลังพยายามบอกอะไรตัวเองอยู่สินะ

ลู่เซิ่นหรี่ตา ถามต่อว่า : “ฉันค่อนข้างพอใจ คุยกันแล้วว่าเตรียมตัวจะลงทุน”

เป็นอย่างที่คิด หลังจากพูดประโยคนี้จบ ใบหน้าฉินซีปรากฏความกังวลขึ้นมาอย่างชัดเจน มีคำพูดบางอย่างอยู่ในปากเธออย่างชัดเจน แต่เธอกลับกลืนมันลงไปอีกครั้ง และเปลี่ยนเป็นประโยคอื่นแทน : “ฉันคิดว่า…พวกคุณจะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกหน่อยน่ะ”

ในใจลู่เซิ่นมั่นใจแล้ว องค์กรของฉินซีต้องมีความเกี่ยวข้องกับบ่อน้ำมันนี้แน่นอน

ในใจของเขามีความรู้สึกอยากจะเอาชนะที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนเกิดขึ้น

ความจริงแล้วเขาไม่ค่อยพอใจกับบ่อน้ำมันบ่อนี้ แม้ว่าผลการสำรวจจะไม่เลว แต่สถานที่ตั้งค่อนข้างห่างไกล ถ้าต้องพัฒนา วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ต้องลงทุนเยอะมาก

ถ้าไม่รู้ว่าองค์กรของฉินซีก็สนใจบ่อน้ำมันแห่งอยู่ด้วย กลับไปประชุม บริษัทลู่ซื่อน่าจะปล่อยบ่อน้ำมันนี้ไป

แต่ถ้าองค์กรเองก็สนใจแล้ว…

สีหน้าลู่เซิ่นเคร่งขรึม

ถึงแม้ว่าจะเป็นของที่เขาไม่ต้องการ แต่ก็ปล่อยให้องค์กรเอาไปไม่ได้

ตั้งแต่บังคับให้ฉินซีออกจากรีสอร์ทชิงหยวนครั้งนั้น ความเคียดแค้นของลู่เซิ่นต่อองค์กรก็ไม่สามารถแก้ไขได้ตามใจอีก

แต่การแสดงออกทั้งหมดของเขาอยู่ในสายตาฉินซีตลอด

ในโลกนี้มีไม่กี่คนที่จะเข้าใจการแสดงออกของลู่เซิ่นว่ากำลังคิดอะไรอยู่ได้ดีกว่าฉินซีอีกแล้ว

ฉินซีเห็นเขามีท่าทางนิ่งขรึม และเลียเขี้ยว ในใจรู้สึกไม่ดี

“บ่อน้ำมันนี้…หลายคนอยากได้” เธอพูดเร็วขึ้นไม่น้อย “คุณต้องดูลูกน้องคุณให้ดี ถ้าข่าวนี้หลุดออกไป จะไม่คุ้มค่าเลย”

เธอพูดอย่างชัดเจนแล้ว ที่คิ้วยังมีความกังวลอยู่เล็กน้อย และจ้องมองลู่เซิ่นอย่างใกล้ชิด

ลู่เซิ่นเห็นความกังวลของเธอได้โดยธรรมชาติ ความกระตือรือร้นที่เพิ่มขึ้นเมื่อกี้ถูกดับลง ทำให้สมองของเขาค่อยๆ สงบลง

ทำไมฉินซีถึงพูดอย่างนี้?

ข่าวรั่วไหลออกไป

หรือว่า…องค์กรของเธอไม่ได้สนใจกับบ่อน้ำมันแห่งนี้ แต่กลับสนใจข่าวการขายบ่อน้ำมัน?

ดีที่เขารู้ว่าฉินซีอึดอัดอย่างนี้ต้องไม่ยอมบอกเขาตรงๆ แน่นอน เป็นกังวลเสียส่วนใหญ่ จึงไม่ได้พูดให้ชัดเจน จึงทำได้แค่มองฉินซีอย่างสงสัย

เห็นสายตาของลู่เซิ่นแล้ว ฉินซีก็แทบจะเข้าใจความคิด ได้แต่พยักหน้าเบาๆ โดยไม่ได้พูดอะไร

ลู่เซิ่นดูเหมือนจะติดเชื้ออะไรบางอย่างเหมือนกัน ได้แค่เอ่ยปากถามโดยไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาว่า : “นี่คือภารกิจคุณใช่ไหม?”

แน่นอนฉินซีเข้าใจคำถามของเขา แต่ทำได้แค่ลดสายตาลงโดยไม่ตอบอะไร

แต่การกระทำของเธอ ก็มากพอที่จะทำให้ลู่เซิ่นเข้าใจแล้ว

เขารู้สึกถึงความโกรธที่ค่อยท่วมท้นเข้ามาในร่างกายตัวเองอย่างกะทันหัน

แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยถามฉินซีเลยว่าทำอะไรในองค์กร ดังนั้นข้อมูลทั้งหมดที่รู้ก็คือข้อมูลที่ถังย่าบอกเขาผ่านโทรศัพท์เมื่อหนึ่งปีก่อน เขารู้แค่ว่างานในองค์กรของฉินซีคืองานข่าวกรอง แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า “ข่าวกรอง” คืองานอะไรกันแน่

คืนนี้เป็นครั้งแรกที่เขาติดต่อกับภารกิจของฉินซีโดยตรง

ฉินซีไม่ต้องบอก เขาก็รู้ พันธมิตรด้านความร่วมมือของตัวเองให้ความสำคัญกับเอกสารสำรวจบ่อน้ำมันนี้เป็นอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ต้องพยายามเก็บรักษาเอกสารนี้ไว้อย่างเข้มงวดและเป็นความลับ

แต่ฉินซีต้องไปขโมยเอกสารชุดนี้ตามความต้องการขององค์กร

ลู่เซิ่นไม่มีความคิดอะไรในใจในชั่วพริบตา แค่คิดว่า…นี้อันตรายมากแค่ไหน

ถ้าเกิดพ่ายแพ้ล่ะ? ถ้าเกิดโดนจับได้ล่ะ?

ทันใดนั้นเขาก็ลุกลี้ลุกลนขึ้นมา ยื่นมือไปคว้ามือของฉินซีมาจับไว้ในมือตัวเอง

“เหนื่อยไหม?” เขาถามเบาๆ

แต่ทั้งสองคนรู้ดี สองคำนี้ของเขาไม่ได้หมายถึงความหมายภายนอกที่ฟังดูง่ายๆ

ฉินซีนิ่งไป ไม่ส่ายหน้า และก็ไม่พยักหน้า ทำเพียงแค่ซุกหน้าไว้ที่ไหล่ของลู่เซิ่น

จะไม่เหนื่อยได้ยังไงล่ะ?

ถ้าไม่ใช่เพราะคิดว่าในโลกนี้ยังมีลู่เซิ่นอยู่อีกคน เกรงว่าฉินซีคงไม่อดทนรอถึงวันนั้นที่จะได้อยู่ด้วยกันกับลู่เซิ่น

แต่ตรงหน้ายังมีคนคนนี้อีกคน โลกนี้ก็ยังไม่เลวร้ายถึงขนาดต้องทำลายล้าง

ดูเหมือนลู่เซิ่นจะรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่แปรปรวนของฉินซี จึงไม่ไล่ถามอะไรต่ออีก ได้แค่ยื่นมือออกไปกอดฉินซีไว้แน่นๆ ในอ้อมกอดตนเอง

ความปรารถนาที่อยากให้ฉินซีออกจากองค์กรแรงกล้าขึ้นกว่าวันก่อนๆ ลู่เซิ่นทำได้แค่กอดฉินซีไว้แน่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองหุนหันพลันแล่นทำอะไรโง่ๆ

สองคนไม่รู้ว่ากอดกันนานแค่ไหน ฉินซีจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากไหล่ของลู่เซิ่น มองลู่เซิ่นและถามว่า : “บ่อน้ำมันบ่อนั้น…เดิมทีคุณคิดเห็นยังไง?”

เดิมทีลู่เซิ่นยังคงจมอยู่กับความเสียใจ แต่เมื่อก้มหน้าไปเห็นสายตาจริงจังของฉินซี ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

…เธอช่างเป็นภรรยาที่ดี ถึงตอนนี้ยังไม่ลืมเรื่องบ่อน้ำมัน

ดังนั้นลู่เซิ่นจึงไม่พูดเล่นแล้ว และพูดอย่างเป็นทางการว่า : “เดิมที่ฉันไม่ได้สนใจสิ่งนี้เท่าไหร่ บ่อน้ำมันไกลไป น้ำมันอยู่ในระดับตื้นก็จริง แต่ปริมาณสำรองไม่มาก สถานที่ตั้งค่อนข้างห่างไกล ถ้าจะพัฒนาจริง ต้องใช้การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเยอะมาก”

ฉินซียังคงขมวดคิ้วน้อยๆ และถามต่อว่า : “ก่อนจะถึงคืนนี้คุณก็คิดแบบนี้หรือ? ได้บอกใครบ้างไหม?”

ลู่เซิ่นขยับคิ้ว รู้สึกว่าคำถามนี้ของฉินซีแปลกๆ แต่ก็ตอบตามความจริงไปว่า : “มีสิ ก่อนที่จะไปร่วมงานเลี้ยง ฉันได้คุยเรื่องนี้กับคณะกรรมการหลายๆ คน”

ครั้งนี้ฉินซีค่อยสบายใจขึ้นหน่อย

แค่มีหลักฐานอยู่ก็ดีแล้ว

เธอไม่ได้กลัวจะถูกองค์กรลงโทษเพราะเปิดเผยภารกิจของตัวเอง แต่กลัวจะทำให้ลู่เซิ่นลำบากไปกับตัวเองด้วย

ถ้าเขายกเลิกธุรกรรมนี้ง่ายๆ จ้านเซินต้องสงสัยอย่างแน่นอนว่าตนเองเปิดเผยอะไรไปรึเปล่า

แต่ฉินซีเข้าใจพฤติกรรมของเขา เขาจะไม่เผชิญหน้ากับตนเอง แต่จะตรวจสอบทุกอย่างอย่างละเอียดเป็นการส่วนตัว แล้วค่อยดึงเอาหลักฐานทั้งหมดออกมา ทำให้ไม่สามารถหาอะไรมาหักล้างได้

แค่ก่อนหน้านี้ลู่เซิ่นเคยแสดงความคิดเห็นไม่อยากลงทุนออกมา ตอนที่จ้านเซินตรวจสอบด้วยตัวเอง ก็จะไม่สงสัยอะไรแล้ว

หรือพูดได้ว่า ถึงแม้จะสงสัย ก็จะพุ่งมาที่ฉินซีเพียงคนเดียว

แค่นี้ก็พอแล้ว

สามารถแก้ปัญหาเรื่องที่ค้างอยู่ในใจได้แล้ว ตั้งแต่ขึ้นเรือมาฉินซีมีก้อนหินก้อนหนึ่งกดดันอยู่ในใจตลอดมาในที่สุดก็ปล่อยมันได้สักที ความสบายใจอยู่ในรอยยิ้มไม่น้อย

ถึงแม้ลู่เซิ่นจะไม่รู้ว่าทำไมการแสดงออกของเธอถึงดูสบายใจขึ้นมากะทันหัน แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าของฉินซี แค่รู้สึกว่าความปรารถนาที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อกี้กลับมามีพลังขึ้นอีกครั้ง

เดิมทีทั้งสองก็อยู่ใกล้ชิดกันอยู่แล้ว แค่เขายื่นมือก็สามารถดึงฉินซีกลับเข้ามาในอ้อมกอดตัวเองได้อีกครั้ง และกระซิบข้างหูเธอว่า : “กลัวฉันไม่มีเงินขนาดนั้นเลย?”

ฉินซีหัวเราะเบาๆ ผลักอกเขาแกล้งทำเป็นปฏิเสธ ไม่ตอบคำถาม

ลู่เซิ่นหวั่นไหวยิ่งขึ้นเพราะรอยยิ้มเธอ ไม่อยากถามอะไรขึ้นมาทันที รีบก้มหน้าจูบลงไป

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท