Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1316

ตอนที่ 1316

บทที่ 1316 ข้ออ้าง

ห้องประชุมอยู่ชั้นหนึ่งเหล่าหวางเปิดประตูให้กับฉินซี เมื่อเธอเงยหน้ามอง ก็เห็นมีคนนั่งอยู่ในนั้นห้าคน

“ยังมีอีกสองท่านที่วันนี้ติดภารกิจ ถ้าพวกเขากลับมาแล้วผมจะให้ไปพบคุณเป็นการส่วนตัว” เหล่าหวางกล่าว

ฉินซีพยักหน้า

เมื่อเห็นฉินซีเดินเข้ามา คนที่นั่งอยู่ในนั้นห้าคนก็ได้ลุกยืนขึ้น ถึงแม้คำว่าเคารพจะแปะอยู่บนใบหน้าของพวกเขา แต่ฉินซีก็เห็นความหมายจากแววตาที่พวกเขามองมา

อันที่จริงเมื่อวานฉินซีก็ได้เปิดข้อมูลดูคร่าวๆ เหล่าหวางเป็นหัวหน้าของพวกเขามาเป็นเวลานาน แล้วจู่ๆเกิดมีการเปลี่ยนหัวหน้า พวกเขาส่วนใหญ่ก็คงไม่สามารถจะยอมรับในตัวเธอได้ทันที

อีกทั้งฉินซียังเด็กขนาดนี้ จึงเป็นเรื่องที่ยากที่จะให้ความไว้วางใจสำหรับพวกเขา

แต่ว่าปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฉินซี

“เชิญนั่ง” ฉินซีกล่าว

เหล่าหวางนั่งลงอยู่ข้างๆเธอ จากนั้นก็ทำการแนะนำคนทั้งห้าที่นั่งอยู่ในนั้น และงานคร่าวๆที่เธอต้องสืบทอดแทน

ฉินซีพยักหน้า ดูเหมือนว่าเธอจะตั้งใจฟัง แต่จริงๆแล้วใจเธอว่อกแว่กไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

เธอกำลังคิดถึงลู่เซิ่น

ณ เวลานี้ลู่เซิ่นน่าจะตื่นนอนแล้ว

เมื่อวานเธอได้เอ่ยปากบอกกับลู่เซิ่นว่าวันนี้ตัวเธอจะไปหาเขา จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการปรากฏตัวขึ้น เขาจะเป็นกังวลไหมนะ

ฉินซีแอบชำเลืองโทรศัพท์แวบหนึ่ง

ไม่ว่าเธอจะร้อนรนสักเพียงใด แต่ว่าเมื่อรอจนมีโอกาสลากตัวออกไปจากที่นี่ ก็เป็นเวลาพักกลางวันแล้ว

“ทุกท่านทานอาหารด้วยกันนะ” เหล่าหวาง ยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง แล้วสายตาก็มองมาที่ใบหน้าของฉินซี “หรือฉินซีมีเรื่องธุระด่วนที่ต้องไป”

ฉินซีรู้สึกว่าเขาเริ่มเกิดความสงสัยขึ้นแล้ว จึงได้ข่มตัวเองแล้วพูดขึ้น : “ไม่มีค่ะ ไปกันเถอะ ไปทานอาหารด้วยกัน”

อยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้า บวกกับทานอาหารด้วยกันอีก ทำให้หลายคนมีความสนิทสนมกันมากขึ้น โชคดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวบุคคลภายในองค์กรนั้นเรียบง่าย ทุกคนไม่จำเป็นต้องเสแสร้งทำเป็นว่าสนิทกัน ถึงแม้ว่าจะโป๊กเกอร์เฟส ก็ไม่เป็นไร

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ฉินซีก็พอจะทราบถึงลักษณะนิสัยของแต่ละคน ถึงแม้จะอยู่ว่าภายใต้ “การสั่งสอน”ขององค์กร แต่ความจริงทุกคนล้วนได้ถูกขัดเกลาให้แข็งแกร่ง

ทุกคนล้วนมีงานยุ่ง เมื่อเดินออกมาจากห้องอาหาร ต่างคนต่างก็แยกย้ายเพื่อทำธุระของตัวเอง

ฉินซีมีความคิดที่อยากจะทดสอบเหล่าหวางว่าจะมีการติดตามตัวเองอยู่ในระดับไหน จึงไม่ได้เสนอตัวว่าจะแยกย้ายกับเหล่าหวาง และทำการเดินกลับไปพร้อมกับเหล่าหวาง

แต่เหล่าหวางกลับหยุดอยู่ที่ประตู แล้วหันมามองฉินซี : “เรื่องที่สำคัญๆผมได้แนะนำให้ไปกับคุณแล้ว ถ้าหากมีเรื่องอะไรก็สามารถติดต่อผมได้ตลอดเวลา”

ฉินซีรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้ปัดปฏิเสธแต่อย่างใด เพียงแต่พยักหน้าให้แล้วส่งเขาด้วยสายตา

…..ความหมายของเหล่าหวางคือ ต่อไปก็จะไม่ได้มาปรากฏตัวที่นี่บ่อยๆอย่างนั้นเหรอ

ฉินซีนึกว่าเขาคือหมากที่จ้านเซินส่งมาเพื่อสอดส่องเธอ แต่ว่าเขากลับจากไปแบบนิ่งๆ ดูแล้ว…..ไม่เป็นอย่างที่เธอคิดไว้

หรือว่าจ้านเซินนั้นจะเลิกสอดส่องตัวเองแล้วจริงๆ

ฉินซีแทบไม่อยากจะเชื่อ แต่ว่าก็หาคำอธิบายอย่างอื่นไม่ได้ ทำได้เพียงเก็บความสงสัยไว้ลึกๆข้างใน จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าประตูไป

แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเช่นกัน

ใบหน้าฉินซีผุดรอยยิ้มที่คนรอบข้างไม่สามารถสังเกตเห็นได้

ในเมื่อไม่มีคนคอยติดตามความเคลื่อนไหวของเธอ อย่างนั้น…..ตอนบ่ายเธอก็สามารถไปหาลู่เซิ่นที่โรงพยาบาลได้แล้วสิ

เธอยังจำได้แม่นว่าเวินจิ้งทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนั้น และเธอก็เห็นกับตาว่าเวินจิ้งเดินออกมาจากห้องผู้ป่วยของลู่เซิ่น

เมื่อความคิดที่คิดว่าพวกเขาสองคนอยู่ห้องผู้ป่วยกันตามลำพัง ก็ทำให้ฉินซีรู้สึกไม่สบายใจ

ดังนั้นจึงตัดสินใจไปดูที่โรงพยาบาลด้วยตาตัวเอง

…..

เมื่อถึงโรงพยาบาลก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงพอดี

ฉินซีรู้เส้นทางทางเดินไปประตูห้องผู้ป่วยของลู่เซิ่น ทันใดนั้นก็เพิ่งจะนึกออกได้ว่าตัวเองนั้นได้ทำเรื่องที่ผิดพลาดไปอย่างมหันต์

คือเธอไม่ได้ถามลู่เซิ่นว่ายังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลหรือเปล่า

เมื่อวานแพทย์ได้ออกมาบอกสถานการณ์กับหลินหยังนั้น เธอก็อยู่ฟังด้วย ฟังตามที่แพทย์บอกแล้ว ดูเหมือนว่าอาการของลู่เซิ่นไม่ค่อยร้ายแรงสักเท่าไหร่ แค่พักผ่อนร่างกายก็เพียงพอ

ตามลักษณะนิสัยของลู่เซิ่น…..เขาจะต้องไม่เชื่อฟังคำของแพทย์อย่างแน่นอน โรคกระเพาะที่เป็นโรคเรื้อรังแบบนี้ ถ้าต้องนอนพักที่โรงพยาบาลไม่มีทางเรื่องที่จะหายได้ภายในวันสองวัน ถ้าเป็นแบบนี้ ลู่เซิ่นก็ยิ่งไม่มีทางที่จะนอนพักที่โรงพยาบาล

ตัวเองก็แค่พูดไปอย่างนั้นว่าวันนี้ตัวเองจะมาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล และก็ไม่ได้ระบุเวลาการมา จนเธอเองก็นึกไม่ออกว่าลู่เซิ่นจะได้ยินในสิ่งที่เธอพูดหรือเปล่า ถ้าหากว่าไม่ได้ยิน แล้วเขาไม่อยู่โรงพยาบาลในตอนนี้ ก็ถือเป็นข้ออ้างได้

ฉินซีแทบจะไม่เคยทำเรื่องผิดพลาดเฉกเช่นนี้มาก่อน จนรู้สึกนึกขำตัวเอง แต่เมื่อมาแล้ว เดินไปดูหน่อยแล้วกัน เธอจึงได้เดินขึ้นไป

ถึงแม้ว่าเมื่อวานมาแค่เพียงรอบเดียว แต่การจำสถานที่สำหรับฉินซีนั้น ตอนนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ยากอีกต่อไป

เธอเดินเข้าไปตามเส้นทางที่เธอจำได้ ทีละก้าวๆจนไปใกล้ห้องผู้ป่วยของลู่เซิ่นที่พักเมื่อคืน

ประตูห้องผู้ป่วยได้เปิดอยู่ ในห้องมีเสียงเบาๆลอยมา ฉินซีถึงได้ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็เดินไปสองสามก้าวจนถึงประตู แล้วชำเลืองเข้าไปข้างใน

แต่ว่าเธอมองแค่เพียงแวบเดียว แล้วก็ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู

ลู่เซิ่นนั้นอยู่ในห้องผู้ป่วยจริงๆ แต่ว่าในห้องผู้ป่วยนั้นไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น

ยังมีอีกคนในชุดคลุมสีขาวที่ยืนหันหลังให้กับทิศที่ฉินซียืนอยู่ ฉินซีจึงมองเห็นเพียงด้านหลังของเธอเท่านั้น

แต่ว่าแค่แผ่นหลังนี้ก็เพียงพอแล้ว

เพราะว่าแผ่นหลังนี้ฉินซีเพิ่งจะเห็นจากเมื่อวาน

นั่นคือเวินจิ้ง

หัวใจของฉินซีเต้นแปลบๆ

ถ้าคิดอย่างละเอียดถึงประสบการณ์ความรู้สึกของฉินซีกับลู่เซิ่น ตอนที่เธอยังไม่รู้สึกหวั่นไหว ต่อให้เห็นลู่เซิ่นอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เธอก็ไม่รู้สึกรู้สา แต่เมื่อหลังจากที่เธอรู้สึกหวั่นไหวแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลู่เซิ่นไปสนิทชิดใกล้กับผู้หญิงคนอื่นอีก จนกระทั่งเมื่อหนึ่งปีก่อนที่ลู่เซิ่นถูกใส่ร้ายในครั้งนั้น

แต่ครั้งนั้นฉินซีได้ตัดใจจากลู่เซิ่นแล้ว ดังนั้นความรู้สึกที่มีคือมีแต่ความเสียใจ

แต่ความรู้สึกที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้…..เหมือนเป็นอาการหึงมากกว่า

นี่ดูเหมือนว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ฉินซีรู้สึกว่าตัวเองนั้นมีอาการหึงหวง

เพียงแต่ฉินซีแยกแยะความรู้สึกไม่ออก ความหึงหวงที่เดี๋ยวมีเดี๋ยวหายนั้นทำให้เธอถึงกับกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว

ลู่เซิ่นไม่ชอบการนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ดังนั้นจึงยังคงนั่งอยู่บนโซฟา โดยที่มือซ้ายยังคงมีสายน้ำเกลือห้อยไว้

ส่วนเวินจิ้งนั้นยืนอยู่ตรงหน้าเขา จนบดบังการมองเห็นของเขา ใบหน้าที่เย็นชาได้สั่งกำชับเขาว่าวันนี้หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว ต้องดูแลตัวเองอย่างไร ถึงจะไม่ทำให้อาการโรคกระเพาะกำเริบ

เหตุผลที่ใบหน้าเย็นชา…..เพราะเธอรู้ดีว่าลู่เซิ่นไม่มีทางที่จะยอมเชื่อฟังคำของเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะความเป็นแพทย์มืออาชีพ เธอแทบไม่อยากจะเสียเวลามาสนใจเขาด้วยซ้ำ

ใบหน้าที่ไม่สนใจของลู่เซิ่น แทบจะมีคำว่า “ฟังไม่เข้าหู” เขียนไว้บนใบหน้า

ทั้งคู่ที่คนหนึ่งนั่งคนหนึ่งยืน คนหนึ่งพูดคนหนึ่งฟัง เพียงแต่คนพูดพูดอย่างไม่จริงจัง ส่วนคนฟังก็ฟังอย่างไม่ตั้งใจ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท