Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1330

ตอนที่ 1330

บทที่ 1330 ตระกูลหนานกง

ทีแรกฉินซีแค่เห็นลู่เซิ่นหึง ก็อยากแกล้งเขาเล่น แต่เมื่อเริ่มต้นอย่างนี้ ก็วิเคราะห์อย่างจริงจังขึ้นมาจริงๆ

“เห็นอยู่ว่าไว้ผมยาว ดูอ่อนโยนสวยงาม ใส่เสื้อผ้าก็ไปทางรัดรูป เหมือนนกยูงรำแพนหางได้ แต่ก็ไม่แต่งหน้า หน้าตาจืดๆ แถมคนที่เปิดเผยอย่างนี้ น่าจะตั้งชื่อหนานกง โอวหยาง ซือหม่าอะไรทำนองนี้ถึงจะถูกสิ นี่อะไรตั้งชื่อถ่อมตัว โจวเอ้อ ข้อสุดท้ายน้ำเสียงก็ราวกับคุ้นเคยกับฉันมาก ต่อหน้าคุณไม่กลัวที่บอกว่ารู้ความจริงเรื่องเราสองคน เขาน่าจะไม่กลัวคุณ แต่ก็ไม่ยอมพูดให้ชัดเจน คุณบอกให้ไปก็ไปง่ายๆ”

ฉินซีพูดต่อเนื่องยาวขนาดนี้ ลู่เซิ่นตอนแรกแค่ใจลอย ค่อยๆ ฟัง ก็เงยหน้าขึ้น

ฉินซีเห็นเขาเงยหน้า ก็เลิกคิ้ว “ว่าไงคะ ฉันพูดมีเหตุผลมั้ย”

ลู่เซิ่นยิ้มบางๆ

เขารู้แจ่มแจ้ง ฉินซีวิเคราะห์ยืดยาว ที่จริงสนใจคำถามสุดท้าย——โจวเอ้อ รู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ยังไง

ลู่เซิ่นหัวเราะในใจ

ในเมื่อเธอถามอ้อมไปอ้อมมา อย่างนั้นจะตำหนิเขาตอบอ้อมค้อมก็ไม่ได้

“คุณพูดไม่ผิดจริงๆ เขาน่ะ ชื่อจริงไม่ใช่ โจวเอ้อ” ลู่เซิ่นพูด พลางหยิบแก้วเหล้าสองใบวางตรงหน้าฉินซีกับตัวเอง น้ำเสียงไม่รีบร้อน

ฉินซีเดิมอยากเลียบเคียงถามโจวเอ้อ รู้ความสัมพันธ์ของเธอกับลู่เซิ่นได้ยังไง ถูกลู่เซิ่นเปลี่ยนหัวข้อ รู้สึกอยากรู้ขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะถาม “งั้นเขาชื่ออะไรคะ”

ลู่เซิ่นยิ้ม “ที่จริงคุณพูดออกมาเองแล้ว ชื่อเดิมเขาคือ หนานกงเจ๋”

ฉินซีเบิกตาโต

ช่วงสามสัปดาห์มานี้ เพียงพอที่เธอจะศึกษาข้อมูลเมืองหนาน เมืองหนานมีตระกูลใหญ่อะไรบ้าง เธอจำได้ขึ้นใจ

หนานกง…น่าจะเป็นตระกูลเศรษฐีตระกูลหนึ่งในเมืองหนานที่ค่อนข้างลึกลับ

ถึงแม้จะเป็นข้อมูลขององค์กร คำบรรยายเกี่ยวกับตระกูลหนานกง ก็ไม่ชัดเจนนัก เพียงเขียนคร่าวๆตระกูลหนานกง เริ่มต้นจากมาเฟีย ตอนนี้ทำอะไร ล้างมือแล้วหรือยัง ก็ไม่ชัดเจน

เมื่อดูจากอำนาจขององค์กรที่แทรกซึมตอนนี้ ข้อมูลตระกูลใหญ่ขนาดนี้กลับมีแค่สั้นๆ เป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก คำอธิบายเพียงอย่างเดียวที่เป็นไปได้ก็คือ——

อำนาจของตระกูลหนานกงที่นี่เหนือกว่าองค์กร

ก่อตั้งเร็วกว่า หรือมีอำนาจมากกว่าปกป้องตัวเองได้ มีแค่อย่างเดียวเท่านั้น

แต่หากโจวเอ้อ เป็นคนของตระกูลหนานกงทำไมต้องปิดบังชื่อแซ่ด้วย

ดูเหมือนจะเข้าใจความแปลกใจของฉินซี ลู่เซิ่นยิ้มบางๆ “ลองคิดดูสิ แค่ได้ยินชื่อหนานกง ก็มีท่าทางแบบนี้ เขาถึงไม่ชอบใช้ชื่อหนานกงเจ๋ กับคนอื่น”

ฉินซีไม่ถูกเขาหลอก “โจวเอ้อ…หรือหนานกงเจ๋ ถ้าแคร์สายตาของคนอื่น ไม่มีทางไว้ผมยาวขนาดนี้หรอก”

พูดได้ว่า ถ้าเพราะไม่อยากให้คนอื่นสนใจถึงเปลี่ยนชื่อ ใช้เหตุผลนี้กับเขาไม่ได้แน่

ลู่เซิ่นเลิกคิ้วนิดหนึ่ง ไม่โต้แย้งคำพูดของฉินซี เพียงแต่พูดเรียบๆ “ถ้าเขาอยากใช้อะไรที่สะดุดตา ปิดบังอีกอย่างที่สะดุดตาล่ะ”

ฉินซีขมวดคิ้วสงสัย “…อีกอย่างที่สะดุดตา”

ลู่เซิ่นไม่ได้อธิบายตรงๆ แต่ถามกลับ “คุณเห็นโจวเอ้อ ครั้งแรก รู้สึกยังไงล่ะ”

ฉินซีเอียงศีรษะคิด “รู้สึก…สมแล้วที่เป็นเถ้าแก่บาร์”

ใบหน้าของลู่เซิ่นแสดงว่าอยากจะหัวเราะ “ถ้าผมไม่บอกคุณ เขาคือผู้นำของตระกูลหนานกง คุณรู้สึกว่าเขาเหมือนมั้ย”

ครั้งนี้ฉินซีประหลาดใจมากๆ “ผู้นำ…ตระกูลหนานกงงั้นหรือ”

ลู่เซิ่นยิ้มกว้างขึ้น “เห็นมั้ยล่ะ คุณไม่คิดถึงใช่มั้ยล่ะ”

ฉินซีพยักหน้า “จริงค่ะ…”

แม้ในข้อมูลจะมีรายละเอียดของตระกูลหนานกง ไม่มาก แต่ “ผู้ตั้งมาเฟีย” สี่คำนี้ ทำให้คนอื่นนึกไปถึงคนที่สวมชุดสูทดำและแว่นดำ รูปร่างสูงใหญ่ ฆ่าคนไม่กะพริบตา อย่างไรก็นึกไม่ถึง…คนผมยาวถึงเอว แยกชายหญิงไม่ออก จะเป็นผู้นำตระกูลตัวจริง”

“อย่างนั้น บาร์นี่ ก็เป็นแค่ฉากบังหน้าเท่านั้นหรือคะ” ฉินซีถาม

ลู่เซิ่นส่ายหน้า “ไม่ใช่ ถ้าเขาไม่ได้เกิดในตระกูลหนานกงคงจะเป็นเถ้าแก่บาร์จริงๆ ไปแล้วล่ะ”

ฉินซีลืมคำถามที่อยากจะถามในตอนแรกไปหมด ตอนนี้อยากรู้แต่เรื่องของโจวเอ้อ

ลู่เซิ่นไม่รีบเล่าต่อ แต่เคาะแก้วเหล้าที่อยู่ตรงหน้าฉินซี “ลองชิมดูก่อนสิ โจวเอ้อ ชงเองเชียวนะ ทุกวันนี้ไม่ค่อยมีใครได้ดื่มแล้ว”

ฉินซีค่อยก้มมองแก้วเหล้าที่ลู่เซิ่นเลื่อนมาข้างหน้าตัวเอง

สีเข้มๆ ดูไม่ออกว่าพิเศษอะไร เหมือนกับ โจวเอ้อ คนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะลู่เซิ่นเล่าว่าเขาเป็นใคร ฉินซีไม่มีทางรู้ความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

ลู่เซิ่นพยักหน้าเร่งเธอ ฉินซีค่อยหยิบแก้ว ขึ้นมาจิบนิดหนึ่ง

รสชาติหวานมาก เหมือนไม่มีรสชาติเหล้า แต่ฉินซีใช่ว่าจะหลอกได้ง่ายๆ โง่เชื่อว่านี่คือเครื่องดื่ม หันไปมองลู่เซิ่น “นี่คือ…ลองไอส์แลนด์ไอซ์ที”

ลู่เซิ่นยิ้มนิดๆ ส่ายหน้า “ไม่ใช่ลองไอส์แลนด์ไอซ์ที ไม่หวานขนาดนี้หรอก นี่คือเวอร์ชั่นปรับปรุงของโจวเอ้อ เขาเรียกมันว่า…ลองไอส์พระอาทิตย์ตก”

ฉินซียิ้ม “ชื่อนี้ฟังแล้วเพราะดีค่ะ”

ลู่เซิ่นพยักหน้า “ใช่แล้วโจวเอ้อ หมอนี่…เรื่องนี้ มีพรสวรรค์มากจริงๆ”

ลู่เซิ่นเติบโตที่เมืองหนาน ในบรรดาตระกูลเศรษฐีเมืองหนานทั้งหมด เด็กที่อายุพอๆ กัน เป็นเพื่อนเล่นกันหมด

ลู่เซิ่นจึงรู้จักกับ หนานกงเจ๋มาตั้งแต่เด็กๆ

ตระกูลหนานกงมีลูกชายสองคน หนานกงเจ๋ เป็นคนเล็ก พี่น้องสองคนอายุห่างกันไม่มาก พี่ชายสุขุม น้องชายร่าเริง ที่บ้านสั่งสอนเข้มงวดกับพี่ชาย วางแผนให้พี่ชายเป็นทายาทสืบทอดกิจการ กับน้องชายไม่เข้มงวดนัก ปล่อยให้เขาโตอย่างอิสระ แค่ไม่เกเรเดินทางผิดก็พอ

ตั้งแต่เด็กๆ หนานกงเจ๋ จึงเป็นคนที่สบายที่สุดในบรรดาคุณชาย ไม่มีแรงกดดันจากคลาสเรียนมากมายของคนชั้นสูง มีเวลาเหลือเฟือครุ่นคิดเรื่องของตัวเอง

ที่หายากคือ เขาไม่ชอบสำมะเลเทเมา แข่งรถจีบหญิง แต่กลับมีงานอดิเรกหลงใหลการชงเหล้า ทั้งวันไม่ไปไหนทั้งนั้น ฝึกฝนชงเหล้า ตอนนั้นยังพูดว่า ต่อไปเขาจะต้องเปิดบาร์สำเร็จแน่ๆ เชิญทุกคนมากินดื่มเที่ยวฟรี

ตระกูลหนานกงแน่นอนว่ารู้ความชอบของเขา แต่ก็ไม่มีใครห้าม ในเมื่อไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ให้คุณชายเล็กมีความสุขเถอะ

ถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ตระกูลหนานกงมีพี่ชายสืบทอด หนานกงเจ๋ ได้เปิดบาร์ของเขาอย่างมีความสุข จนขยายกิจการของตัวเอง

แต่เรื่องราวในโลกใบนี้ยากจะคาดเดา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท