Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1332

ตอนที่ 1332

บทที่ 1332 เป็นใครกันแน่

จมูกและหน้าผากของฉินซีมีเม็ดเหงื่อซึมทั่ว แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอมาจากหัวใจ

ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทั้งสองคนจะมายืนกอดกันมันไม่ใช่กิจกรรมที่เป็นเรื่องที่ดีนัก แต่แค่การเต้นรำ ที่แค่ขยับอยู่บนฟลอร์ กลับทำให้เธอรู้สึกดีสบายใจขึ้นมาได้

ลู่เซิ่นยิ้มตามฉินซี ก่อนเขาจะก้มศีรษะลง และใช้มือลูบที่จมูกของเธอ “มีความสุขเหรอ?”

ดวงตาของฉินซีอัดแน่นไปด้วยความสุข เธอพยักหน้า “มีความสุข”

ท่าทางร่าเริงที่หายไปนานของเธอทำให้มุมปากของลู่เซิ่นยกขึ้น

แสงบนฟลอร์เต้นรำทำให้ดวงตาของฉินซีเป็นประกายสวย ลู่เซิ่นแทบจะไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ เขาก้มลงไปจูบเธอเบาๆ

พวกเขาระมัดระวังกันมากเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ เมื่อเขาทั้งสองจูบกันเสร็จและผละห่างกันแล้ว ลู่เซิ่นก็จูงมือฉินซีกลับไปยังที่นั่ง ทว่าทันใดฉินซีก็รู้สึกถึงบางอย่างที่มันผิดปกติ

เธอที่หยุดฝีเท้าลง ทำให้ลู่เซิ่นหันไปถามเธอ “มีอะไรเหรอ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินซีไม่ได้หายไป ทว่าดวงตาของเธอกลับมืดลงหลายส่วน “มีคนกำลังมองเราอยู่”

ใบหน้าของลู่เซิ่นกลับเปลี่ยนไปเช่นกัน

แต่เขาทั้งสองคนก็ยังคงต้องทำตัวเป็นปกติ ไม่เปลี่ยนสีหน้าและยังคงเดินไปนั่งยังที่ของตัวเอง

ที่นั่งเป็นวงแหวนครึ่งวงกลมและทั้งสองคนก็เลือกทิศทางที่หันหน้าออกไปจากฝูงชนและด้วยความที่เก้าอี้สูงคลุมหลัง ก็ทำให้พวกเขาสบายใจขึ้นมานิด

แต่ยังไงที่นี่ก็ยังคงเป็นห้องโถงและพวกเขาก็ไม่สามารถออกไปได้ง่ายๆ

“มีใครจ้องมาที่เรา?” ลู่เซิ่นแนบลงไปใกล้ชิดกับเธอเพื่อถาม

ฉินซี “อืม น่าจะเป็นทางด้านเค้าเตอร์บาร์”

ลู่เซิ่นไม่ได้ถามว่าเธอรู้ได้ยังไง ฉินซีก็อธิบายไม่ถูก มันอาจจะเป็นสัญชาตญาณบางอย่าง

เธอรู้สึกได้ถึงการจ้องมองที่มุ่งร้ายจากทางด้านหลังโดยไม่ต้องมอง

ลู่เซิ่นหันหน้าไปมองยังทิศทางที่เธอบอก ก่อนจะส่ายหัว “ไม่เห็นนะ”

ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “ไปจากที่นี่กันเถอะ”

ฉินซีไม่จำเป็นต้องพูด ยังไงเขาก็ไม่อยู่ที่นี่ต่อแน่ ทั้งสองลุกเดินออกไปจากทางที่เข้ามา

ลู่เซิ่นดื่มและเขาไม่สามารถขับรถได้ คนขับรถเขากำลังรออยู่ที่หน้าประตู เมื่อเข้ามาในรถ ฉินซีก็คลายกังวลลง

ลู่เซิ่นโทรหาโจวเอ้อ ขอให้เขาตรวจดูกล้องวงจรปิดของบาร์ และตรวจสอบว่ามีคนที่น่าสงสัยอยู่หรือไม่ เมื่อสั่งการเสร็จ จึงวางโทรศัพท์ และหันตัวไปหาฉินซีก่อนกุมมือเธอ

“ฉันไม่เป็นไร” ฉินซีพูดให้เขาสบายใจ “ตอนที่เรากำลังออกมา ฉันรู้สึกได้ว่าคนคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว”

แม้ว่าเธอจะพูดเช่นนี้ แต่เธอก็ไม่ผ่อนคลายลงเลย

ลู่เซิ่นเข้าใจดี ว่าหากมีใครบางคนในองค์กรเห็นเธอ คงจะถ่ายรูปและนำไปบอกองค์กร

ความสุขที่ได้ลงมาจากฟลอร์เต้นรำจางหายไป ฉินซีกลับรู้สึกผิดขึ้นมาแทน “ถ้าไม่ใช่เพราะฉันอยากไปที่ฟลอร์เต้นรำ -”

“ชู่ว” ลู่เซิ่นเอื้อมมือออกไปกดริมฝีปากของฉินซีไว้ “อย่าพูดอะไรโง่ๆ มีความสุขก็พอแล้ว อย่าคิดมาก”

ฉินซีเงียบ และทำได้เพียงแค่พยักหน้า

โทรศัพท์มือถือของลู่เซิ่นสว่างขึ้นมา เป็นโจวเอ้อที่นำภาพจากกล้องวงจรปิดส่งมาให้ พร้อมทั้งข้อความเสียง

“ภาพมันไม่ค่อยชัดนะ ฉันทำตามที่นาบบอกให้ทำ ว่าให้ถ่ายภาพช่วงเวลาที่พวกนายสองคนกลับไปที่ฟลอร์เต้นรำ ลองดูก่อนครับ ถ้าไม่มีเบาะแสอะไร ฉันจะส่งไฟล์วิดีโอไปให้”

ลู่เซิ่นตอบรับ พลางคลิกที่หน้าจอเพื่อตรวจดู ฉินซีเองก็ขยับใกล้เข้ามาดูด้วย

ไฟแถบนั้นมืดสลัว วิดีโอของกล้องวงจรก็ไม่ชัด นอกจากนี้ภาพถ่ายยังถ่ายมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งผ่านกล้องโทรศัพท์มือถือมาอีกที มันค่อนข้างที่จะเบลอไปหมด

แต่ทั้งสองคนแค่มองครั้งแรกก็เห็นบุคคลที่ผิดปกติตั้งแต่ครั้งแรก

“… มู่วี่สิง?” ฉินซีพึมพำ

ลู่เซิ่นชะงัก ก่อนหันไปมองฉินซี “คุณ รู้จักเขาด้วย?”

ฉินซีไม่ได้ต้องการที่จะปิดบังลู่เซิ่น เธอพยักหน้าน้อยๆ “เขาเป็นสามีของเวินจิ้งนี่”

ลู่เซิ่นไม่ได้สนใจสิ่งที่ฉินซีพูดถึงคำว่า ‘สามี’อย่างตั้งใจนัก ตอนนี้เขาเพียงแค่ตั้งใจภาพจากกล้องวงจรปิดเท่านั้น เพื่อที่จะได้แน่ใจว่าเวลานั้นไม่มีคนที่น่าสงสัยเพิ่มมาอีก ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาวางโทรศัพท์ลง หันหน้าไปทางฉินซี “ถ้าเป็นมู่วี่สิงจริงๆ ทำไมเขาถึงต้องมองมาทางคุณ ทำให้คุณรู้สึกว่ากำลังถูกจ้องอยู่?”

ฉินซีนิ่งคิดไปพักหนึ่ง พูดเสียงเบา “ฉันบอกไม่ได้ ฉันแค่รู้สึกได้ ว่าสายตาที่จ้องมานั้น ไม่ได้มีเจตนาที่ดี”

หลังจากพบว่าคือ มู่วี่สิง ความรู้สึกหนักอึ้งในใจค่อยๆหายไป

อย่างไรก็แค่ตระกูลมู่ในเมืองหนาน เธอคงไม่ต้องกังวลอะไรมาก

แต่อย่างไรลู่เซิ่นก็อยากจะจับตาดูเอาไว้ เขาส่งข้อความไปบอกโจวเอ้อว่าไม่ต้องตรวจสอบวิดีโอแล้ว แค่ให้ดูความเคลื่อนไหวของมู่วี่สิง เมื่อโจวเอ้อรับทราบ เขาจึงวางโทรศัพท์ลง

พิสูจน์แล้วว่าเป็นสัญญาณเตือนของเธอที่ผิด เขาและเธอต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ตอนนี้กลับไปที่บาร์คงไม่ได้แล้ว ตอนนี้เวลาก็ค่อนข้างดึกแล้ว เขาเลยบอกให้คนขับรถขับกลับโรงแรมที่จองไว้แทน

โรงแรมนี้เป็นทรัพย์สินของตระกูลลู่ เมื่อรถจอดที่ลานจอดรถลิฟต์จะตรงไปยังห้องชุดชั้นบนสุดเพื่อให้มั่นใจถึงความเป็นส่วนตัวสูงสุด

เมื่อผลักประตูขึ้นไป ฉินซีพบเครื่องดื่มค็อกเทลสองแก้วบนเคาน์เตอร์บาร์ในห้อง

“ลองไอส์แลนด์ไอซ์ที” ลู่เซิ่นเดินเข้ามาโอบเธอจากด้านหลัง พูดเบาๆ ว่า “เรายังดื่มกันไม่เสร็จเลยเมื่อตะกี้ ดื่มสิ่งนี้แทนก็แล้วกัน”

ฉินซียิ้มจาง พลางหันไปมองเขา “ถ้าฉันเมาแอ๋ขึ้นมาจะทำยังไง?”

ลู่เซิ่นจูบลงไปที่ปลายจมูกของเธอ “ถ้างั้นคืนนี้ก็พักผ่อนให้สบายเถอะ ให้โอกาสผมได้ดูแลคุณ เรื่องอื่นค่อยว่ากันพรุ่งนี้”

ฉินซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ใจดีจังเลยนะคะ”

ลู่เซิ่นกระชับอ้อมแขนของเขาที่โอบเธอให้แน่นขึ้น ก่อนก้มลงไปกระซิบ “ดังนั้นคุณจะให้โอกาสผมได้ดูแลคุณ หรือ… ให้เรื่องที่ควรจะเกิดขึ้นวันพรุ่งนี้ทำให้เสร็จภายในวันนี้เลยล่ะ?”

ฉินซีกระพริบตาด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ “ฉันต้องการให้คุณดูแลฉัน แต่ … เหล้าแก้วนี้ไม่ได้ให้โอกาสฉันนี่”

ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปหยิบเครื่องดื่มขึ้นมาจิบ ก่อนก้มลงไปประกบปากฉินซี เพื่อส่งต่อแอลกอฮอล์ลงสู่ลำคอของเธอ

ฉินซีเงยหน้าขึ้น รู้สึกถึงรสหวานเล็กน้อยในปาก

ลองไอส์แลนด์ไอซ์ที ของที่นี่ได้รับการปรับปรุงเป็นอย่างดี ไม่มีรสของแอลกอฮอล์เลยแม้แต่น้อย ทว่าทันใดฉินซีก็รู้สึกได้ถึงความเข้มข้นของมัน

ทำไม ร่างกายมันถึงได้เบาขนาดนี้นะ คล้ายกับจะเมาเข้าแล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท