Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1338

ตอนที่ 1338

บทที่ 1338 ฉันพึ่งพาตัวเองได้

“ฉินซี?” เสียงของเขาก้อง เหมือนอยู่ในห้องประชุม “คุณยังอยู่ที่บาร์ใช่ไหม?”

ฉินซีพยักหน้า “อืม ฉันยังไม่กลับ”

จู่ๆ ลู่เซิ่นก็วางสาย และโทรแบบวิดีโอแทน

ฉินซียังไม่ทันจะได้พูดอะไร ลู่เซิ่นก็ถามเธออย่างรวดเร็ว “นี่คุณดื่ม?”

ก่อนที่ฉินซีจะเอ่ยปากตอบ เสียงขี้เกียจของโจวเอ้อก็ดังมาจากด้านหลัง “มาที่นี่ยังไงก็ต้องดื่ม”

ลู่เซิ่นเมินโจวเอ้อ เขาเพียงแค่จ้องไปยังเธอ “คุณดื่มไปมากแค่ไหน?”

ฉินซีหยิบแก้วขึ้นมา แล้วเขย่าไปที่กล้อง: “หมดนี่”

โจวเอ้อขัดจังหวะอีกครั้ง “เพิ่งดื่มกันเสร็จ นายไม่ต้องกังวล ฉันจะไปส่งเธอเอง”

ในที่สุดลู่เซิ่นก็ตอบเขา “พูดหมดหรือยัง”

โจวเอ้อพยักหน้า “ครับ ครับ”

“ถึงบ้านแล้ว โทรหาผมนะ”

เมื่อฉินซีตอบรับ เขาจึงวางสายไป

โจวเอ้อมองฉินซีด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ลู่เซิ่นคงรักคุณมากจริงๆ”

น้ำเสียงของเขาดูขี้เล่น แต่ดวงตาของเขากลับมีความอิจฉาแฝงอยู่

ฉินซีรู้สึกสังหรณ์ใจว่าโจวเอ้อ คงมีความหลังเหมือนกัน ตอนนี้ เธอกับเจ้าโจวเอ้อก็ไม่ได้สนิทกันพอที่จะ แลกเปลี่ยนเรื่องราวส่วนตัวให้ฟังกัน… ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังมีเรื่องอีกมากที่ต้องกลับไปถามลู่เซิ่น

ดังนั้นฉินซีจึงระงับความอยากรู้อยากเห็นในใจเอาไว้ ก่อนลุกขึ้นยืน “ฉันไปก่อนนะคะ”

โจวเอ้อโบกมือลาเธออย่างเกียจคร้าน “คนที่มาส่งคุณ เขารออยู่ตรงหน้าประตูแล้วครับ”

ฉินซีพยักหน้า “ขอบคุณเถ้าแก่โจวที่ให้การต้อนรับค่ะ”

โจวเอ้อเหล่ตามายังเธอ ก่อนยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจครับ คุณให้คำแนะนำผมตั้งแยะ ครั้งหน้าถ้ามีเครื่องดื่มอะไรใหม่ๆ คุณจะมาไหม?”

ฉินซียิ้มก่อนตอบ “แน่นอนค่ะ”

ทั้งสองล่ำลากันสักพัก โจวเอ้อไม่ได้ลุกขึ้นเพื่อไปส่งเธอ เป็นฉินซี่ผลักประตูออกไปเอง

คนขับรถมารออยู่ตรงหน้าประตูแล้วจริงๆ เธอพยักหน้าให้เขา ก่อนที่เขาจะพยักหน้าตอบรับและพาเธอกลับไปเงียบๆ

การจราจรบนถนนราบรื่นกว่าปกติ ไม่นานฉินซีก็พักประตูห้องเข้ามาภายในหอพักของเธอ

เธอแขวนเสื้อคลุม ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วโทรหาลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นรับสายทันที

“ถึงบ้านแล้วเหรอ?”สีหน้าของลู่เซิ่นดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย ราวกับว่าเขาเพิ่งเสร็จจากการประชุม

ฉินซีพยักหน้า “ใช่ เพิ่งมาถึงเลย”

“โจวเอ้อพูดอะไรกับคุณบ้าง”” ลู่เซิ่นไม่อ้อมค้อม เขาถามไปตรงๆ

ฉินซีลังเล แต่เธอก็เลือกที่จะพูดความจริง “เขาเล่าเรื่องระหว่างเวินจิ้งกับมู่วี่สิง และยังบอกด้วยว่าเร็วๆนี้มู่วี่สิงจะสร้างปัญหาให้ฉัน”

ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว “เขาไม่ได้โน้มน้าวให้คุณสร้างปัญหาให้ทั้งคู่?”

ฉินซีนิ่งไปนิด ก่อนจะพยักหน้า “ใช่”

ใบหน้าของลู่เซิ่นเครียดขึ้นเล็กน้อย “คุณรับปากไปเหรอ?”

ฉินซีเงียบ

แม้เธอจะไม่ได้ตอบไปตรงๆ แต่ … มันก็แอบใจเต้นเล็กน้อย

มู่วี่สิงกำลังรังแกตัวเอง และถ้าให้อดทนมันก็ไม่ใช่สไตล์ของเธอ

“อย่าใจร้อน” น้ำเสียงของลู่เซิ่นจริงจัง “ตระกูลมู่ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด”

ฉินซีนิ่งไปนิด ก่อนถาม “คุณรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรกับฉันใช่ไหม?”

ลู่เซิ่นเงียบ ก่อนจะพยักหน้า

ฉินซีขมวดคิ้ว “เขาต้องการให้ฉันออกไปจากเมืองหนาน นี่คุณไม่โกรธเลยเหรอ?”

ลู่เซิ่นมองไปยังฉินซี เขารู้ว่าคืนนี้เธอดื่มมา เลยมีความรู้สึกกระวนกระวาย จึงพูดด้วยน้ำเสียงปลอบโยน

“แน่นอนว่าผมอยู่เฉยๆไม่ได้แน่ แต่ผมรู้ ว่าข้างกายคุณยังมีผม องค์กรก็หนุนหลังคุณอยู่ ถึงตระกูลมู่จะมีอำนาจแค่ไหน แต่เขาก็ทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้หรอก ”

ฉินซีลดสายตาลงต่ำ “ลู่เซิ่น มู่วี่สิงนี่เป็นนักบุญจริงๆเลยนะ ภรรยาของเขาได้ชื่อว่าเป็นเมียของคุณ แต่เขายังจะทำเพื่อเวินจิ้งอยู่ได้อีก”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย

… น้ำเสียงของฉินซีดูแปลกไป

“แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงไร้ประโยชน์เหมือนเวินจิ้ง” ทันใดนั้นฉินซีก็ยิ้ม ก่อนเงยหน้าขึ้น “ถ้ามีใครรังแกฉัน ฉันไม่ต้องการให้คนอื่นมาต่อสู้เพื่อฉัน”

ในที่สุดลู่เซิ่นก็รู้ว่าเวินจิ้งคิดอะไรอยู่

แม้ว่าเธอจะบอกว่าเธอไม่สนใจ แต่ … เธอคงอิจฉา ที่มีคนสู้เพื่อเวินจิ้งอย่างไม่กลัวอันตรายได้ขนาดนี้

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ลู่เซิ่นก็ถอนหายใจเบาๆ “ฉินซี ถ้าหากคุณอยากจะทำอะไร ก็บอกผมล่วงหน้า”

น้ำเสียงของเขานุ่มนวลมาก ฉินซีรู้ทันทีเลยว่า เขากำลังประนีประนอม แต่ในใจเธอกลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด เธอทำเพียงแค่ตอบไปด้วยน้ำเสียงติดงัวเงีย “โอเค”

“พักผ่อนเถอะ ก่อนนอนคุณดื่มน้ำผึ้งด้วยล่ะ ตื่นมาจะได้ไม่ปวดหัว” ลู่เซิ่นพูดจบ เมื่อเห็นฉินซีพยักหน้าตอบรับ จึงวางสายไป

ถึงแม้เธอจะรู้สึกไม่เมา เหล้านี้มันไม่ได้แรงอะไรขนาดนั้น แต่หลังจากอาบน้ำเสร็จความง่วงก็ถาโถมเธอ จนผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

วันรุ่งขึ้นเมื่อฉินซีลืมตา และค่อยๆมีสติขึ้น เธอถึงพึ่งรู้ตัวว่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นลงไป

เวลายังมีอยู่ เธอไม่ได้รีบร้อนโทรหาลู่เซิ่น เพียงแค่ลุกขึ้นมานั่ง หยีตาคิดอะไรสักพัก

มันก็เป็นเรื่องจริงเช่นกันที่จะบอกว่าเมื่อคืนเธอมีอาการหุนหันพลันแล่น แต่เธอจะไม่พูดแน่ถ้าไม่มีฤทธิ์จากแอลกอฮอล์ที่ดื่มลงไป

แต่ถ้าหากพูดว่ามันรีบร้อนทั้งหมด ก็ไม่ใช่

เรื่องที่มู่วี่สิงดูแลปกป้องเวินจิ้งดีเกินไป เธอไม่ใช่ไม่อิจฉา แต่เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอ สุดท้ายเธอก็อุทานออกมาเบาๆ “รักแท้จริงเลยนะ”

แต่เรื่องที่จะมาหาเรื่องเธอ แล้วจะให้นั่งรอ ก็ไม่ใช่วิถีของเธอเหมือนกัน

แต่ ปมของเรื่องนี้จะแก้ยังไงดี

ฉินซีหลับตาลง นึกถึงสิ่งที่โจวเอ้อพูดเมื่อวาน

มู่วี่สิงกับเวินจิ้งต่างก็รักกันมาก แต่กลับหลบหน้าไม่พูดความจริงกัน คิดว่าจะมีความลำบากมารออยู่ตรงหน้า ที่จริงแล้วคือพวกเขาก็แค่ขาดคนเชื่อมเท่านั้น

ฉินซีลืมตา ยิ้มหยีออกมา

…… แต่เธอก็ยังคงลังเล ว่าจะช่วยดีหรือไม่

เกือบในเวลาเดียวกันโทรศัพท์มือถือของฉินซีก็ดังขึ้น

แน่นอนว่าไม่ใช่คนอื่นไกล ลู่เซิ่นนั้นเอง

“ตื่นแล้วเหรอ” พื้นหลังของลู่เซิ่นมืดมาก เขาอาจจะกำลังอยู่บนเครื่องบิน

ฉินซีพยักหน้า “เพิ่งตื่น”

เธอคิดว่าลู่เซิ่นจะหลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนาที่เธอพูดเมื่อคืน ไม่คาดคิดว่าเขาจะพูดตรงๆออกมา “อืม เป็นยังไงบ้าง คิดวิธีเอาคืนเขาได้หรือยัง?”

ฉินซีเบิกตากว้างเล็กน้อย ก่อนจะตอบออกไปในเวลาต่อมา “คือฉัน ฉันมีความคิดบางอย่าง”

ลู่เซิ่นแสดงความสนใจออกมา “พูดให้ผมฟังหน่อยสิ”

ฉินซีขบริมฝีปากของตัวเอง ลังเลอยู่สักพัก

เรื่องที่เธอต้องการช่วยเหลือเวินจิ้งกับมู่วี่สิง มันก็ใช่ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เวินจิ้งก็เป็นภรรยาของลู่เซิ่นอยู่ เขาจะยอมรับได้หรือไม่

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท