Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1335

ตอนที่ 1335

บทที่ 1335 มีความเป็นตัวแทนมากที่สุด

รถหยุดที่ประตูด้านหลังของบาร์ที่มากับลู่เซิ่นเมื่อครั้งที่แล้ว

คนขับจอดรถ ก่อนจะพาเธอขึ้นไปข้างบน

คราวนี้เธอไม่ได้เข้าไปในห้องส่วนตัวห้องไหน แต่เดินตรงไปตามทางเดิน ยังประตูด้านในสุด

คนขับรถเคาะประตู เมื่อได้ยินคำว่า “เข้ามา” เขาก็ผายมือให้ฉินซีเดินเข้าไปข้างใน

ฉินซีพยักหน้าขอบคุณ จากนั้นจึงเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป

โจวเอ้อลุกขึ้นยืนเมื่อเขาเห็นฉินซีเดินเข้ามา เขาส่งยิ้มมาทางเธอ ก่อนพูด “ยินดีต้อนรับครับ”

ฉินซีมองไปรอบห้องอย่างสำรวจ

ด้านหลังประตูไม่ใช่ที่นั่งครึ่งวงกลมเหมือนที่ฉินซีมาครั้งล่าสุด แต่เป็นเหมือนทั้งออฟฟิศและบาร์ผสานกัน

มีโต๊ะทำงานวางตั้งไว้อยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง บนนั้นมีคอมพิวเตอร์และกองเอกสาร เมื่อกี้ โจวเอ้อก็เพิ่งนั่งอยู่ตรงนั้น

แต่ตรงกันข้ามกับโต๊ะทำงาน เป็นเค้าเตอร์บาร์เรียงทอดยาวไป ขนาดเท่ากับเค้าเตอร์บาร์ที่ตั้งอยู่ชั้นล่าง บนนั้นมีอุปกรณ์สำหรับบาร์เทนเดอร์ พวกเครื่องแก้วต่างๆ ถูกเช็ดอย่างสะอาดสะอ้านแวววาว ราวกับเป็นของรักของหวงที่ถนอมไว้อย่างดี

หลังจากฉินซีมองไปรอบๆแล้ว เธอจึงหยุดสายตา ก่อนหันไปยิ้มให้เขา “ทำให้เถ้าแก่โจว ลำบากแล้วค่ะ”

โจวเอ้อหันไปยิ้มพลางโบกมือให้ฉินซี ก่อนพาเธอไปที่บาร์ “ผมเป็นเพื่อนกับลู่เซิ่นมานาน ถ้าพูดจาอะไรไร้สาระแบบนี้ จะทำให้เขาหัวเราะเยาะเอานะครับ”

ฉินซียิ้มจาง เธอพยักหน้า

ฉินซียืนอยู่หน้าเค้าเตอร์บาร์แต่โจวเอ้อเดินอ้อมไปทางด้านหลัง เขาถามเธออย่างเป็นกันเอง “คุณชอบรสยังไง เปรี้ยวหน่อยหรือหวานหน่อย”

เมื่อเห็นว่าเขาจะลงมือผสมเครื่องดื่มเอง เธอจึงตั้งใจที่จะสั่ง “หวานหน่อยแล้วกันค่ะ”

โจวเอ้อพยักหน้ายิ้ม “โอเคครับ”

เขาหยุดพูด หยิบเชคเกอร์ขึ้นมา และรินเหล้าพื้นฐานผสมลงไป

ฉินซีสงสัย ก่อนถามเขาขึ้นมา “คุณกำลังผสมอะไรให้ฉันหรอคะ?”

เธอไม่ได้พูดคำว่า “ค็อกเทลลองไอส์พระอาทิตย์ตก” ออกมา

แต่โจวเอ้อทำเพียงส่งยิ้มลึกลับมาให้เธอ “อีกสักครู่ คุณก็จะรู้แล้วละครับ”

ฉินซีไม่ได้ถามอะไรต่อ เธอแค่จ้องชายหนุ่มตรงหน้า

ลู่เซิ่นบอกว่าเขาหยุดจดจ่อกับการเป็นการบาร์เทนเดอร์หลังจากที่พี่ชายของเขาจากไป แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นความจริงสักเท่าไหร่ ท่าทางที่เขากำลังผสมเครื่องดื่มนั้นดูคล่องแคล่ว ไม่เหมือนคนที่ห่างหายไปจากวงการนี้

– ถ้าหากไม่อยากเป็นบาร์เทนเดอร์ แล้วทำไมมาเปิดบาร์ที่นี่ล่ะ

โจวเอ้อใส่น้ำแข็งลงไปในตอนสุดท้าย ก่อนจะดันไปให้ฉินซี “ลองชิมดูไหม?”

ฉินซีเอื้อมมือไปรับมาจิบเบา ๆ

มันเป็นรสหวานมาก แต่ก็ไม่หวานจนเกินไป เป็นแค่รสหวานเบาๆที่ผสมกับแอลกอฮอล์

“รสชาติดีเลยค่ะ” เธอพยักหน้าอย่างชื่นชม

โจวเอ้อยิ้ม “ลู่เซิ่นคงบอกคุณแล้ว ว่าผมคงไม่ศึกษาการเป็นบาร์เทนเดอร์อีกต่อไป”

ฉินซีลังเลอยู่ครู่ ก่อนพยักหน้า

“เหล้านี้ เป็นสิ่งที่ผมคิดขึ้นมาเอง” โจวเอ้อพูดขึ้น “ยังไม่ขายหรอก นอกจากคนในร้านแล้ว ก็มีแค่คุณที่ได้ลองชิม”

ฉินซีประหลาดใจ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่โจวเอ้อโทรมา เขาได้บอกเธอว่า มีเหล้าใหม่มาให้ชิม นึกว่ามันเป็นเพียงแค่ข้ออ้างเสียอีก

“รสชาติมันเป็นยังไงบ้าง ผมขอความเห็นหน่อยสิ” โจวเอ้อพูดพลางเลิกคิ้วและหันไปทางฉินซี

ฉินซีนิ่งไป ก่อนยิ้มและพูดกับเขา “ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับค็อกเทลหรอกค่ะ คงไม่กล้าให้ความเห็นอะไร”

โจวเอ้อหัวเราะออกมา “อย่าเลยครับ คุณคิดว่าคนที่มาดื่มที่นี่เขารู้เรื่องรสชาติงั้นเหรอ? ส่วนใหญ่คนที่มา ก็เหมือนกับคุณ ไม่เคยดื่มก่อน ทั้งยังไม่รู้รสชาติของมัน ความเห็นของคุณ เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นตัวแทน”

เมื่อเขาพูดออกมาเช่นนั้น ฉินซีก็คงไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป เธอนิ่งคิดไปสักพัก ก่อนที่จะตอบออกมา

โจวเอ้อดูจริงจังขึ้น ก้มศีรษะลงฟังความคิดเห็นของฉินซีอย่างตั้งอกตั้งใจ เขียนมันลงไปอย่างละเอียด

เธอมองไปยังศีรษะของโจวเอ้อที่ก้มลงมาเขียน เธอรู้สึกงุนงงอยู่พักหนึ่ง นี่เธอมาเพื่อที่นี่เพื่อชิมรสชาติเหล้าตัวใหม่ที่เค้าเพิ่งคิดได้แค่นั้นหรือ

รอจนกระทั่งโจวเอ้อเขียนเสร็จ ตอนที่เขาพูดมา ก็ทำให้เธอเข้าใจ

“มันยากนะที่จะเชิญคุณมาที่นี่ แน่นอนว่าต้องทำเรื่องสำคัญก่อนสิครับ จริงไหม” น้ำเสียงของโจวเอ้อติดตลก “ธุรกิจบาร์นี้ คือเรื่องที่สำคัญที่สุด”

ฉินซียิ้มจาง ภายในใจกลับคิดว่า ถ้าหากคนของตระกูลหนานกง รู้เข้าว่าโจวเอ้อพูดแบบนี้ ก็คงมีเคืองบ้าง

โจวเอ้อวางสมุดจดลง ก่อนหมุนตัวกลับไปข้างหลัง หยิบน้ำเปล่าออกมา ก่อนมานั่งข้างฉินซี “ตอนนี้ทำสิ่งสำคัญเสร็จแล้ว ผมจะมาพูดคำสำคัญต่อแล้วกัน”

ฉินซีพยักหน้า ในที่สุดเขาก็บอกจุดประสงค์จริงๆที่เชิญเธอมาที่นี่เสียที

เมื่อโจวเอ้อเงยหน้าขึ้นหลังจากจิบน้ำเสร็จ เขาก็หันมาถามเธอต่อ “คุณรู้จักเวินจิ้ง ภรรยาในนามของเขา มากแค่ไหน?”

ฉินซีไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะพูดถึงชื่อนี้ขึ้นมา เธอขมวดคิ้วก่อนจะตอบกลับไป “ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องของเธอมากนัก”

โจวเอ้อยิ้ม “องค์กรของคุณมีอำนาจมากนี่ ทำไมไม่ตั้งใจที่จะสืบล่ะครับ?”

ในใจของฉินซีตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าโจวเอ้อจะพูดถึงตัวตนของเธอออกมาอย่างนี้ แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนใจ เขารู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆแล้วลู่เซิ่นแต่งงานกับใคร ความสัมพันธ์เป็นอย่างไร และลู่เซิ่นก็ยังให้เขาหาตัวเธอ เรื่องที่รู้ถึงตัวตนของเธอ คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา

ท่าทางของเธอที่เปลี่ยนไป ทำให้โจวเอ้อโบกไม้โบกมือไปมา ก่อนที่จะอธิบาย “ผมต้องขอโทษคุณล่วงหน้า เมื่อก่อนลู่เซิ่นคิดว่าคุณอยู่ในเมืองหนาน เขาให้ผมสืบหาภูมิหลังของคุณ ผมให้ลูกน้องทำหน้าที่นี้ ไม่ว่าจะมีความเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของคุณ ก็ต้องมารายงานผม แต่ตอนนั้นจริงๆแล้วคุณไม่ได้อยู่ในเมืองหนาน ทำให้ไม่ได้รับข่าวคราวเกี่ยวกับคุณจริงๆ นอกจากเรื่องการแต่งงานของคุณที่ได้รู้จากลู่เซิ่น ผมก็ไม่ได้จับตาดูอะไรเรื่องของพวกคุณอีกเลย ผมค่อยๆลืมเรื่องที่กำชับลูกน้องให้หาคุณ จนกระทั่งไม่กี่วันก่อนที่ผมจะเข้ามาในประเทศ ลูกน้องของผมก็ได้นำข้อมูลของคุณทั้งหมดมาให้ผม ผมจึงนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นได้”

ฉินซีประหลาดใจเล็กน้อย “… ข้อมูลทั้งหมดของฉัน?”

โจวเอ้อยิ้ม “ก็ไม่ทั้งหมดหรอกครับ แต่เรื่องที่สำคัญก็รู้หมด เช่น ทำไมคุณถึงมาเมืองหนาน มาทำไม ถึงแม้ความสามารถของผมจะไม่มาก แต่เรื่องในเมืองหนาน ก็ไม่มีเรื่องไหนที่ผมจะไม่รู้”

เขายิ้มอย่างสุภาพ แต่ฉินซีรู้ดี ว่าเขายังไม่ได้พูดครึ่งประโยคหลัง

แม้เขาจะไม่รู้อะไรเลยภายนอกเมืองหนาน แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นภายใน เมืองหนาน ที่จะสามารถหลบหนีไปจากสายตาของเขาได้

ในเมื่อเขารู้หมดแล้ว และลู่เซิ่นก็ได้บอกว่าโจวเอ้อไว้ใจได้ ฉินซีจึงไม่คิดที่จะหลีกเลี่ยง เธอไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกไป แค่เออออไปกับเขา “สืบมาแล้ว แต่ยังไม่มีข้อมูลมากนัก และไม่มีอะไรที่ฉันอยากรู้”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท