Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1326

ตอนที่ 1326

บทที่ 1326 นัดเดท

หลังจากคนของบริษัทลู่ซื่อกลับไปแล้ว พนักงานของสาขาเมืองหนานก็สังเกตเห็นข้อสงสัยอย่างหนึ่ง

“ประธานฉินล่ะ”

สำหรับคนพวกนี้ องค์กรเป็นเพียงบริษัทธรรมดา เมื่อก่อนเรียก เหล่าหวางว่าประธานหวางจนเคยชิน เพิ่งเปลี่ยนเป็นฉินซีมาทำงานแทน แม้เธออายุจะน้อยกว่า แต่จะให้เปลี่ยนคำเรียกขานในชั่วเวลาอันสั้นก็ยาก ฉินซีจึงปล่อยพวกเขาเรียกอย่างนี้

แม้ว่าเวลาเข้างานของฉินซีจะอิสระ ถ้ามีงานต้องทำอาจไม่ออกมา แต่หลายวันนี้ฉินซีออกมาตรงเวลา พวกเขาจึงไม่เคยชินที่ฉินซีหายตัวไปในเวลานี้

ขณะที่กำลังคุยกัน มีคนมองไปรอบๆ หลายคนก็พบว่าฉินซีกำลังลงมาจากชั้นบน

“ประธานฉิน…” ฉินซีเดินเข้ามาหาพวกเขา หลายคนพยักหน้าแสดงความเคารพ แต่พนักงานหญิงหลายคนที่อยู่ใกล้ๆ สังเกตเห็น——วันนี้ฉินซีแต่งหน้าแล้ว

ถ้าเป็นใบหน้าของคนอื่น การแต่งหน้าอย่างนี้ไม่ถือว่าแต่งหน้าหนา

ปกติแล้วฉินซีแต่งหน้าบางๆ แต่เธอรองพื้นดีมาก การแต่งหน้าปกติแทบไม่เห็นร่องรอยเครื่องสำอาง วันนี้ดูออกว่าเธอแต่งหน้า สำหรับฉินซีแล้ว ถือว่าแต่งหน้าค่อนข้างหนาแล้ว

หน้าตาของฉินซีเดิมก็มีเสน่ห์ดึงดูดอยู่แล้ว เมื่อแต่งหน้าอย่างนี้ ยิ่งดูงามมาก งามเหมือนดอกไม้แย้มบาน ดอกไม้ที่สวยแต่เคลือบพิษ

ลองคิดดู เมื่อครู่ประธานของบริษัทลู่ซื่อขึ้นไปชั้นบน ทำไมวันนี้ฉินซีอยู่ๆ ถึงแต่งหน้าก็ไม่ยากที่จะเข้าใจ

“ประธานฉินวันนี้สวยจังค่ะ!” พนักงานที่ปากไวหลายคนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

ฉินซียิ้มบางๆ ให้พวกเธอ ไม่ได้พูดอะไร

พวกพนักงานคิดไม่ผิด ฉินซีแต่งหน้าเพราะลู่เซิ่นจริงๆ แต่ไม่ใช่สาเหตุอย่างที่พวกเขาคิด

แต่เป็นเพราะว่า… ลู่เซิ่นทิ้งรอยจูบไว้ที่ลำคอของเธอ

หลังจากลู่เซิ่นกลับไปแล้ว ฉินซีลุกไปอาบน้ำ ถึงได้เห็นรอยนั้น

รอยจูบใหม่มาก และตำแหน่งก็ชัดเจนมาก ใช้ปกคอเสื้อก็ไม่แน่ว่าจะบังได้มิด ถ้าถูกคนเห็น ซักถามขึ้นมาล่ะก็ ยากที่จะไม่เชื่อมโยงกับเรื่องที่วันนี้ลู่เซิ่นอยู่ที่นี่ตั้งนานสองนาน

ฉินซีก็เลยจำเป็น หาครีมปิดบังริ้วรอยมาใช้ ปกปิดร่องรอยอย่างละเอียด

จะแต่งแค่ที่เดียวก็ชัดเจนเกินไป เธอจึงต้องแต่งหน้าเต็มที่ก่อนลงมาข้างล่าง

ดีที่หลายวันมานี้ สมาชิกองค์กรหลายคนรวมทั้งเหล่าหวางมีงานที่ต้องทำให้เสร็จ ยังไม่กลับมาสาขาช่วงนี้

ไม่อย่างนั้นฉินซีก็ไม่กล้ารับประกัน การเสแสร้งของตัวเองเพียงเท่านี้จะตบตาคนที่สายตาแหลมคมพวกนั้นได้ไหม

หลังจากหลอกพนักงานพวกนี้แล้ว ฉินซีก็จัดการงานในห้องทำงานทั้งวัน ประสิทธิภาพไม่มากนัก กระทั่งรีบร้อนด้วยซ้ำไป

…เพราะตอนเช้าก่อนที่ลู่เซิ่นจะกลับไป

“ฉินซี คุณจะไปเดทกับผมคืนนี้ได้มั้ย” ลู่เซิ่นมือกำลังผูกเน็คไท แต่สายตาจ้องมองฉินซีที่ยังนอนบนเตียง

แน่นอนว่าฉินซีไม่อาจปฏิเสธได้ เพียงแต่กังวลใจเท่านั้น “พวกเราทำอย่างนี้ต่อไป…”

“ไม่ถูกจับได้หรอก” ลู่เซิ่นเข้าใจความกังวลของเธอ พูดแทรกขึ้นก่อน

ฉินซีไม่พูดอะไร เพียงแต่มองเขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

ลู่เซิ่นเดินไปหน้าเตียงของเธอ “ตอนเย็นหกโมงครึ่ง ผมมารับคุณนะครับ”

ความรักลึกซึ้งที่ฉายในดวงตาของเขาไม่จืดจาง ฉินซีเหมือนถูกสะกด ลืมความกังวลว่าจ้านเซินจะรู้เรื่องตัวเองกับลู่เซิ่น อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า

ในที่สุดใบหน้าของลู่เซิ่นก็มีรอยยิ้มออกมา เข้ามาใกล้จุมพิตหน้าผากของฉินซีแผ่วเบา แล้วขยับตัว ยืนขึ้น

“เย็นนี้หกโมงครึ่ง ผมรอคุณที่ข้างหน้าตึกนะครับ” เขาย้ำอีกรอบ เมื่อเห็นฉินซีพยักหน้า ก็ค่อยยิ้มออกมา

เวลาหกโมงครึ่ง ที่หน้าประตู

ในหัวของฉินซีในที่สุดก็มีประโยคหนึ่งดังขึ้น ในใจช่วยไม่ได้ที่จะผิดหวัง

…ทำไมเธอถึงได้หลงไปชั่วขณะ ตอบตกลงลู่เซิ่นนะ

ตอนนี้คนพวกนั้นไม่อยู่เมืองหนาน โอกาสที่พวกเธอสองคนจะถูกพวกนั้นจับได้ก็น้อยลงไปมาก แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ลู่เซิ่นจะขับรถมาจอดหน้าตึกอย่างเปิดเผยหรือเปล่า

แล้วยังไม่ต้องพูดถึงกล้องวงจรปิดรอบๆ ที่จะต้องจับภาพทั้งหมดได้แน่ แค่คิดถึงตอนหกโมงครึ่ง ยังมีพนักงานหลายคนยังไม่เลิกงาน ถ้าพวกเขาเจอเข้าล่ะก็ พวกเขาอาจจะไม่คิดมากก็จริง แต่แค่พูดไปนิดหน่อย กอสซิปนี้แพร่ไปภายใน ถ้าคนขององค์กรได้ยินเข้าล่ะก็…

ฉินซีส่ายศีรษะ จะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้

แต่เธอรู้ดี ถ้าเธอห้ามไม่ให้ลู่เซิ่นมาหา เขาต้องไม่เห็นด้วยแน่

ฉินซีก็พอจะเข้าใจ ลู่เซิ่นไม่พอใจสถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้ ถึงขั้นขุ่นเคืองใจ จึงไม่มีทางยอมทิ้งโอกาสที่จะยั่วโมโหจ้านเซิน

แม้ว่าจะเป็นการยั่วโมโหฝ่ายเดียวก็เถอะ แต่ให้เขาได้ระบายอารมณ์บ้าง ฉินซีไม่รู้จะห้ามอย่างไรดี

ในเมื่อ…ตอนนี้ที่พวกเธอสองคนกลายเป็นอย่างนี้ สาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากตัวเธอเอง

ถ้าเธอไม่ใช่คนขององค์กร…ก็คงจะไม่ต้องกลุ้มใจอย่างนี้

เมื่อคิดถึงตัวเองก็ย้อนคิดไปถึงปัญหาเดิม ฉินซีส่ายศีรษะ ทำตามอย่างที่คิดไว้ เปิดภาพกล้องวงจรปิดหน้าประตูสาขาอย่างกังวล ช่วยลู่เซิ่นหาจุดจอดรถที่ปลอดภัยหน่อย

……

เวลาที่ฉินซีรอคอยและทรมานมาทั้งวัน ในที่สุดก็ถึงหกโมงครึ่ง

คงจะเป็นสวรรค์ที่ทนดูต่อไปไม่ไหวยื่นมือช่วยเธอ วันนี้พนักงานแทบทุกคนเลิกงานหกโมงตรง ที่เหลือไม่กี่คนก็กลับก่อนหกโมงครึ่ง

ฉินซีเดินออกมานอกห้องทำงานของตัวเอง เห็นห้องโถงว่างเปล่า ในใจค่อยรู้สึกปลอดภัยหน่อย

เธอส่งตำแหน่งที่คาดว่าจะบังใบหน้าของลู่เซิ่นได้มากที่สุดให้เขาแล้ว ลู่เซิ่นน่าจะรู้…ควรจะจอดรถที่ไหน

เธอสูดหายใจลึก แล้วเดินออกมานอกตึก

แม้ว่าในใจจะกังวล แต่เธอเองก็ต้องยอมรับ เวลานี้ ในใจของเธอเต็มไปด้วยความยินดี จนแทบจะเบียดความกังวลเมื่อเช้าไปเสียหมด

นี่…ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เธอกับลู่เซิ่น “นัดเดท” อย่างเป็นทางการ

พอถึงหกโมงเย็นฉินซีขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และยังแต่งหน้าใหม่อย่างจริงจัง

ชุดผ้าไหมสายเดี่ยวกระโปรงยาว การตัดเย็บประณีต ขับเน้นรูปร่างได้สัดส่วนของเธอ สวมทับด้วยเสื้อตัวนอก ปิดช่วงไหล่และหลังที่เปิดเผยมากไปหน่อย เพิ่มความเซ็กซี่ที่ไม่เปิดเผยจนเกินไป การแต่งหน้าส่วนใหญ่ของเธอยังคงไม่หนามาก เพียงแต่ทาลิปสติกสีแดงที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยๆ ทำให้ออร่าทั้งตัวสวยเหมือนภาพวาด

รถของลู่เซิ่นจอดที่จุดที่เธอบอกเรียบร้อยแล้ว

ฉินซียิ้มบางๆ เดินเข้าไปหา

ลู่เซิ่นเมื่อเห็นเธอเดินมาหา ก็ลงจากรถ ยืนที่ข้างประตูรถรอเธอเดินมา

เขาเงยหน้ามองฉินซี ดูเหมือนโลกทั้งใบขาดสีสัน มีเพียงแต่กระโปรงพลิ้วไหวเบื้องหน้า

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท