Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1324

ตอนที่ 1324

บทที่ 1324 มีคนมาหาถึงห้อง

กลับจากร้านอาหาร ฉินซีก็เปิดคอมพิวเตอร์ทันที

สามีของเวินจิ้งไม่ใช่คนธรรมดาแน่ แต่ดูแล้วคุ้นเคยกับเมืองหนานมาก คงจะเป็นคนเมืองหนาน

ดังนั้น…ค้นหาคนมีชื่อเสียงในเมืองหนาน คงจะหาชื่อเขาเจอแน่

เป็นไปตามคาด ฉินซีใช้เวลาไม่นาน ไม่นานก็หาหน้าคนที่ตัวเองพบคืนนี้ในคลังข้อมูล

“มู่วี่สิง…” ฉินซีอ่านชื่อเขาเบาๆ

ต้องโทษที่ฉินซีไม่ใช่คนเมืองหนาน ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องกลับมาหาข้อมูล เพียงแค่เห็นแวบเดียว ก็รู้ว่าเขาคือมู่วี่สิง

ฉินซีกวาดตาอ่านประวัติของมู่วี่สิงอย่างรวดเร็ว

ตระกูลมู่เมืองหนาน อำนาจคับฟ้า ไม่เป็นรองบริษัทลู่ซื่อที่เคยมีอำนาจที่นี่

ฉินซีมีข้อสงสัยใหม่ขึ้นมาอีก

เธอเคยคิดว่า แบ็คกราวด์ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา แต่ก็คงไม่มีหนทางต่อสู้กับลู่เซิ่น ทั้งๆ ที่ยังมีรักเวินจิ้ง แต่ก็ไม่เลือกดึงเธอกลับไป

ถ้าเขาเป็นคนของตระกูลมู่…สาเหตุนี้คงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ

งั้นเป็นเพราะอะไรกันแน่นะ

ฉินซีหาคำตอบไม่ได้ ได้แต่ปิดข้อมูลของมู่วี่สิง ครุ่นคิดพักหนึ่ง ทำเครื่องหมายติดตามระยะยาวที่ข้างหลังชื่อของเวินจิ้ง แล้วปิดคอมพิวเตอร์

……

เวลาที่เมืองหนานผ่านไปราวกับติดปีก

ฉินซีเพิ่งมาเริ่มงาน แม้ว่าจะได้ความช่วยเหลือจากเหล่าหวาง แต่เรื่องที่ต้องรับหน้าที่จริงๆ ยังต้องทุ่มเทมาก มักจะยุ่งตลอด เวลาวันหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากลู่เซิ่นออกจากเมืองหนาน ก็คงจะมีงานยุ่งเช่นกัน เพียงพริบตาก็ผ่านไปหลายสัปดาห์ แต่เขายังไม่กลับมา ทั้งสองคนได้แต่อาศัยการติดต่อวิดีโอคอลทุกวันเช้าเย็น

เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้หลายเดือนได้เจอกันครั้งหนึ่ง ปกติแล้วติดต่อกันไม่ได้ ก็ถือว่าดีมากแล้ว แต่…คนเรามักไม่เคยพอใจอะไรง่ายๆ

ใครกันล่ะจะไม่อยากอยู่ข้างๆ คนรัก

ทุกครั้งหลังคุยกัน ฉินซียิ่งรู้สึกแน่ใจมากขึ้นทุกทีว่าเธออยากจะไปจากองค์กร

เธอรู้ดี ลู่เซิ่นไม่กลับมาเสียที เพราะเขามีความคิดอย่างเดียวกัน

ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเคยได้ยินว่าตลอดหนึ่งปีมานี้ลู่เซิ่นทำงานหนักสายตัวแทบขาดมากแค่ไหน แต่เมื่อเธอเจอเข้ากับตัว ฉินซีถึงได้เข้าใจถ่องแท้กับคำว่า “ทำงานหนักสายตัวแทบขาด”

หลังจากลู่เซิ่นออกจากเมืองหนาน อยู่ที่ประเทศF ไม่กี่วัน จัดการเรื่องเร่งด่วน ก็ไม่หยุดพักรีบเดินทางต่อทันที

คุยวิดีโอคอลทุกวันเช้าเย็น ฉินซีเห็นด้านหลังลู่เซิ่นไม่เคยซ้ำกัน บางทีก็อยู่บนเครื่องบิน บางทีก็อยู่ในโรงแรมต่างประเทศ เวลาก็ไม่เคยเหมือนเดิม ตอนเช้าฝั่งฉินซี แต่กับลู่เซิ่น อาจจะเป็นช่วงเที่ยงวัน หรืออาจจะเป็นเที่ยงคืน

ฉินซีสงสารก็สงสาร แต่ฟังข่าวจากหลินหยังแล้วช่วงนี้ลู่เซิ่นกินนอนเป็นเวลา รู้ว่าเขาเชื่อฟังคำพูดของเธอ ก็ค่อยเบาใจหน่อย

ทำงานยุ่งไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ สามสัปดาห์ผ่านไป

ฉินซีตื่นนอนตอนเช้า โทรหาลู่เซิ่นตามความเคยชิน

ปิดเครื่อง

ฉินซีแปลกใจนิดหน่อย

สามสัปดาห์มานี้ เธอไม่เคยติดต่อลู่เซิ่นไม่ได้ ต่อให้เวลาของเขาทางนั้นกับเธอต่างกันค่อนคืน เขาก็เปิดมือถือตลอด ไม่ให้ฉินซีติดต่อไม่ได้

…ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นนะ

ฉินซีสงสัย ครุ่นคิด แล้วโทรไปหาหลินหยัง

มือถือของหลินหยังไม่ได้ปิดเครื่อง แต่ฉินซีรอหนึ่งนาที ก็ไม่มีคนรับสายสักที

ฉินซีในใจเริ่มกังวล

เกิดอะไรขึ้นกันแน่

ถ้าแค่มือถือของลู่เซิ่นปิดเครื่อง เธอยังใช้ข้ออ้างทำนอง ”ลู่เซิ่น แบตหมดหรือเปล่า” ปลอบใจตัวเอง แต่มือถือของหลินหยัง…ติดต่อได้ตลอดเวลา เว้นแต่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่จะไม่มีคนรับ

จะ…เกิดอะไรขึ้นนะ

ฉินซีในเสี้ยววินาทีนั้น หัวสมองมีแต่เรื่องน่ากลัวมากมายแล่นเข้ามา เครื่องบินตก สึนามิ อุบัติเหตุ ถูกไล่ฆ่า….

เรื่องร้ายเท่าที่เธอจะคิดได้พรั่งพรูเข้ามาในสมอง ทำเอาเธอนั่งไม่ติด

ฉินซียิ่งคิดยิ่งกลัว อยู่เฉยต่อไปไม่ได้ ลุกขึ้นจากเตียง ในหัวคิดแผนอย่างรวดเร็ว

ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิด…เธอต้องหาข่าวเจอ ถ้ามีคนหาเรื่องเขา…จะเป็นใครกัน

เธอคิดไปพลาง เดินไปที่คอมพิวเตอร์ ยังไม่ทันเดินไปถึงโต๊ะเครื่องเขียน ประตูห้องก็มีเสียงเคาะดังขึ้น

ฉินซีชะงักเท้า

ตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ ประตูบานนี้ไม่เคยมีคนเคาะมาก่อน

พนักงานที่ทำงานชั้นสามลงไปไม่มีทางขึ้นมาหาเธอที่นี่ ส่วนเหล่าหวางระมัดระวังที่เธอเป็นผู้หญิง นอกจากครั้งแรกที่พาเธอมาดูห้องพัก หลังจากนั้นก็รอเธออยู่ข้างล่างเท่านั้น

นอกจาก เหล่าหวาง…ยังมีใครอีกนะ

ในใจฉินซีมีชื่อของสองสามคนแวบขึ้นมา เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม

เธอค่อยๆ เดินไปที่ประตู เข้าไปใกล้แล้วมองผ่านตาแมว ถึงกับอึ้งไป

คนที่อยู่ข้างนอกรอเสียงตอบรับไม่ไหว ยกมือขึ้นเคาะประตูอย่างมีมารยาท

ฉินซีเหมือนล่องลอยในความฝัน ยื่นมือไปเปิดประตู

ลู่เซิ่นที่ยืนอยู่ข้างนอกยิ้มกว้าง “อรุณสวัสดิ์ครับ”

ฉินซีสงสัยว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า ถึงกับแอบหยิกตัวเอง

เจ็บมาก นี่คือเรื่องจริง

ลู่เซิ่นเห็นเธอยืนเหม่อที่เดิมไม่ขยับ ก็ถามอีก “ไม่คิดจะเชิญผมเข้าไปหรือครับ”

ฉินซีเมื่อได้ยินเสียงเตือน ค่อยรีบเดินไปข้างๆ หลีกทางให้ เชื้อเชิญให้ลู่เซิ่นเข้ามา

ปิดประตู ฉินซีสูดลมหายใจลึก ค่อยนิ่งสงบขึ้น หันไปมองลู่เซิ่น สีหน้าสับสน “คุณ…มาที่นี่ได้ไงคะ”

ได้พบกับลู่เซิ่นย่อมดีใจ แต่เขาเสี่ยงมาหาเธอ และยังเดินอย่างสง่าผ่าเผยเข้ามาในสาขา อันตรายจริงๆ

การแสดงออกของลู่เซิ่นนิ่งกว่าฉินซีมาก “ทำไมล่ะ ไม่ดีใจหรือที่ผมมา”

ฉินซีส่ายหน้า ก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือไปจับแขนลู่เซิ่น “คุณมาได้ยังไงคะ เจอใครบ้าง”

ที่จริงเธออยากจะรู้ว่าลู่เซิ่นเจอเข้ากับคนขององค์กรจริงๆ ในสาขาหรือไม่ ฉินซีไม่เชื่อใจองค์กร และไม่เชื่อใจ จ้านเซิน ถ้าเกิดพวกเขาเฝ้าดูเธอ แล้วเจอเข้ากับลู่เซิ่นพอดี

ฉินซียิ่งร้อนใจ มองลู่เซิ่นไม่เดือดร้อน ก็ถึงกับไม่พอใจ

ลู่เซิ่นเห็นสายของเธอเป็นห่วงเขา ก็ยิ้มออกมาบางๆ โอบเอวเธอแน่น ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด “ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมมาที่นี่ เพราะมีธุระเป็นงานเป็นการ ไม่ทำให้คนอื่นตกใจหรอก”

ฉินซียังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

ลู่เซิ่นไม่หงุดหงิด พูดขึ้นไม่รีบร้อน “ผมมาเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจ”

คิ้วของฉินซียังขมวดนิดๆ ใบหน้าบ่งบอกว่าไม่เชื่อ

“หรือพูดอีกอย่าง บริษัทลู่ซื่อตอนนี้มีความร่วมมือ…กับองค์กรอย่างนั้นหรือคะ” ฉินซีถามย้ำ น้ำเสียงยังคงสงสัย

ลู่เซิ่นพยักหน้ายืนยัน “ใช่ครับ”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท