Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1342

ตอนที่ 1342

บทที่ 1342 การเผชิญหน้า

จ้านเซินชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้มากจริงๆ แทบจะทุ่มเทให้กับเนื้อเรื่องอย่างสุดใจ แม้แต่ฉินซีลุกขึ้นเดินออกจากห้องรับรองไปแล้วก็ไม่ได้สนใจ เพียงแค่โบกมือให้เธอ

ฉินซีออกมาจากห้องรับแขก ไม่ได้กลับไปที่ห้องตัวเองทันที แต่เดินไปที่ห้องครัวเล็กๆตรงปลายสุดของทางเดิน รินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว

เธอไม่ชอบภาพยนตร์แอคชั่นต่อสู้ เลยไม่มีความสนใจที่จะอยู่ที่ห้องรับแขกกับจ้านเซินให้เปลืองเวลา

แต่ดูท่าทางวันนี้ของจ้านเซิน คงไม่ออกจากที่นี่ไปง่ายๆแน่นอน

ฉินซีก้มหน้าจิบน้ำหนึ่งอึก หรี่ตาลงใคร่ครวญ

…..ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเขาคิดจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน

น้ำหนึ่งแก้วยังดื่มไม่หมด ทันใดนั้นเสียงของจ้านเซินก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง

“ฉินซี? ทำไมเธอมาหลบอยู่ที่นี่?”

ฉินซีเก็บความรู้สึกบนใบหน้าไว้ หันหน้าไปหาจ้านเซินแล้วยกแก้ว “มาดื่มน้ำ”

จ้านเซินพยักหน้า ไม่รู้ว่าดูออกหรือเปล่าว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของฉินซี เดินผ่านฉินซีไปรินน้ำให้ตัวเองด้วย เงยหน้าดื่มหมดแก้ว จู่ๆก็เปิดปากพูดอย่างมีความนัย “เธอหนีออกมากลางคันแบบนี้ ผมนึกว่าเธอไม่ชอบหนังเรื่องนี้ซะอีก”

ฉินซีเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร

“ฉินซี” ทันใดนั้นจ้านเซินก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เธอชอบ หรือว่าไม่ชอบ ก็บอกผมมาโดยตรง ผมเดาความชอบของคนอื่นไม่เก่ง แล้วก็ไม่ชอบแบบนี้ มันเสียเวลาด้วย”

เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงเรียกร้องความคิดเห็นของผู้อื่นของจ้านเซิน ยังคงอยู่เหนือกว่า ราวกับว่าถ้าฉินซีไม่ยินยอมที่จะเปิดเผยความชอบของตน ก็จะเกิดอาชญากรรมที่ชั่วร้ายบางอย่าง

สีหน้าของฉินซีมีความเย้ยหยันที่ให้เห็นไม่ได้แวบผ่าน

ที่เธอไม่ชอบที่สุดก็คือการอยู่ในองค์กรต่อไป แต่เธอจะพูดอะไรได้หรอ?

คนอย่างจ้านเซิน ไม่ใช่คาดเดาความชอบของคนอื่นไม่เก่ง แต่ก็แค่จะไม่อยากเสียเวลาอยู่ตรงนี้

เขาไม่เคยใช้ไปกับการสนใจว่าคนอื่นชอบหรือไม่ชอบอะไร เขาเพียงแค่จะทำสิ่งที่ตามที่ความชอบเองก็โอเคแล้ว

ดังนั้นเมื่อหันไปมองสายตาที่สาดส่องของจ้านเซิน ฉินซียังคงรักษารอยยิ้มจางๆไว้ ยกแก้วไปทางจ้านเซิน “ฉันก็แค่กระหายน้ำนิดหน่อย”

เธอไม่โง่ถึงขนาดจะเชื่อคำพูดแบบนี้ของจ้านเซิน

ชอบแล้วยังไง ไม่ชอบแล้วยังไง

ต่อหน้าคนที่ไม่เรียนรู้ที่จะเคารพคนอื่นอย่างจ้านเซิน ความชอบของฉินซีจะไปมีความสำคัญอะไร

เขาเสแสร้งทำเป็นพูด ถ้าฉินซีถูกทำให้หวั่นไหว ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะหัวเราะ

ฉินซีรู้จักเขาดียิ่งกว่าใคร

แม้ว่าวันนี้ฉินซีเปิดปากพูดว่าไม่ชอบหนังแอคชั่น เขาก็จะมีเหตุผลมากมายพูดโน้มน้าวฉินซี ให้กลับไปดู

เขาจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพราะความชอบของฉินซี และเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะคล้อยตามคนอื่น

แล้วทำไมจะต้องเปลืองลิ้นกับเรื่องแบบนี้

ถ้าเขาเคารพตัวเธอได้จริงๆ งั้นในตอนที่เธอเหนื่อยล้าทั้งกายใจ แทบจะหมดอาลัยตายอยาก เสนอความต้องการที่จะออกจากองค์กร ก็จะไม่ถูกเขาหลอกลวง กลายเป็นอย่างตอนนี้ แล้วในตอนที่ในที่สุดตัวเธอได้รับชีวิตใหม่ที่มีความสุข เขาก็จะไม่ใช้วิธีการแบบนั้นบังคับให้เธอกลับมา

สำหรับคำตอบของฉินซี จ้านเซินเพียงแค่มองเธออย่างลึกๆ ไม่ได้ไล่ถามต่อ หันตัวแล้วพูดว่า “งั้นดื่มน้ำเสร็จแล้ว กลับกันเถอะ”

ที่เขาใช้คือคำพูดเด็ดขาด ราวกับว่าฉินซีจะต้องกลับไปด้วยกันกับเขาอย่างแน่นอน

บนหน้าของฉินซีดูไม่ออกว่ามีอาการอย่างไร วางแก้วในมือลง พยักหน้าให้เขา “ไปเถอะ”

ใบหน้าของจ้านเซินเผยรอยยิ้มเล็กน้อย แต่รออยู่ข้างหลังฉินซีอย่างดื้อรั้น รอเธอก้าวเท้าแล้ว ตัวเองถึงเดิน

ทั้งสองคนกลับมาถึงห้องรับแขกตามๆกัน

เพื่อผลที่ได้รับของการฉายโปรเจคเตอร์ ม่านบังแดดรอบด้านล้วนถูกดึงลงมา ฉินซีเดินเข้ามาจากข้างนอก ปรับตัวกับความมืดไม่ได้อยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้ระวัง เดินเหยียบสิ่งของตรงหน้าประตู สะดุดพุ่งไปข้างหน้า

พื้นห้องรับรองปูพรมไว้ แม้ว่าจะล้มลงไปก็จะไม่เกิดปัญหาใหญ่อะไรขึ้น ดังนั้นฉินซีจึงไม่มีอาการอะไรเกิดขึ้น แม้แต่เสียงร้องตกใจออกมา แต่จ้านเซินที่ตามมาด้านหลังเธอ จับเธอไว้อย่างตาไวมือเร็ว

ฝ่ามือของจ้านเซินใหญ่มาก แรงก็เยอะมาก ทันทีที่จับไหล่ของฉินซีไว้ ก็หยุดความเป็นไปได้ที่เธอจะล้มลงไปต่อ

“เป็นอะไรไหม?” เห็นฉินซีลุกขึ้นยืนอีกครั้ง มือของเขาก็คลายจากไหล่ แต่ไม่ได้เก็บกลับไป แต่เลื่อนลงไปที่มือของฉินซี นำไปสู่การจับมือของฉินซี

ฉินซีกลับเหมือนถูกไฟดูด เก็บมือของตัวเอง แล้วก้าวถอยหลังทันที

การปฏิเสธโดยไม่รู้ตัวแบบนี้ของเธอนั้นซื่อตรงยิ่งกว่าคำพูดใดๆ สีหน้าของจ้านเซินจมดิ่งลงทันที ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เข้าใกล้ด้านหน้าของฉินซีอีกครั้ง

ร่างของเขาสูงมาก ยืนอยู่ตรงหน้าฉินซีแทบจะเหมือนกำแพง มองลงไปที่ฉินซีจากความสูงด้วยร่างสูง สายตามีความเย็นชาไม่สะทกสะท้าน “เธอกำลังหลบผม”

ที่เขาใช้คือประโยคบอกเล่า ไม่ได้มีความหมายของการถามฉินซี เพียงแค่ใส่ความจริงที่ทำให้คนเย็นชาไปตรงหน้าฉินซี

ดูเหมือนกำลังตั้งคำถาม แล้วยังดูเหมือนเป็นสัญญาณของความโกรธ

ฉินซีรู้สึกกลัวโดยไม่รู้ตัวเมื่อเขาเข้ามาใกล้ แต่ความมีเหตุมีผลยับยั้งการเคลื่อนที่ของเธอที่จะก้าวถอยไปอีก เธอไม่ได้ขยับ และไม่ได้เงยหน้า น้ำเสียงฟังดูสงบนิ่ง “ฉันแค่ไม่คุ้นเคยกับการอยู่ใกล้คนอื่นมากไป”

แต่ความสงบของเธอกลับดูเหมือนไปจุดประกายความโกรธของจ้านเซิน เขาเอื้อมมือออกไปทันที จับคางของฉินซี บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น “ไม่คุ้นเคยการอยู่ใกล้คนอื่น? ฉินซี เธออย่าบอกผม ว่าในหนึ่งปีที่เธออยู่กับลู่เซิ่น ไม่เคยทำอะไรกันเลย”

ฉินซีถูกบังคับให้เงยหน้าและมองไปที่จ้านเซิน แม้จะอยู่ในห้องรับแขกที่มืดสลัว ความโกรธในแววตาของจ้านเซินก็เห็นได้อย่างชัดเจน

ฉินซีรู้ว่าคำพูดของจ้านเซินมันหมายถึงอะไร

สำหรับเรื่องอดีตของตนกับลู่เซิ่น เขาก็เป็นเหมือนเด็กน้อยที่พบว่า ของเล่นสุดรักของตนถูกคนอื่นเอาไปเล่น เป็นความไม่พอใจอย่างหนึ่ง

แน่นอนว่าจ้านเซินรู้ดีกว่าใครว่า ในหนึ่งปีที่ฉินซีอยู่กับลู่เซิ่นเคยทำมาทุกอย่างทั้งทำได้และทำไม่ได้ ถ้าเขาพูดไปแบบนี้ ก็มีแต่จะทำให้ตัวเองอารมณ์เสีย

แต่….นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเอ่ยชื่อของลู่เซิ่น หลังจากนานมาแล้ว

ฉินซีใช้นิ้วบีบฝ่ามือของตน บังคับให้ตัวเองใจเย็นลง อย่าปล่อยให้จ้านเซินพบข้อบกพร่องในการแสดงออกใดๆจากหน้า

ในตอนที่เปิดปากพูดอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงใจเย็น “ไม่ว่าฉันจะทำอะไรตอนอยู่กับลู่เซิ่น ทั้งหมดเป็นธุรกิจ ในตอนนั้นฉันไม่มีทางเลือก ได้แต่พึ่งพาลู่เซิ่น”

ในน้ำเสียงของเธอไม่มีความกล่าวโทษ แต่จ้านเซินกลับรู้สึกตัวหดลงอย่างไม่มีเหตุผล

ไม่ว่าจะเป็นฉินซีในตอนไหน อันที่จริงก็อยู่ภายใต้การสังเกตการณ์อย่างลับๆของเขา

ดังนั้นในตอนที่ฉินซีชีวิตยากลำบาก พบเจอความเจ็บปวด เขารู้ดียิ่งกว่าใคร

แต่เขากลับไม่ได้ยื่นมือช่วยเหลือ

นี่เพราะไม่ให้ฉินซีรู้ได้ว่าเธอยังไม่ได้ออกจากองค์กรไปอย่างสมบูรณ์ จ้านเซินพูดปลอบใจตัวเองแบบนี้

แต่ในใจเขารู้ดีว่า เขาไม่ได้ทำอะไรเลย แท้จริงคือกำลังรอ

รอให้ถึงตอนที่ฉินซีสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างสมบูรณ์ ค่อยช่วยเหลือฉินซี

ในตอนที่คนกำลังจมน้ำจะคว้าไม้ทุกชิ้น

ฉินซีที่เปราะบางในตอนนั้น ก็จะถูกเขาควบคุมได้ง่ายที่สุด

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท