Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1343

ตอนที่ 1343

บทที่ 1343 สารภาพ

แน่นอน จ้านเซินไม่ได้รอถึงตอนที่ตนคว้าฉินซีไว้ ลู่เซิ่นก็ปรากฏตัวขึ้น

เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามอย่างเต็มที่ก็เพราะอยากให้ฉินซีปล่อยลู่เซิ่นไปอย่างสมบูรณ์ แต่ในตอนนี้เมื่อได้ฟังฉินซีใช้น้ำเสียงที่ไร้คลื่นพูดถึงความสัมพันธ์ของเธอกับลู่เซิ่น จิตใจของจ้านเซินก็จมดิ่งอย่างอธิบายไม่ได้

เขารู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่เหนือการควบคุมของเขา แต่ก็ไม่อาจพูดให้ชัดเจนได้

ดังนั้นคำพูดที่เดิมทีเขาไม่คิดจะพูดในตอนนี้ ภายใต้ความร้อนรน ก็หลุดโพล่งออกมา “ในเมื่อตอนนี้เธอไม่มีใคร ทำไมไม่พิจารณาฉัน?”

หลังจากพูดคำนี้ออกไป ทั่วทั้งห้องรับรองก็เงียบลง

ใบหน้าของฉินซีเผยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ

…..เมื่อกี้จ้านเซินพูดอะไร?

นี่ฉันฟังผิดหรือเปล่า?

สีหน้าของจ้านเซินก็ดูมีความสับสน ราวกับคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะพูดคำแบบนี้ออกมาในสถานการณ์แบบนี้

หลายวินาที ไม่มีใครขยับ และไม่มีใครพูดจา

จ้านเซินกลับมาใจเย็นลงได้เร็วกว่าเธอ หลังจากหลายวินาที ก้มหน้าลง มองไปที่สายตาของฉินซี แล้วพูดซ้ำอีกครั้ง “ฉินซี พิจารณาฉัน”

เขายังคงพูดด้วยน้ำเสียงครอบงำ แม้แต่ในเวลาแบบนี้ก็ใช้ประโยคบอกเล่า

หัวใจของฉินซีคลายลง

โชคดี จ้านเซินขั้นพื้นฐานแบบนี้ เธอคุ้นเคยดี

คุ้นเคย ถึงรู้ว่าควรจัดการยังไง

“จ้านเซิน” น้ำเสียงของฉินซียังคงสงบนิ่ง “นายควรจะรู้ดีกว่าฉัน ว่ากฎขององค์กรเป็นยังไง”

หวั่นไหวไม่ได้ รักไม่ได้ ทำสิ่งโดยใช้ความรู้สึกไม่ได้

มีแค่หุ่นยนต์เท่านั้น ถึงสามารถแสดงบทบาทได้ดีที่สุด ไม่ถูกอารมณ์ส่วนเกินขวางมือขวางเท้า

แต่จ้านเซินเหมือนกับพิจารณาถึงคำถามนี้มาแต่แรกแล้ว ยิ้มอย่างเฉยเมย “กฎขององค์กร มันขึ้นอยู่กับผม”

เขาพูดอย่างหนักแน่น ราวกับในองค์กร ไม่มีเหตุผลใดที่เจ้าชายจะฝ่าฝืนกฎแล้วทำความผิดอย่างพวกสามัญชน จ้านเซินคือผู้มีอำนาจสูงสุด

แต่ฉินซียังคงไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย มองไปที่ดวงตาของจ้านเซินแล้วพูดเน้นทุกคำ “แต่ฉันต้องเคารพกฎ”

จ้านเซินตัวแข็งทื่อ

แต่ฉินซีราวกับไม่ได้สังเกต พูดเองเออเองต่อ “หนึ่งปีนี้ที่ฉันออกมาจากองค์กร เคยใช้ชีวิตโดยไม่มีเรื่องขององค์กร กลับมาอีกครั้งถึงได้พบว่า ที่แท้กฎขององค์กรล้วนมีเหตุผล ฉันเคยหวั่นไหวให้กับคนอื่น เคยมีความรู้สึก ท้ายที่สุดทำร้ายไม่เพียงแค่ตัวฉันเอง ความรู้สึกน่ะ ไม่มีความหมายปรากฏอยู่ เพราะว่าสุดท้ายจะกลายเป็นแค่เครื่องมือที่คนอื่นใช้ทำร้ายตัวเอง”

เสียงของเธอสงบนิ่งมาก แม้คำพูดเหล่านี้จ้านเซินฟังแล้วก็ไม่ได้รู้สึกไม่คุ้นเคย เพราะเขารู้ คำพูดเหล่านี้เป็นเนื้อหาในชั้นเรียน ที่หลังจากฉินซีกลับมาที่องค์กรแล้ว เธอถูกเขาบังคับให้เข้าฟัง

เขาตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกชั่วขณะ

ทั้งหมดนี้เป็นแผนการของเขา

ปลอมแปลงหลักฐาน หลอกลวงฉินซี ทำให้ฉินซีคิดว่าลู่เซิ่นหักหลังเธออย่างสมบูรณ์ ทำให้เธอสูญเสียความไว้วางใจต่อลู่เซิ่น

ค่อยพาเธอกลับมาที่แผนกนี้ ภายใต้การล้างสมองทำให้เธอจำไว้ว่าความรู้สึกมันไร้ประโยชน์

ด้วยความพยายามแบบนี้ ฉินซีจะลืมลู่เซิ่น จะกลายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับองค์กรอีกครั้ง

ความคิดของจ้านเซินไม่เรียบง่ายไปกว่านี้ หลังจากฉินซีกลายเป็นแบบนี้แล้ว การเข้าหาของเขา ฉินซีจะไม่คัดค้าน

เพราะเขาคือเสาหลักขององค์กร

หากตั้งโปรแกรมให้หุ่นยนต์รักตน มีหรือหุ่นยนต์จะไม่เชื่อฟัง?

แต่ความรู้สึกของมนุษย์ไม่มีวันง่ายดายเช่นนั้น

จ้านเซินบรรลุเป้าหมายทั้งหมดแล้ว แต่เขากลับพบว่าเครื่องจักรไม่สามารถติดตั้งระบบ “ความรัก” ได้

ควรจะบอกเธอ ว่าลู่เซิ่นเป็นเพียงแค่ตัวอย่าง ความรู้สึกไม่ได้ทำร้ายตัวเองเสมอไปหรอ?

แต่แบบนี้ การฝึกฝนทั้งหมดขององค์กรจะไม่ศูนย์เปล่าหมดหรือ?

จ้านเซินอยากให้ฉินซีรักเขาเท่านั้น เหมือนกับตอนนั้นที่ฟางฟางรักแต่พ่อของเขา

แต่ฉินซีไม่ถูกควบคุมง่ายดายขนาดนั้น

ถ้าเธอรัก จะไม่หยุดแค่รักเขาคนเดียว ถ้าไม่รัก งั้นใครก็ไม่มีโอกาส

แต่จ้านเซินก็คิดวิธีการออกได้อย่างรวดเร็ว

—-ไม่รักก็ไม่เป็นไร ขอแค่เป็นของตนก็พอแล้ว

ให้เธออยู่เคียงข้างเขาไปตลอด แม้ว่าเธอจะเป็นมนุษย์ไม้ไร้ความรู้สึกแล้วยังไง

ดังนั้นเขาจึงยกมุมปากช้าๆ เผยรอยยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร เธอเคารพก็ได้ แล้วก็อยู่ข้างกายฉัน”

ในสายตาของฉินซีมีความลุกลี้ลุกลนอยู่หลายวินาที แต่ค่อยๆถูกแทนที่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ

ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจคำพูดของจ้านเซินแล้ว

“นาย….” ฉินซีราวกับอยากจะพูดอะไร แต่กลับเบี่ยงประเด็นกะทันหัน

“จ้านเซิน” น้ำเสียงของเธอจริงจังมาก “ท้ายที่สุดแล้วนายต้องการอะไรจากฉันกันแน่?”

จ้านเซินกลับเปิดปากพูดออกไปโดยไม่คิด “ฉันไม่ได้อยากได้อะไร ฉันแค่ต้องการเธอเท่านั้น”

เขาพูดออกมาอย่างซื่อตรงขนาดนี้ สีหน้าของฉินซีกลับยิ่งซีดขาว

นี่คือการพัฒนาที่เธอไม่ได้คาดการณ์ไว้

เดิมทีเธอนึกว่าตนพูดอย่างชัดเจนขนาดนี้แล้ว จ้านเซินน่าจะเข้าใจ เพราะเขาเป็นมูลเหตุ ถ้าฉินซีอยู่ในองค์กรต่อไป ก็จะรักใครไม่ได้อีก

แต่เธอกลับคาดเดาจ้านเซินผิดไป

ที่แท้ที่เขาต้องการไม่ใช่ความรักของเธอ

เพียงแค่ให้เธออยู่ต่อไปเท่านั้น

จะศพเดินได้หรือหุ่นเชิด เขาก็ไม่สน

ขอเพียงของเล่นสุดรักชิ้นนี้ ไม่ตกไปอยู่ในมือของคนนอก

ชั่วขณะหนึ่งฉินซีรู้สึกเยาะเย้ย แต่ก็รู้สึกขำด้วย

เธอประเมินจ้านเซินสูงไป นึกว่าเขามีความรู้สึก

ที่แท้….ก็เป็นแบบนี้เอง

“จ้านเซิน” ฉินซีในตอนนี้ไม่หลบไม่ซ่อนแล้ว มองไปที่ดวงตาของจ้านเซินแล้วพูด “นายอยากได้หุ่นเชิด จะไปมีประโยชน์อะไร ฉันจะไม่หวั่นไหวกับนาย จะขัดขืนการเข้าใกล้ของนายไปตลอด นี่คือสิ่งที่นายทนรับได้หรอ?”

สีหน้าของจ้านเซินปล่อยลงช้าตามคำพูดฉินซี

“ทำไมเธอ….ถึงจะต้องขัดขืนการเข้าใกล้ของฉัน?” จ้านเซินเลิกคิ้ว

ฉินซีพูดด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “ไม่ว่าใครเข้ามาใกล้ฉันในตอนนี้ สำหรับฉันก็เหมือนกันทั้งนั้น เป็นคนที่ฉันไม่ชอบ จะขัดขืน”

เธอไม่ได้เน้นย้ำ เพียงแค่พูด “คนที่ฉันไม่ชอบ” ห้าคำนี้ออกมาเบาๆ แต่จ้านเซินกลับสัมผัสถึงได้อย่างเฉียบแหลม

เขาขมวดคิ้วแน่นขึ้นเล็กน้อย

…..ทั้งๆที่ตัดสินใจไปแล้วว่าขอแค่ตัวของฉินซีมาอยู่ข้างกายก็พอ ทำไมพอได้ยินเธอพูดว่าไม่ชอบ ตนถึงยังคงรู้สึกอึดอัด?

ความสงสัยนี้หยุดอยู่ในสมองของจ้านเซินหลายวินาที แต่ก็ถูกเขาลบออกไปแล้ว

“ฉันจะทำให้เธอปรับตัวเข้ากับฉัน” เขายังคงพูดถึงตัวเองอย่างมั่นใจ “ถึงแม้จะไม่ชอบ ก็ยังปรับตัวได้นี่? ขอแค่ยอมรับได้ ก็เพียงพอแล้ว”

ฉินซีหรี่ตาลง

…..ความหลงใหลที่จ้านเซินมีต่อตน หยั่งลึกยิ่งกว่าที่ตนจินตนาการไว้

แต่คำพูดของเขา ทำให้ตัวของฉินซีอึดอัด

“ฉันมีหนทางที่จะปฏิเสธไหม?” ฉินซีเอ่ยถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ

จ้านเซินไม่ได้ตอบต่อหน้า เพียงแค่ยิ้มให้ “เธอคิดว่าไงล่ะ?”

จิตใจของฉินซีจมดิ่งลงเล็กน้อย

ตอนนี้พูดทุกอย่างอย่างชัดเจน จิกทึ้งผิวหนังโดยไม่สนใจไยดี ก็ยัง…..

ฉินซีรู้สึกว่าตนเองยืนอยู่บนสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่สามารถเลือกได้ชั่วขณะ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท