Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1345

ตอนที่ 1345

บทที่ 1345 แผนการใหม่

หัวใจของฉินซีราวกับถูกกดลงไปในน้ำ จมดิ่งลึกลงไป

ในเวลานี้ จ้านเซินมาทำอะไร?

เขามีแผนการใหม่อะไรอีก?

ฉินซีขมวดคิ้วแน่น

เหมือนว่า…..ตอนเช้าเขาก็ไม่ได้พูดให้ชัดเจน ว่าจะอนุญาตให้ตนพิจารณานานแค่ไหน

คิดถึงตรงนี้ แผ่นหลังของฉินซีก็มีเหงื่อไหลออกมาช้าๆ

ถ้าเกิดว่าตอนนี้เขารอไม่ไหว…..

เล็บของฉินซีจิกเข้าไปในฝ่ามือโดยไม่รู้ตัว

ตำแหน่งที่เธอยืนอยู่บังเอิญมาก มองเห็นจุดที่จ้านเซินจอดรถในสวนได้พอดี

จ้านเซินลงจากรถ อีกฝั่งหนึ่ง…..ก็มีอีกคนลงมาจากรถ

คิ้วของฉินซีขมวดแน่นขึ้น จ้องไปที่คนนั้นที่เพิ่มมาอีกคนอย่างใกล้ชิด

สายตาของเธอดีมาก หลังผ่านการฝึกฝนพิเศษขององค์กรมาแล้วยิ่งสังเกตรายละเอียดของคนที่มาได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

มองขึ้นลงไปหลายวินาที ฉินซีก็เกือบจะแน่ใจแล้ว ว่าเธอไม่เคยเจอคนคนนี้มาก่อน

ในเวลาแบบนี้จ้านเซินพาคนแปลกหน้ามา คิดจะทำอะไร?

ฉินซีเริ่มประหม่า กล้ามเนื้อทั่วร่างเกร็งตึง ราวกับธนูที่ถูกดึงออกมา

แต่จ้านเซินที่อยู่ในสวนกลับไม่รู้ว่าตนกำลังถูกฉินซีสังเกตการณ์ เพียงแค่เดินนำคนแปลกหน้าคนนั้นตรงเข้ามาในบ้าน

เสียงประตูดังขึ้นเบาๆ ฉินซีหลับตาลง

—-เดินเข้ามากันแล้ว

ความคิดที่แยกไม่ออกในสมองของเธอ จินตนาการถึงความเป็นไปได้ทุกรูปแบบ กระทั่งคิดว่าถ้าหากจ้านเซินจะลงมือจริงๆ เธอจะหนีไปทางหน้าต่าง

เสียงฝีเท้าใกล้ประตูห้องของฉินซีเข้ามาเรื่อยๆแล้ว ประตูห้องถูกเคาะ

เป็นเสียงของจ้านเซิน

“ฉินซี ออกมาหน่อย”

เสียงของจ้านเซินฟังไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน แต่ฉินซีเพียงแค่จ้องไปที่ประตูอย่างระมัดระวัง ไม่ได้พูดอะไร

จ้านเซินกลับมีความอดทนอย่างคาดไม่ถึง เคาะประตูขึ้นอีกครั้ง “ฉินซี ออกมาเถอะ ฉันไม่อยากเข้าไป”

น้ำเสียงของเขาสงบนิ่งมาก แต่ฉินซีฟังออกถึงความหมายลึกๆที่อยู่ในนั้น

…..จ้านเซินสามารถเข้ามาได้

เธอลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง

กุญแจห้องทั้งหมดในสาขา เป็นธรรมดาที่เขาจะมีหมด รวมถึงห้องของตนด้วยเป็นธรรมดา

ต่อให้ตนหลบซ่อนอยู่ในนี้ เขาก็เข้ามาได้ ผลลัพธ์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

—-กระทั่งเพราะว่าปล่อยให้จ้านเซินเปลืองเวลากับเรื่องนี้ ก็อาจทำให้อารมณ์ของเขาขุ่นเคือง

ฉินซีรู้ แบบนี้มีแต่จะทำให้เรื่องเป็นไปในทางที่แย่ลง

ฉินซีหายใจเข้าลึก ถือโทรศัพท์มือถือไว้ด้านหลัง วางนิ้วไว้เหนือปุ่มกดหมายเลขฉุกเฉิน เข้าใกล้ประตูช้าๆ

ถ้าหากจู่ๆเกิดอันตรายอะไรขึ้น…..เธอจะโทรไปหาลู่เซิ่นทันที

ในเวลานี้ ไม่สนใจแล้วว่าเรื่องอะไรเปิดเผยได้เปิดเผยไม่ได้

ไม่อาจเป็นเหมือนครั้งที่แล้วได้ ที่จากไปโดยไม่ร้องเรียก

เธอเข้าใกล้ประตูห้องช้าๆ ก่อนที่จ้านเซินจะเคาะประตูขึ้นอีกครั้ง ก็เปิดประตูออก

บนใบหน้าของจ้านเซินมีสีหน้าปกติ ดูไม่ออกว่าท้ายที่สุดแล้วทนไม่ไหวหรือไม่ เพียงแค่ส่งสายตามองไปที่ฉินซี เชยคางขึ้น “ออกมาเถอะ”

แววตาของเขากวาดไปที่มือของฉินซีที่อยู่ด้านหลัง ราวกับว่ามองเห็นถึงความตั้งใจของเธอ

แต่ฉินซีไม่ได้วางมือลง และไม่ได้เดินตามจ้านเซินออกมา แต่มือไขว้หลัง ยืนอยู่ที่เดิมแบบนี้แล้วมองไปที่จ้านเซิน “ไปที่ไหน?”

“ฉันเชิญแขกมาคนนึง เธอต้องออกมาต้อนรับหน่อย” จ้านเซินพูดตามเหตุตามผล

แต่คิ้วของฉินซีกลับขมวดขึ้นมาอีกครั้ง “แขก? แขกอะไร?”

จ้านเซินกลับไม่ยอมพูดต่อ สีหน้าจมดิ่งลงเล็กน้อย “อย่าปล่อยให้แขกรออยู่คนเดียว หรือว่าเธอต้องให้ผมลากไป?”

พูดแล้ว เขาก็จะเข้าไปหา

ทุกเซลล์ในร่างกายของฉินซีต่างส่งเสียงร้องปฏิเสธ เธอก้าวถอยหลังอย่างไร้ร่องรอย หลีกเลี่ยงมือที่ยื่นออกมาของจ้านเซิน พูดอย่างเคร่งขรึม “ฉันจะไปเอง”

จ้านเซินก็ไม่ได้บังคับเธอต่อ ผายมือส่งสัญญาณให้เธอเดินไปข้างหน้า

ฉินซีดูไม่ออกว่าเขาจะทำอะไรกันแน่ แต่ก็ได้เพียงเดินหน้าต่อไป

จ้านเซินเดินตามหลังฉินซี ระยะห่างไม่ใกล้ไม่ไกล

ทั้งสองเดินตามกันมาแบบนี้จนมาถึงห้องประชุมชั้นล่าง

คนคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟาทางด้านหนึ่งของห้องประชุม ได้ยินเสียงฝีเท้า ถึงหันหน้ามา

ฉินซีสังเกตคนแปลกหน้าตรงหน้าอย่างละเอียด

แม้ว่าจะเคยเห็นจากข้างบนแล้ว แต่เนื่องจากแสงไฟ ทำให้เธอไม่ได้เห็นอย่างชัดเจน

แต่ในตอนนี้ เปิดไฟภายในห้องประชุม ทั้งหมดของคนตรงหน้าไม่มีอะไรปิดบังแล้ว

ผู้ชายอายุประมาณสามสิบปี สูงประมาณ1.75เมตร รูปร่างผอมบาง ศีรษะแบนเล็ก ใบหน้าเฉยเมยอย่างมาก มองไม่เห็นจุดความทรงจำใดๆ แต่ฉินซีแน่ใจมาก ว่าเธอไม่เคยเจอคนนี้ที่นี่แน่นอน

…..หรือว่า ไม่ใช่คนขององค์กร?

จิตใจของฉินซีสงสัย การก้าวเดินก็หยุดลง

แต่จ้านเซินที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอกลับเอื้อมมือผลักเธอเบาๆ ส่งสัญญาณให้เธอเดินไปข้างหน้า

ตอนนี้ฉินซีตื่นตัวอย่างมากต่อการสัมผัสทุกอย่างของจ้านเซิน มือของจ้านเซินจะสัมผัสเธอ เธอก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวทันที

จ้านเซินไม่แสดงท่าทีใดๆต่อการตอบสนองที่เรียกได้ว่าสุดโต่งของเธอ แต่ตัวเองก็เดินเข้าไปหนึ่งก้าว แล้วหันหลังไปปิดประตูห้องประชุม

เส้นประสาทในตัวของฉินซีประหม่าขึ้นมาตามเสียงปิดประตูห้องประชุม

—-ทำไมต้องปิดประตู?

พวกเขาจะทำอะไรกันแน่?

ฉินซีรู้ว่าตนไม่ได้รับคำตอบ ได้เพียงแต่ยกการเตือนทั้งหมด ยืนอยู่ในมุมที่เหมาะแก่การหลบหนีที่สุด

แต่จ้านเซินไม่ได้สนใจเธอ แต่ตนเองเดินไปถึงข้างกายของชายคนนั้น หันหน้ามองไปที่ฉินซีแล้วพูดแนะนำ “ขอแนะนำหน่อย คนนี้คือคุณหมอจากโรงพยาบาลหนานเฉิง โจวซิง”

ผู้ชายที่ชื่อว่าโจวซิงพยักหน้าให้ฉินซี ยิ้มให้บางๆ

เขายิ้มอย่างอ่อนโยนมาก ทั่วทั้งตัวแสดงถึงรสนิยมที่แข็งแกร่งของนักวิชาการ ฉินซีมองไม่เห็นการโจมตีใดๆจากตัวเขา ก็ยิ่งคิดไม่ออก ว่าทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่

ดังนั้นฉินซีจึงยืนอยู่ที่เดิม พยักหน้าให้เขาอย่างระมัดระวังอย่างมาก ไม่ได้สนใจมือที่เขายื่นออกมา

เพียงแค่หันหน้าไปทางโจวซิงแล้วพูดแนะนำ “นี่คือผู้รับผิดชอบสาขาที่เมืองหนานของเรา ฉินซี”

ความคิดบางอย่างผ่านจากใบหน้าของโจวซิง ฉินซีไม่พลาดที่จะเห็น

……ดูท่าเขาจะรู้จักตน

แต่ว่า แล้วทำไมเขาถึงรู้จักตนได้?

ฉินซีไม่เข้าใจ

จ้านเซินให้โจวซินั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง เหมือนกับรู้ว่าฉินซีจะไม่มานั่งลงแต่โดยดี ไม่ได้ร้องทักเธอ แต่หันไปที่โจวซิงแล้วพูดขึ้น “ระหว่างทางผมก็ได้บอกคุณไปแล้ว ก่อนหน้านี้ฉินซีจิตใจไม่มั่นคง เคยได้รับการตรวจร่างกายในโรงพยาบาลและสำนักงานใหญ่ของประเทศF แต่ตอนนี้ไม่ได้ตรวจซ้ำมานานแล้ว ผมอยากรู้ว่าอาการของเธอตอนนี้เป็นยังไง”

ร่างของฉินซีแข็งทื่อ

เธอเริ่มจะเข้าใจเหตุผลการมาของโจวซิงแล้ว

เป็นจิตแพทย์อีกคนหนึ่ง!

จ้านเซินดูจะชอบที่จะจำแนกว่าการต่อต้านเขาของเธอเป็นความไม่มั่นคงทางจิตใจของฉินซี

ตอนที่เธอจะจากไปก็ใช่ ตอนที่มัดเธอกลับมาก็ใช่ ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนี้!

ฉินซีกำหมัดทั้งคู่ขึ้นช้าๆ

—-ถ้าจ้านเซินกล้าที่จะบังคับตนให้ตรวจสอบ งั้นเธอไม่ให้ความร่วมมือแน่นอน

การดูถูกแบบนี้ เธอจะไม่ทนรับมันง่ายๆเด็ดขาด

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท