Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1346

ตอนที่ 1346

บทที่ 1346 ไม่สนใจไยดี

แต่จ้านเซินเหมือนจะเข้าใจฉินซีดียิ่งกว่าเธอ

เขาพูดประโยคก่อนหน้าจบ ก็หยุดอย่างมีนัยไปชั่วขณะ แล้วถึงพูดกับโจวซิง “เรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน คุณหมอโจวคืนนี้ลำบากหน่อย ตรวจสอบเสร็จแล้วค่อยกลับเถอะ”

พูดคำนี้จบ ทั้งใบหน้าของฉินซีก็จมดิ่งลง

เธอไม่มีเวลาสนใจแล้วว่าโจวซิงเข้าใจความหมายของจ้านเซินหรือไม่ แต่เธอเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่าจ้านเซินหมายถึงอะไร

—-จ้านเซินกำลังคุกคามตน

โจวซิงตรวจไม่เสร็จก็ไปไม่ได้ ต่อหน้าคือการมอบหมายงานให้โจวซิง แต่ที่จริงแล้วคือกำลังเตือนฉินซี

ถ้าหากเธอไม่ให้โจวซิงตรวจแต่โดยดี พวกเขาไม่ว่าใครก็อย่าคิดที่จะออกไปจากห้องประชุมนี้

ฉินซีไม่รู้ว่าโจวซิงเป็นคนขององค์กร หรือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องกันแน่

แต่ไม่ว่าเป็นแบบไหน เธอไม่อาจไม่สนใจไยดีเขาได้

เธอไม่อาจทนได้ที่จะปล่อยให้คนอื่นเข้ามาพัวพัน ด้วยเรื่องของตนเอง

จ้านเซินพูดจบ ราวกับถือตั๋วผู้ชนะ ลุกขึ้นมาจากโซฟา ไม่มองแม้แต่มองฉินซี เดินตรงออกนอกประตูไป “ผมไปรินน้ำให้พวกเธอหน่อย พวกเธอเริ่มกันได้เลย”

ฉินซีสงสัยเป็นอย่างมากว่าจ้านเซินจะยอมลดเกียรติมารินน้ำให้พวกเธอด้วยตัวเองหรือไม่ แต่เธอรู้ว่า ช่วงเวลาน้อยนิดที่เขาออกไปนี้ เธอจะเสียไปเปล่าๆไม่ได้เด็ดขาด

อย่างน้อยก็ต้องรู้ให้แน่ชัด ว่าโจวซิงเป็นใครกันแน่ ท้ายที่สุดแล้ว…..จะให้เธอใช้ได้หรือไม่

ดังนั้นในตอนที่เสียงฝีเท้าของจ้านเซินหายไปจากหน้าประตู ฉินซีนั่งลงตรงหน้าของโจวซิงอย่างไม่เร็วไม่ช้า

โจวซิงยิ้มให้เธอ เตรียมจะยื่นมือออกไปเปิดสมุดบันทึกตรงหน้าเริ่มถามคำถาม แต่ถูกฉินซีกดไว้

“ขอโทษที” ฉินซีเปิดปากพูด “ก่อนที่คุณจะถามคำถาม ฉันจำเป็นต้องยืนยันตัวตนของคุณหน่อย ท้ายที่สุดแล้วถ้าหากไม่ใช่จิตแพทย์ ก็มีอยู่หลายเรื่องที่ไม่ปลอดภัย”

อารมณ์ของโจวซิงดูโอเคมาก เผชิญหน้ากับคำถามที่ตรงไปตรงมาแบบนี้ของฉินซี ก็ไม่ได้อารมณ์เสีย เพียงแค่หยิบใบรับรองออกมาจากกระเป๋าด้านในของเสื้อคลุม “นี่คือบัตรประชาชนกับใบรับรองแพทย์ของผม คุณเอาไปดูได้”

ฉินซีกวาดตามอง แล้ววางกลับไป

ความตั้งใจเดิมของเธอไม่ใช่จะยืนยันคุณสมบัติของโจวซิง ถึงอย่างไรคนที่จ้านเซินพากลับมา แน่นอนว่าจะต้องเป็นแพทย์มีคุณสมบัติเพียงพอ

สิ่งที่เธออยากรู้อันที่จริงคือตัวตนของโจวซิง

“หลายปีมานี้ คุณเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลหนานเฉิงมาตลอดเลย?” ฉินซีเอ่ยถามลอยๆเหมือนไม่ได้ตั้งใจ

“ใช่ครับ” โจวซิงพยักหน้า “เป็นไปได้ว่าเดือนหน้าอาจมีโอกาสไปสำนักงานใหญ่สักครั้ง”

น้ำเสียงที่เขาพูดถึงสำนักงานใหญ่ดูสนิทชิดเชื้ออย่างมาก ราวกับสำนักงานใหญ่เป็นสถานที่ที่เขาโหยหามาก

จิตใจของฉินซีจมดิ่งลง

—-ดูท่า เป็นคนที่ถูกจ้านเซินซื้อไปโดยสมบูรณ์ งั้นก็คือไม่มีทางให้ตนได้ใช้แล้ว

ในเมื่อไม่มีทางให้ตนได้ใช้ประโยชน์ งั้นก็ต้องคิดให้ดีว่าจะหลีกเลี่ยงเขายังไง

มีความลับมากมายฝังอยู่ในใจของฉินซี ล้วนแต่ไม่อาจให้จ้านเซินรู้ได้

ดังนั้น ก็ไม่สามารถปล่อยให้โจวซิงดูออก

แต่ฉินซียังไม่ได้คิดเบาะแสอะไรออก ประตูของห้องประชุมก็ถูกเปิดออก

แน่นอนว่าจ้านเซินไม่ไปทำเรื่องรินน้ำอะไรนั่น ในมือมีเพียงแค่ขวดน้ำบริสุทธิ์สองขวด

เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นฉินซีนั่งลงตรงหน้าโจวซิงแล้ว ใบหน้าก็เผยรอยยิ้ม เดินเข้ามาไม่กี่ก้าว วางน้ำลงตรงหน้าฉินซีกับโจวซิง เอ่ยปากพูด “เริ่มกันแล้ว?”

โจวซิงยังไม่ทันพูดอะไร ฉินซีก็รีบพูดตอบ “กำลังเตรียมจะเริ่ม”

“ดีครับ” จ้านเซินพยักหน้าเล็กน้อย แล้วหันไปหาโจวซิง “ผมอยู่ด้วยได้ไหม?”

น้ำเสียงของเขาแม้ว่าจะเป็นการเอ่ยถาม แต่ความหมายข้างในไม่อาจชัดเจนไปได้มากกว่านี้แล้ว—-เขาอยากที่จะอยู่ด้วย

โจวซิงก็ไม่ใช่คนโง่ พยักหน้าทันที “แน่นอนครับ ไม่มีอะไรไม่ได้หรอก”

ไม่มีใครถามถึงความเห็นของฉินซี ทั้งสองคนถามตอบกันเอง ก็ตัดสินใจไปแล้ว

เพียงแต่ในตอนนี้ฉินซีไม่มีเวลาที่จะเอาความไม่เคารพกันแบบนี้มาใส่ใจแล้ว จิตใจเธอเต็มไปด้วยความกังวล

ถ้าหากโจวซิงใช้การสะกดจิตจะทำยังไง?

แม้ว่าเธอจะเคยได้รับการฝึกฝนต่อต้านการสะกดจิต แต่อาการเมื่อเข้าสู่การต่อต้านการสะกดจิต จ้านเซินจะต้องดูออกแน่

เขาฉลาดมาก จะต้องเดาได้ทันทีแน่ ว่าตนเป็นเพราะมีเรื่องอะไรปิดบังเขา ถึงต้องต่อต้านการสะกดจิต

ถ้าเป็นแบบนี้ แม้ว่าไม่ได้เปิดเผยความลับของตนในระหว่างการสะกดจิต แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับบอกจ้านเซินว่าตนมีบางอย่างผิดปกติ

แต่ถ้าไม่ใช้การต่อต้านอะไรเลย…..เธอก็ไม่แน่ใจ ว่าโจวซิงจะมองเห็นถึงความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับลู่เซิ่นหรือไม่

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะเปิดเผยเรื่องทั้งหมดออกมา เธอไม่เคยคิดว่าในตอนนี้จะให้จ้านเซินรู้ถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงของตนกับลู่เซิ่น

ถ้าหากเปิดเผยแล้ว ตนก็จะตกอยู่ในการควบคุม

ควรทำยังไงดี?

สมองของฉินซีได้เข้าสู่ความวุ่นวายแล้ว แต่บนใบหน้ายังคงรักษาความสงบนิ่ง ให้คนมองความคิดของเธอไม่ออก

โชคดีที่โจวซิงดูเหมือนจะไม่มีแผนที่จะใช้การสะกดจิตไปชั่วคราว เขาเพียงแค่เปิดสมุดบันทึกตรงหน้าเขาอย่างซื่อตรง ถามคำถามที่ไม่ตรงประเด็น ไม่สลักสำคัญเท่าไหร่

คุณภาพการนอนหลับเป็นอย่างไร? ฝันร้ายหรือไม่? ความอยากอาหารเป็นอย่างไร?

เขาเขียนอย่างจริงจัง ในใจของฉินซีก็ผ่อนคลายลงช้าๆตามคำถามของเขา

—-ถ้าล้วนแต่เป็นคำถามแบบนี้ เธอคงจะรับมือผ่านไปได้ดี

แต่จ้านเซินที่นั่งอยู่อีกฝั่ง กลับค่อยๆขมวดคิ้วขึ้นมา

ในที่สุด หลังจากที่โจวซิงถามคำถามที่ไม่สลักสำคัญไปสิบนาที เขาก็ทนไม่ไหวที่จะขัดจังหวะโจวซิง

“คุณหมอโจว” ในน้ำเสียงของเขามีความโมโหอยู่จางๆ “ถามคำถามแบบนี้ คืนนี้จะบรรลุเป้าหมายในการตรวจไหม?”

โจวซิงถูกขัดจังหวะกลางคัน ในแววตามีความงงงวย “นี่เป็นคำถามพื้นฐาน ผมจะต้องยืนยันสถานการณ์พื้นฐานของคุณฉินก่อน”

จ้านเซินเลิกคิ้วเบาๆ เคาะนิ้วลงบนโต๊ะกาแฟตรงหน้าพวกเขา “ถ้าใกล้เสร็จแล้ว ก็เข้าประเด็นได้เลย”

โจวซิงพยักหน้า ในตอนที่หันกลับมาถามคำถาม น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นเล็กน้อย

ในเวลาสิบห้านาที ในที่สุดการถามคำถามพื้นฐานก็สิ้นสุดลง ความไม่อดทนเขียนอยู่บนใบหน้าของจ้านเซิน

รอโจวซิงก้มหน้าจดบันทึกลงสมุดไม่กี่ประโยค ตอนที่ปิดสมุดลง เขาก็เอ่ยปากอย่างทนรอไม่ไหว “คุณหมอโจว ต่อไปจะทำการตรวจสอบอะไร?”

โจวซิงมองไปที่ฉินซีแวบนึง แล้วพูดตอบ “คุณฉินซีมีสภาพจิตใจที่มั่นคงพอสมควร ผมไม่เห็นปัญหาใหญ่อะไร ถัดไปอาจจะต้องถามคำถามในเชิงลึกยิ่งขึ้น ผมถึงจะสามารถยืนยันได้”

สีหน้าของจ้านเซินจมดิ่งลง “ถามอีกหรอ ไม่มีวิธีอะไรที่เร็วกว่านี้หน่อยหรอ?”

โจวซิงที่ถือว่าเป็นคนอารมณ์ดี ถูกความสงสัยของจ้านเซินขัดจังหวะขึ้นอีกครั้ง ในที่สุดก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว น้ำเสียงเย็นชาขึ้นเล็กน้อย “คุณจ้าน การตรวจสอบของเราต้องค่อยเป็นค่อยไป ถ้าหากไม่แน่ใจเกี่ยวกับอาการของคุณฉินแล้วใช้วิธีการที่รวดเร็ว อาจจะทำให้เกิดผลสืบเนื่องได้”

แต่น้ำเสียงของจ้านเซินกลับเต็มไปด้วยความไม่สนใจ “ฉินซีทนรับได้ ไม่ว่าอะไรเธอก็เคยผ่านมาแล้ว ไม่เชื่อคุณถามเธอเอง”

แววตาของโจวซิงเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย หันไปมองฉินซี “คุณว่าคิดยังไง?

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท