Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1361

ตอนที่ 1361

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ลู่เซิ่นขบปากด้วยความหงุดหงิดและขมวดคิ้วขึ้น : “ไม่มี”

หัวใจของเขาราวกับถูกก้อนหินมหึมาทับไว้ อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

ถ้าหากหาวิธีได้แล้ว ลู่เซิ่นก็คงไม่มานั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนี้

ความหวังที่อยู่ในใจของโจวซิงได้พังทลาย เขาขมวดคิ้วแน่น : “แล้วตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดี หรือจะอยู่เฉยๆดูจ้านเซินทำการทดลองฉินซีอย่างนั้นหรือ”

ตามนิสัยของจ้านเซิน ถ้าเขารู้ว่าฉินซีได้ทรยศเขาตั้งแต่แรก แล้วไปอยู่กับชายอื่น เขาจะต้องโกรธมากจนต้องพาฉินซีกลับไปที่องค์กรอย่างแน่นอน

เมื่อถึงเวลานั้น ลู่เซิ่นอยากจะพาฉินซีออกมาจากองค์กรกำแพงเหล็กนั่น ก็จะเป็นเรื่องที่ยากแล้ว

แต่พวกเขาต่างไม่รู้เลยว่าเรื่องระหว่างฉินซีกับลู่เซิ่น ความจริงจ้านเซินรู้ตั้งนานแล้ว

ในแต่ละวันเขาต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานและอดทนอดกลั้น

ตอนนี้เขาอดทนต่อไม่ไหวแล้ว

สิ่งที่โจวซิงเป็นห่วง ก็คือความกังวลของลู่เซิ่น

โจวเอ้อที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ เขาเห็นสีหน้าอมทุกข์ของลู่เซิ่น จึงรู้สึกเจ็บปวดในใจ : “ลู่เซิ่น คุณต้องเชื่อมั่นฉินซี เธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไป ผมคิดว่า ถ้าในเมื่อเธอกล้าให้เหยาจ้าวทำการทดลองเธอ อย่างนั้นเธอต้องมีวิธีอย่างแน่นอน”

คนรอบข้างอย่างโจวเอ้อถือว่าเป็นหนึ่งในสามคนนี้ที่มีความคิดสุขุมที่สุด

เมื่อประโยคนี้เปล่งออกมา ลู่เซิ่นกับคู่สายโทรศัพท์อย่างโจวซิงต่างชะงักขึ้น

ใช่!

ฉินซีเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดา แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยทำเรื่องที่ไม่มั่นใจ

หรือบางทีนี่อาจจะเป็นแผนการส่วนหนึ่งของฉินซี

โจวซิงก็นึกถึงภาพตอนที่เขาพยายามห้ามฉินซีนั้น ฉินซีมักจะขยิบตาให้ เหมือนต้องการจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา

แต่ด้วยลู่เซิ่นที่อยู่ตรงนั้น จึงไม่สะดวกที่จะพูดออกมา

คำพูดของโจวเอ้อทำให้สติของพวกเขากลับคืนมาอีกครั้ง

โจวซิงพยักหน้าเห็นด้วยและอ้าปากพูดขึ้น : “ โจวเอ้อพูดถูก เมื่อสักครู่ผมอารมณ์ร้อนไปหน่อย ท่าทางของฉินซีเมื่อสักครู่ ก็ช่างน่าแปลกจริงๆ ผมเดิมทีคิดว่าเธอถูกบังคับจนไม่มีทางเลือก ถึงได้รับปากจ้านเซินทำการตรวจลองใหม่อีกครั้ง ตอนนี้ดูแล้ว เหมือนจะไม่ได้เป็นแบบนั้น”

เขาคิดอย่างละเอียดรอบคอบ แล้วนำความคิดเห็นของตัวเองบอกกับลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นที่เดิมทีกำลังกลัดกลุ้ม เมื่อได้ยินสองคนนั้นพูดแบบนี้ ถึงแม้จะทำให้ผ่อนคลายขึ้น แต่ก็ไม่อาจทำให้เบาใจลงได้ทั้งหมด

“ไม่ได้ ต่อให้เป็นเช่นนี้ พวกเราก็ไม่อาจจะรอเพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่ทำอะไรไม่ได้”

ลู่เซิ่นแววตาดุดัน ความคิดที่อยู่ในใจค่อยๆก่อตัวขึ้น

โจวซิงขมวดคิ้วขึ้น : “คุณคิดจะทำอะไร”

ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่กับจ้านเซินไม่นาน แต่เขาก็ไม่ถูกชะตากับจ้านเซินตั้งแต่แรก

วันๆเอาแต่ลอยหน้าลอยตา ทะนงตัว ไม่มีอะไรน่าสนใจ

จ้านเซินยังเป็นคนมุทะลุ ไม่รู้จักถนอมน้ำใจ เขาไม่ชอบเลยสักนิดเดียว

ลู่เซิ่นบอกความคิดของตัวเองให้กับเขา : “ผมได้ทำลายอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยของโรงพยาบาล แล้วก็เจอแผนที่ช่องทางที่สามารถเดินทะลุไปยังห้องผู้ป่วยของฉินซีได้ เพียงแต่ว่าผมไม่รู้บอดี้การ์ดเหล่านั้นยืนเฝ้าคุมอยู่ตรงไหนบ้าง โจวซิงผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”

เขาพูดอย่างไม่อ้อมค้อมด้วยสายตาที่แน่วแน่

เมื่อโจวซิงได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็เข้าใจความหมายของเขาทันที

เขารู้สึกบนไหล่ของตัวเองนั้น มีภาระที่ต้องแบกเพิ่มขึ้น: “ได้ อย่างช้าสุดก็คือพรุ่งนี้ ที่ผมจะสามารถหาจุดที่มีความเคลื่อนไหวของเหล่าบอดี้การ์ด จากนั้นผมค่อยบอกคุณ”

ในใจโจวซิงกระเหี้ยนกระหือรือ แล้วทั้งสองคนก็คุยเรื่องนี้กันอีกสักพัก

…..

ณ เวลาเดียวกัน

ในห้องผู้ป่วย ฉินซีมองจ้านเซินที่นั่งอยู่ข้างๆตัวเอง ยิ้มจางๆแล้วพูดขึ้น : “จ้านเซิน ฉันไม่เจอเหยาจ้าวมานาน ฉันอยากจะคุยกับเขาสักสองสามคำ คุณช่วยออกไปก่อนได้ไหม เมื่อถึงเวลาทำการทดลอง แล้วคุณค่อยเข้ามา”

น้ำเสียงของเธอที่อ่อนโยนทำให้คนฟังยากจะปฏิเสธได้

จ้านเซินพยักหน้า : “ อืม”

สำหรับเหยาจ้าวนั้น เขาค่อนข้างจะเชื่อใจ

ฉินซีมองตามหลังเขาที่ค่อยๆเดินจนลับไปจากประตู ถึงได้หันมาทางเหยาจ้าว “พี่”

ฉินซีที่ไม่ค่อยจะเรียกเขาแบบนี้ น้ำเสียงนุ่มนวล เต็มไปด้วยการอ้อนวอน

เหยาจ้าวใจเต้นตึกตัก จ้องมองแววตาเธอความอบอุ่นก็บังเกิดขึ้นเล็กน้อย

แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เป็นเวลาในการนับญาติ

ฉินซีก็ทราบดี แต่ว่าเธอเป็นห่วงเหยาจ้าว : “พี่ หนึ่งปีที่ฉันจากไป เกิดอะไรขึ้นกับองค์กร ทำไมจู่ๆพี่ถึงเปลี่ยนไปแบบนี้”

นี่คือข้อข้องใจที่อยู่ภายในใจของเธอ

เธอไม่อยากเห็นญาติเพียงคนเดียวของเธอที่มีอยู่ในโลกใบนี้ ก็ถูกสถานที่เย็นชาไร้ความรู้สึกเช่นนั้นกลืนกิน

ฉินซียังคิดอีกว่า ถ้าหากวันหนึ่งหลังจากที่เธอหนีออกไปได้ และมีความเข้มแข็งความสามารถพอ เธอจะต้องช่วยเหยาจ้าวออกไปให้ได้

เธอรู้ว่าเหยาจ้าวนั้นก็ถูกบังคับเช่นกัน เขาเกลียดสถานที่นั้นพอๆกับตัวเอง

ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเหยาจ้าวจ้องมองเธอ : “ตอนนี้ผมเป็นแบบไหนเหรอ”

เขาย้อนถามขึ้นราวกับคนไม่มีความรู้สึก

“ตอนนี้พี่กับคนอื่นในองค์กร ไม่มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด”

ฉินซีจ้องมองเขา เพื่อหวังว่าจะเห็นบางอย่างจากแววตาของเขา

เธอหวังว่าเหยาจ้าวนั้นแค่เสแสร้ง เช่นนี้แล้ว เหยาจ้าวก็จะสามารถช่วยเหลือเธอต่อไปได้

แต่ว่า ฉินซีกลับไม่เห็นอะไรสักอย่าง

ดวงตาของเหยาจ้าวมืดมิด ไม่มีแสงสว่างสักนิดเดียว

เขาดูเหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีจิตวิญญาณ เนื่องจากถูกเจ้านายกำหนดให้เป็นแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงดำเนินการตามคำสั่งของเขา

เขาไม่รู้ว่าอะไรคือความรู้สึก ไม่มีซึ่งกิเลสตัณหา

สีหน้าของเหยาจ้าวยังคงเย็นชา : “ผมตอนนี้เป็นแบบนี้แล้วไม่ดีเหรอ ฉินซี เธอต้องเข้าใจว่าองค์กรต้องการหุ่นยนต์ที่ไม่มีกิเลสตัณหา”

เขาได้พูดถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าหากฉินซีฉลาดพอ ก็จะต้องเข้าใจอย่างแน่นอน

แน่นอนว่าฉินซีเข้าใจ แต่ว่าเธอไม่อยากจะกลายเป็นแบบนั้น

เธอยิ่งจากองค์กรไปนานเท่าไหร่ ความดื้อรั้นที่มีอยู่ในตัวก็ยิ่งมากขึ้น

“ฉัน…..”

ในขณะที่ฉินซีอยากจะเกลี้ยกล่อมเขานั้น ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกผลักขึ้น

ขาเรียวยาวของจ้านเซินได้ก้าวเดินเข้ามา

เขามองไปทางพวกเขาสองคนแล้วพูดขึ้นเบาๆ : “คุยกันเสร็จหรือยัง”

การปรากฏตัวของจ้านเซินได้ขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขา ฉินซีจึงไม่กล้าที่จะสนทนาลึกต่อไปอีก กลัวว่าจะถูกจ้านเซินจับได้แล้วเกิดความสงสัย เป็นเหตุให้เหยาจ้าวได้รับความเดือดร้อน

ฉินซียกมุมปากขึ้นยิ้มเล็กน้อย : “คุยเสร็จแล้ว ฉันกำลังจะให้หมอเหยาไปเรียกคุณพอดี”

เธอฝืนยิ้มพูด ในใจเธอกลับกริ่งเกรงกับการทดลองที่กำลังจะเกิดขึ้น

การสนทนากันเมื่อสักครู่ ฉินซียังดูไม่ออกว่าเหยาจ้าวนั้นอยู่ฝ่ายไหน

แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ไม่มีทางที่จะถอยได้อีก

จ้านเซินพยักหน้า แล้วมองไปทางเหยาจ้าว : “เริ่มเลย”

เหยาจ้าวขบริมฝีปากแล้วให้ฉินซีนอนหงายลงบนเตียง

“ในเมื่อก่อนหน้านี้เคยทำการทดลองมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้พวกเราข้ามขั้นตอนแรกแล้วเข้าสู่ขั้นตอนหลักเลยไหม”

เหยาจ้าวมองไปทางจ้านเซิน เพื่อถามความคิดเห็นจากเขา

ในขณะเดียวกันสายตาของฉินซีก็มองไปทางเขาเพื่อรอคำตอบจากเขาเช่นกัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท