Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1367

ตอนที่ 1367

โจวซิงเงยหน้าแล้วพูดขึ้น : “มีหมอเหยาอยู่ทั้งคน คุณจ้านยังต้องการผมอีกเหรอ”

คำถามของเขาค่อนข้างตรง และไม่กลัวว่าจะทำให้จ้านเซินโกรธ

จ้านเซินมองเขาด้วยสายตาดำขลับที่เปล่งประกายด้วยแสงสลัว : “ต้องการสิ”

เขายื่นมือไปแตะที่ไหล่ของโจวซิงเบาๆ : “ผมหวังว่าคุณกับหมอเหยาจะสามารถเรียนรู้จุดเด่นของกันและกัน ร่วมมือกันช่วยรักษาอาการของฉินซีให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น”

จ้านเซินพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ แต่กลับแฝงด้วยบรรยากาศของการกดดัน

โจวซิงรู้สึกถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็นนั้นกลิ้งเข้ามาหาเขา

เขายืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ แต่ร่างกายของเขามีการโค้งงอเล็กน้อย

แม้แต่โจวซิงเองก็ไม่ทันสังเกตเห็นจุดนี้ แต่ว่ากลับอยู่ในสายตาของบอดี้การ์ด

“โจวซิงต่อให้แข็งแกร่งแค่ไหน ก็ต้านจ้านเซินไม่อยู่จริงๆ”

พวกเขาถอนหายใจเงียบๆอยู่ในใจ

“ได้”

เขารู้ว่าตอนนี้นอกจากทำการรับปากก็ไม่มีวิธีอื่น

…..

ในห้อง

ฉินซีตื่นขึ้นมา เธอเห็นในห้องนั้นว่างเปล่า บรรยากาศความเงียบสงัดได้เข้ามาปกคลุม

เมื่อเห็นในห้องไม่มีคน ฉินซีก็รู้สึกโล่งใจอย่างอธิบายไม่ถูก

ยังดีที่จ้านเซินไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงต้องเสแสร้งทำเป็นว่านอนสอนง่ายเพื่อตบตาเขา

เพียงแต่ไม่รู้ว่าจ้านเซินคิดจะทำอะไรต่อไป

ในขณะที่ฉินซีกำลังครุ่นคิดอยู่ จู่ๆหน้าประตูมีเสียงฝีเท้าก้าวเดินมาเป็นระยะๆ

เธอจึงรีบปิดตาลง เพราะคิดว่าเป็นจ้านเซิน

เหยาจ้าวผลักประตู แล้วเห็นเธอนอนตัวตรงอยู่บนเตียงด้วยร่างกายที่แน่นตึง

ใบหน้าที่เย็นชาเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มจางๆ เขาทำการล็อกประตู แล้วเดินมาที่ข้างเตียงของฉินซี จากนั้นพูดขึ้นเบาๆ : “ไม่ต้องแสร้งหลับแล้ว จ้านเซินไม่ได้มา”

แค่แววตาเดียว เหยาจ้าวก็สามารถมองออกว่าเธอนั้นกำลังเสแสร้ง และก็รู้ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้

เขานึกถึงจ้านเซินที่เมื่อสักครู่เลื่อนเวลาการกลับองค์กรเพื่อเธอ และกลับมามองฉินซีตอนนี้ที่เอาแต่หลบหน้าจ้านเซิน ในใจจึงเกิดความสับสน

เมื่อได้ยินเสียงของเหยาจ้าว ฉินซีก็ลืมตาขึ้นทันใด

แล้วหันหน้าไปสบตากับรอยยิ้มของเหยาจ้าว ฉินซีที่กำลังวิตกกังวล จึงค่อยๆผ่อนคลายลง

ฉินซีค่อยๆลุกขึ้นนั่งตรง : “คุณมาแล้วเหรอ”

น้ำเสียงของเธออ่อนโยนและอารมณ์ของเธอก็เย็นลงมาก

“ผลสรุปของการทดลองเมื่อสักครู่…..”

ฉินซีหันไปมองเขา ไม่รู้ว่าจ้านเซินรู้สึกหรือเกิดความสงสัยหรือเปล่า

เหยาจ้าวรู้ว่าเธอกำลังกังวลอะไร : “คุณวางใจเถอะ ผมได้จัดการเรียบร้อยแล้ว”

เขาจะได้ช่วยฉินซีปกปิดไปอย่างสวยงาม และประสบผลสำเร็จที่ทำให้จ้านเซินล้มเลิกความคิดที่จะพาฉินซีกลับไปที่องค์กรในตอนนี้

เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ฉินซีก็รู้สึกสบายใจขึ้น : “เหยาจ้าว ขอบคุณมากนะ”

อดีตของฉินซีเคยถูกญาติมิตรทำร้ายอย่างเจ็บปวดมาก่อน

แต่กลับได้พบกับลูกพี่ลูกน้องกลางทาง อีกทั้งยังเป็นญาติห่างๆ มาทำให้หัวใจของฉินซีอบอุ่นขึ้นอีกครั้ง และให้ความรู้สึกถึงคำว่าครอบครัว

บางทีนี่อาจเป็นความหมายของคำว่าครอบครัว เมื่อเจอกับอุปสรรคปัญหาก็จะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน คอยประคับประคองให้อีกฝ่ายนั้นผ่านความยากลำบากไปได้

เหยาจ้าวมองท่าทางที่สงบนิ่งของเธอ จึงถอนหายใจขึ้นในใจ : “ฉินซี คุณชอบลู่เซิ่นจริงๆหรือ”

เขารู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของลู่เซิ่น ต่อหน้าเขาฉินซีจึงไม่จำเป็นต้องปิดบัง

“ทำไมถึงถามแบบนี้”

ฉินซีรู้สึกว่าตัวเองนั้นได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้ว

ความรู้สึกที่เขามีต่อลู่เซิ่นไม่เพียงแต่แค่ชอบ น่าจะเป็นการรักสุดหัวใจ

การปรากฏตัวของลู่เซิ่น ได้ช่วยฉินซีผู้เคยอ่อนแอหมดหนทางคนนั้นออกมาจากความมืดมิด

เป็นลู่เซิ่นที่ให้แสงสว่างหัวใจกับเธอ

การมีตัวตนอยู่ของลู่เซิ่นคือแรงผลักดันที่ทำให้ฉินซีมีชีวิตอยู่ต่อไป

เขาเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ร้อนแรงที่ห้อยโตงเตงอยู่บนนั้น ที่ค่อยส่งมอบความอบอุ่นให้กับฉินซี

เหยาจ้าวส่ายหน้า : “ไม่มีอะไร ก็แค่อยากถาม”

เขาย่อมสามารถเห็นถึงความคิดของฉินซีผ่านการสะกดจิต เดิมทีเขาก็อยากจะช่วยฉินซีหนีออกจากองค์กร สงเคราะห์เธอกับลู่เซิ่น

แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงของจ้านเซินในตอนนี้ ทำให้เหยาจ้าวลังเลเล็กน้อย

เหยาจ้าวรู้สึกว่า อันที่จริงจ้านเซินก็เป็นเพียงเครื่องมือสืบทอดที่ถูกปลูกฝังจากคนรุ่นเก่าในองค์กรเท่านั้น

จ้านเซินเป็นคนเก่งมากจริงๆ แต่ยี่สิบปีที่ผ่านมา เขากลับมีชีวิตที่แสนเศร้า

เขาไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ ที่มีชีวิตสีสันในช่วงวัยเด็ก มีพ่อแม่ปู่ย่าพี่คอยให้ความรัก เอาอกเอาใจ และได้ในสิ่งที่เขาต้องการ

จ้านเซินตั้งแต่เล็กเขาก็เติบโตในสภาพแวดล้อมที่เย็นชา เขาไม่มีพ่อแม่ที่คอยให้กำลังใจ ไม่มีความรักจากพ่อแม่ มีเพียงแต่การฝึกฝนและการเรียนรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ในขณะที่เด็กคนอื่นกำลังกินลูกอม สวมใส่ผ้าอ้อม หัดพูดนั้น จ้านเซินกลับต้องมาฝึกเดิน ฝึกซ้อมอยู่ในสถานที่ที่โหดร้าย

ไม่มีคนคอยรักคอยเป็นห่วง เขาทำได้เพียงทำตัวให้แข็งแกร่งทีละนิดๆในที่แห่งนี้ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะถูกตี ถูกอดอาหาร และก็ถูกทำโทษ

ลองจินตนาการดู เมื่อเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นกับเด็กที่อายุเพียงสามขวบนั้น มันช่างน่าเศร้าน่าเวทนามากแค่ไหน

นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมจ้านเซินไม่รู้จักวิธีในการรักใครสักคน ไม่รู้วิธีสารภาพความในใจให้กับคนคนนั้นได้รับรู้

เพราะว่ารอบๆตัวเขาไม่มีคนที่คอยให้คำปรึกษาสักคนเดียว

ทุกคนมีแต่บอกจ้านเซินว่า ไม่มีใครที่น่าเชื่อถือไว้วางใจได้สักคน มีเพียงความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์และการกดขี่ ถึงจะผูกมัดไว้ได้

แต่เมื่อมีสิ่งที่ล่อตาล่อใจกว่า คนรอบข้างของคุณก็จะหักหลังและทรยศคุณ โดยไม่มีขอยกเว้นใดๆ

ความคิดนี้ได้ถูกฝังหยั่งลึกอยู่ในใจของจ้านเซิน

ดังนั้น จ้านเซินจึงไม่เคยได้พูดระบายกับใคร ปิดกั้นตัวเองไว้ ไม่ยอมให้ผู้อื่นเข้าใกล้ จะได้ไม่ถูกหักหลัง

และเพราะจ้านเซินไม่เคยถูกรัก ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าวิธีในการรักคนคนหนึ่ง

เมื่อก่อนเหยาจ้าวนั้นเกลียดชังจ้านเซินอย่างมาก

เขารู้สึกว่าจ้านเซินนั้นเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึก เขานอกจากเป็นแต่กดขี่คนอื่น เขาแทบจะไม่มีความสามารถอย่างอื่นเลย ยังเทียบกับเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ

แต่เมื่อเหยาจ้าวอยู่องค์กรเป็นเวลานาน เขาก็ค่อยๆเข้าใจจ้านเซินมากขึ้น จนค่อยๆล้มเลิกความคิดนี้ ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าจ้านเซินนั้นน่าสงสาร

ฉินซีไม่รู้ความคิดลึกๆที่อยู่ในใจของเหยาจ้าว

เธอหวนคิดไปถึงวันเวลาที่เธอเคยอยู่กับลู่เซิ่น รอยยิ้มที่อบอุ่นก็ปรากฏบนใบหน้าอันบอบบางของเธอ : “เหยาจ้าว ฉันรู้สึกว่าวันเวลาที่ฉันอยู่กับลู่เซิ่นนั้น เป็นช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขมากที่สุดตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา”

ประโยคเดียวของฉินซี ก็ชัดเจนอยู่แล้ว

อดทนอดกลั้นมานานหลายปี ในที่สุดก็ใกล้จะถึงเวลาหลุดพ้นเสียที

มีเพียงเวลาที่อยู่ต่อหน้าลู่เซิ่นเท่านั้น ฉินซีถึงจะสามารถทำตัวเป็นหญิงสาวที่ไร้เดียงสาได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลใจเรื่องอื่น ทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขก็พอ

ฉินซีรู้สึกโชคดีที่ตัวเองได้พบกับลู่เซิ่น

เขาเป็นคนที่ดึงเธอขึ้นมาจากหุบเหว จนเธอได้พบกับแสงสว่างอีกครั้ง ทำให้ตระหนักถึงความงามของโลกใบนี้ นั้นมีสีสันหลากหลาย จนทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่อยากจะเชยชมความเจริญรุ่งเรืองและความงดงามของมัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท