Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1372

ตอนที่ 1372

บทที่ 1372 เย็นถึงกระดูก

ลูกเศรษฐีไม่คิดว่า เธอคิดอยากจะฆ่าตนเองจริงๆ เขาก้มลงมองเสื้อตัวเองที่มีรอยเลือดสีแดงสด

“เลือด! เลือด! เลือด!”

ลูกเศรษฐีตัวสั่นมากยิ่งขึ้น ถังย่าขมวดคิ้ว

เธอจำเป็นต้องเอากริชห่างออกมาอีกหน่อย เพื่อป้องกันการที่เธอยังไม่ลงมือ แต่ลูกเศรษฐีกลับชนกริชเข้าเอง จนทำให้เส้นเลือกใหญ่เสียหาย

ถึงตอนนั้น เธอจะตายอย่างไม่คุ้มค่า

วินาทีต่อมา ลูกเศรษฐีตาเหลือก เป็นลมไปแล้ว

กลิ่นปัสสาวะกระจายมา สีหน้าถังย่าเคร่งขรึมขึ้นมาชั่วขณะ

ลูกเศรษฐีคนนี้ ถึงขนาดฉี่ใส่กางเกง ขี้ขลาดขนาดนี้ ยังกล้าออกมาจีบสาวเลียนแบบคนอื่นอีก ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาโตมาขนาดนี้ได้ยังไง

ถังย่าเก็บกริชเข้าไปไว้ในรองเท้าหนังอย่างเบื่อหน่าย

“อย่าขยับ! ยกมือขึ้น!”

ในขณะที่ถังย่ากำลังเตรียมตัวจะจากไป ก็มีเสียงเคร่งขรึมดังขึ้น

เธอหยุดฝีเท้าและหันไปมองคนที่กำลังเดินมา

หลังจากเห็นคนที่สวมเครื่องแบบตำรวจทั้งตัว ถังย่าก็ยิ้มน้อยๆ ออกมา

เธอคิดว่าใครมาเสียอีก ที่แท้คนเมื่อกี้ไปแจ้งตำรวจ

ถังย่าขยับตัวหันกลับมาอย่างสง่างาม มองตำรวจที่อยู่ตรงหน้า

มากันสามคน คนหนึ่งอ้วนๆ กลมๆ ดูๆ ไปใกล้จะหนึ่งร้อยกิโลกรัมแล้ว ถังย่าสงสัยเล็กน้อย ทั้งตัวเขามีไขมันมากขนาดนั้นยังวิ่งได้อีกไหม

อีกคนก็ตัวเตี้ยมาก ดูๆ ไปเหมือนแค่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรเท่านั้น ใบหน้ายังเต็มไปด้วยสิว

ถังย่าไม่มีความสนใจสองคนนี้เลยแม้แต่น้อย

สายตาของเธอตกอยู่ที่ร่างกายผู้ชายอีกคนที่เป็นหัวหน้า ดวงตาสวยงามส่องประกายประหลาดใจ

ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าทีมของหน่วยเล็กๆ หน่วยนี้ คิ้วหนาตาโต ดูเป็นคนมีความสามารถ

สีผิวของเขาอาจจะเป็นเพราะออกแดดบ่อยๆ มานานหลายปี เป็นสีคล้ำสุขภาพดี ตัดผมเกรียนสั้นดูสะอาดสะอ้าน เพิ่มกลิ่นอายความเป็นผู้ใหญ่ให้เขาได้อีกไม่น้อย

ถึงแม้ถังย่าจะมีผู้ชายหล่อเหล่ารายล้อมข้างตัว แต่ตอนที่เธอเห็นตำรวจที่อยู่ตรงหน้า ก็ยังประทับใจกับรูปร่างหน้าตาเขา แต่ก็แค่ชั่ววินาทีเท่านั้น

เขาไม่ใช่คนประเภทเดียวกันกับจ้านเซินเลยแม้แต่น้อย

ถ้าบอกว่าจ้านเซินเป็นก้อนน้ำแข็งพันปีที่ไม่ละลาย หนาวเย็นจนเข้ากระดูก

งั้นเขาคงเป็นเหล็กร้อนที่ถูกเผาร้อน จนน่าตกใจ

“เจ้านายหลอ! ใช่เธอ เป็นเธอที่เพิ่งใช้กริชฆ่าคนไปเมื่อกี้”

เห็นลูกเศรษฐีเป็นลงล้มไป ตำรวจคิดว่าเขาตายไปเสียแล้ว รีบตะโกนเรียกเสียงอย่างร้อนใจ

เขาหลบอยู่ที่ไกลๆ กลัวว่าถ้าถังย่าลงมือ แม้แต่ตัวเขาเองก็จะไม่ปล่อยไป

“เจ้านายหลอ…”

ถังย่าเอ่ยชื่อนี้ในใจอย่างเงียบๆ หนึ่งครั้ง ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มลึกซึ้ง

เห็นท่าทางถังย่ายังคงมีสีหน้าสบายอกสบายใจทั้งที่ลงมือฆ่าคนกลางถนน เจ้านายหลอแสดงความโกรธออกทางสีหน้า : “ยกมือขึ้น!”

เขาพูดอีกครั้งเม้มริมฝีปากแน่น

ริมฝีปากแดงของถังย่าขยับ : “เจ้านายหลอ ใช่ไหม”

เธอมองตรงไปที่เจ้านายหลอ รอเขาตอบกลับมา

ในมือเจ้านายหลอถือปืนอยู่ และเล็งไปที่ถังย่าเรียบร้อยแล้ว ถ้าเธอกล้ามีพฤติกรรมที่ไม่สมควร เขาจะลงมือจับตายถังย่าในทันที

มองท่าทางเข้มแข็งตรงไปตรงมาของเขา รอยยิ้มตรงมุมปากของถังย่ายิ่งลึกลงไปอีก

“เจ้านายหลอ สมาธิคุณดีมาก น้อยคนมากที่หลังจากเห็นฉันแล้วจะไม่หวั่นไหว คุณเป็นคนแรกที่ถือปืนได้มั่นคงมากคนหนึ่ง”

ถังย่าพูดหยอกล้อ ดวงตาดำสนิทส่องประกายความขี้เล่น

เธอไม่ได้พูดเล่น ตั้งแต่เมื่อก่อนเวลาที่ออกปฏิบัติภารกิจ คนพวกนั้นถ้าใครเห็นหน้าเธอ ไม่แสดงท่าทีโลภออกมา สุดท้ายก็ถูกเธอฆ่าได้สำเร็จ

ความงามก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคในการฆ่าคนของถังย่า

หลังจากเจ้านายหลอได้ยินคำพูดของเธอ มือที่ถือปืนไว้สั่นเล็กน้อย

เขารีบสงบสติหายใจเข้าลึกๆ กดความหวั่นไหวในใจไว้ : “ไม่ต้องพูดจาไร้สาระ ยกมือขึ้น!”

แน่นอนเขาบอกถังย่าไม่ได้ว่าเขาถูกทำให้ตื่นตกใจแค่ไหน แต่เพราะจรรยาบรรณของอาชีพ เขาต้องไม่หลงใหลไปกับถังย่า ด้านหลังเขามีกลุ่มประชาชนที่อ่อนแออยู่มากมาย

เขาไม่สามารถทนดูถังย่าทำผิดต่อไปได้อีกแน่นอน

“เจ้านายหลอ ขอถามหน่อยว่าทำไมฉันต้องยกมือขึ้น ฉันทำเรื่องอะไรผิดไปหรือ?”

ถังย่ายืนอยู่ที่เดิม สีหน้าไม่รู้สึกผิดมองไปที่ผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหล่ากล้าหาญและเคร่งขรึม

ดวงตาส่องประกายไร้เดียงสาบนใบหน้าที่สวยงาม

เธอดูช่างบริสุทธิ์ ถ้าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่เห็นกับตาว่าเธอเอากริชออกมา ทำให้ลูกเศรษฐีคนนั้นตกใจจนเป็นลมไป ก็คงจะถูกท่าทีอย่างนี้ของเธอหลอกไปแล้ว

เจ้านายหลอเห็นเธอไม่มีเหตุผล จึงอดที่จะส่งเสียงที่หนักแน่นยิ่งขึ้นออกไปไม่ได้ : “ทำไมคุณต้องฆ่าคนกลางถนน!”

เขามองถังย่าด้วยใบหน้าหวาดระแวง ราวกับว่าเธอเป็นคนเลวที่ทำบาปอย่างร้ายแรงจนไม่น่าให้อภัย

เห็นท่าทางระมัดระวังของเขา ถังย่าจึงพูดอย่างเฉยเมยว่า : “เจ้านายหลอ คุณพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก ฉันลงมือฆ่าคนบนถนนตอนไหน ฉันพลเมืองดีคนหนึ่งที่เคารพกฎหมายมาโดยตลอด หวังว่าคุณจะมองดูอย่างชัดเจนว่าจริงแล้วใครผิด อย่าโทษคนที่ทำดี”

ถังย่ากล่าวอย่างมีเหตุผล คำพูดเหล่านี้ของเธอทำให้ไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้งได้

โดยอย่างยิ่งเธอแสดงได้ดีมาก ทำให้คนเกือบจะเข้าใจว่าเธอพูดจริง

ตำรวจสองนายด้านหลังเจ้านายหลอเริ่มลังเลแล้ว เดาว่าหรือถังย่าอาจจะไม่ได้ทำจริงๆ ละ?

ดีที่เจ้านายหลอยังมีสติอยู่บ้าง : “งั้นผู้ชายที่อยู่ข้างคุณเป็นอะไรไป รอยเลือดบนคอเขา ไม่ใช่เพราะคุณลงหรือไง?”

เขาจ้องถังย่า เหมือนจะรอดูว่าเธอจะอธิบายยังไงได้อีก

มีทั้งพยานบุคคลพยานหลักฐาน วันนี้ถังย่าหนีไม่รอดแน่

แต่ทว่า ถังย่ากลับทำสีหน้าไร้เดียงสากะพริบตาปริบๆ ตามเดิม : “นี่เพราะตัวเขาเองมาชนเข้ากับกริชของฉัน จะมาโทษฉันได้ยังไง”

เธอพูดอย่างสบายใจ โดยไม่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิดมา

เมื่อพูดแบบนี้ออกมา สีหน้าของเจ้านายหลอก็เคร่งขรึมขึ้นชั่วขณะ

“คุณ!”

เจ้านายหลอสุดหายใจเข้าลึกๆ : “คุณรีบดูชีพจรของผู้โดนทำร้ายปกติไหม”

เขามองตำรวจตัวเตี้ยที่อยู่ด้านหลังคนนั้น และออกคำสั่งเสียงทุ้มต่ำ

“คุณไปสถานีตำรวจกับฉัน ไปรับการตรวจสอบ!”

เจ้านายหลอมองถังย่า ไม่ฟังเธออธิบาย

“งั้นก็ได้ ฉันไปกับคุณ…”

ถังย่ายืนอยู่ที่เดิมอย่างว่าง่ายและพยักหน้า

ในขณะที่ทุกคนคิดว่าในที่สุดถังย่าก็ยอมหยุดแล้ว เธอก็อ้าปากถามขึ้นมาอีกครั้งอย่างกะทันหัน : “เจ้านายหลอ ฉันไม่ใส่กุญแจมือได้ไหม ของเล่นชิ้นนี้น่าเกลียด แถมยังทำให้มือฉันเจ็บ ฉันไม่อยากใส่”

ประโยคนี้พูดออกมา สีหน้าของเจ้านายหลอเปลี่ยนไปชั่วขณะ

เขาไม่เคยเห็นผู้ต้องสงสัยคนไหนกล้าขนาดนี้มาก่อน ยังกล้าต่อรองกับตำรวจ หรือว่าเห็นว่าตัวเองสวย เลยกล้าหยิ่งขนาดนี้

ปกติแล้วเวลาที่ผู้ต้องสงสัยถูกจับ จะตื่นกลัวกระวนกระวาย

แต่ถังย่ากลับไม่แม้แต่จะคิดหนี คุ้นเคยจนทำให้คนตกใจ

เจ้านายหลอกัดฟันพูด มองแววตาถังย่าด้วยความระมัดระวัง : “ได้ยินคุณพูดแบบนี้ ก่อนหน้านี้คงใส่มาไม่น้อยสินะ?”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท