Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1385

ตอนที่ 1385

บทที่ 1385 ไม่เจอกันนาน

โจวเอ้อมองเขาแปลกใจ ถามอย่างไม่แน่ใจ

“แน่ใจ”

ลู่เซิ่นเงยหน้า มองเขาตรงๆ

สายตาของเขาสงบนิ่งขนาดนั้น ทำให้จิตใจของโจวเอ้อค่อยๆ สงบลง

โจวเอ้อเห็นเขาไม่ตื่นตูม สูดลมหายใจลึก ตัดสินใจพนันกับลู่เซิ่น

เขาก็เก็บอาวุธ พึมพำ “ได้ งั้นเปิดประตูนะ”

ข้างนอก ถังย่ารอจนหงุดหงิดแล้ว

ขณะที่ถังย่าเตรียมให้ ซิวหน่ายซิง ที่มาด้วยกันถีบประตู ก็ได้ยินเสียง “แกร๊ก!”

โจวเอ้อเปิดประตูคฤหาสน์ มองเห็นใบหน้าสวยสะดุดตาของถังย่า

ถังย่ามองเห็นเขา สายตามีประกายนิดหนึ่ง

“สวัสดีค่ะ”

ถังย่าทำมือ ทักทายเขาอย่างกันเอง

ด้านหลัง ซิวหน่ายซิง ก็มองเขายิ้มแย้ม ในใจรู้สึกหนาว

ต้องรู้ว่า ถังย่าปกติไม่ยิ้มดีใจขนาดนั้น ทุกครั้งที่เธอแสดงออกอย่างนี้ มักจะมีคนโชคร้าย

โจวเอ้อมองเธออย่างสงสัย แต่ไม่พูดอะไร

“ฉันมาหาลู่เซิ่นค่ะ เขาอยู่ไหมคะ”

ถังย่าเห็นเขาไม่สนใจตัวเอง ก็ไม่โกรธ

เธอมองเข้าไปข้างใน การแสดงออกสบายๆ ราวกับมาหาเพื่อนที่บ้าน

ลู่เซิ่นได้ยินเสียงเขา ริมฝีปากบางขยับ “โจวเอ้อ ให้เธอเข้ามา”

เขาวางถ้วยชาในมือลง มองไปทางประตู

ข้างนอก ถังย่าได้ยินเสียงของเขา มุมปากเผยอนิดหนึ่ง “รบกวนหลบหน่อยค่ะ ลู่เซิ่นให้ฉันเข้าไปค่ะ”

เธอพูดพลาง เดินเข้าไปใกล้โจวเอ้อ

รอยยิ้มของถังย่ามีเสน่ห์น่าหลงใหล แต่โจวเอ้อกลับรู้สึกว่าอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามา

โจวเอ้อไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า แต่เขารู้ดี เธอติดตามจ้านเซินได้นานขนาดนี้ กลายเป็นมือแขนของเขา ไม่มีทางสมองทึ่มแน่

คนในองค์กรส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย เธอสามารถโดดเด่นท่ามกลางผู้ชายที่แข็งแกร่งขนาดนั้น พิสูจน์ได้ว่าถังย่าเก่งกาจแค่ไหน

คิดถึงตรงนี้ โจวเอ้อระมัดระวังถังย่ามากขึ้น

มองเห็นเขาเกร็ง ถังย่ายิ้ม “ไม่ต้องกังวลค่ะ วันนี้ฉันไม่ได้มาหาเรื่อง แค่มีเรื่องอยากจะคุยกับลูกพี่พวกคุณหน่อย”

ถังย่าเดินเข้ามา ยืนประจันหน้าโจวเอ้อ ตบไหล่เขาเบาๆ พูดปลอบใจเขา

ทว่า ท่าทางของเธอ ไม่ทำให้โจวเอ้อหยุดสงสัย

โจวเอ้อถอยหลังครึ่งก้าว หลบเธอ “คุณถัง เชิญครับ”

เขาพูดเรียบๆ สายที่มองถังย่าเต็มไปด้วยการป้องกันตัว

“อ้อ ค่ะ”

มือถังย่าชะงักกลางอากาศอย่างเก้อเขิน รอยยิ้มที่มุมปากเกร็งนิดหนึ่ง

แต่ครู่เดียว ถังย่าก็ปรับอารมณ์ กลับมาปกติ เดินไปทางห้องรับแขก

ถังย่าเมื่อเดินเข้าไป ก็เห็นลู่เซิ่นนั่งบนโซฟา กำลังมองเธอ

สายตาคมกริบเช่นนี้ ทำให้เธอนึกถึงจ้านเซิน

ในสายตาของถังย่า ลู่เซิ่นคล้ายกับจ้านเซินมาก

แต่อุปนิสัยของจ้านเซินเลือดเย็นกว่า ขณะที่ลู่เซิ่นมีชีวิตชีวามากกว่า

ความแตกต่างนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่เติบโตมาต่างกัน การศึกษาก็ต่างกัน จึงทำให้นิสัยของทั้งสองคนต่างกันคนละขั้ว

ทัศนคติและวิธีการจัดการเรื่องต่างๆ จ้านเซินยิ่งแตกต่างจากลู่เซิ่นมาก

“ประธานลู่ ไม่เจอกันนานนะคะ”

ถังย่าฉีกยิ้มตามมาตรฐาน มองแล้วไม่มีอันตรายอะไร

แต่ลู่เซิ่นเคยเรียนรู้วิธีการของเธอมาแล้ว ยังคงระมัดระวังตัวมาก

ลู่เซิ่นมองเธอสายตาเย็นชา “คุณถัง เพิ่งปฏิบัติภารกิจเสร็จ ก็รอไม่ไหวรีบมาหาผมถึงบ้าน น่าจะรีบด่วนจริงๆ”

เขาพูดจาประชดประชัน สีหน้าบอกบุญไม่รับกับถังย่า

เมื่อลู่เซิ่นพูดให้เธอลำบากใจ ถังย่าก็ไม่โกรธ

ถังย่ายิ้มบางๆ ที่มุมปาก สายตาที่มองลู่เซิ่นเป็นประกายเหมือนแสงดาว “ประธานลู่ ฉันไม่ได้เจอคุณนาน ก็เลยคิดถึงคุณไม่ได้หรือคะ”

หลังเรียนรู้จากข้างนอกเมื่อครั้งก่อน ตอนนี้ถังย่าเปลี่ยนไปมาก

สิ่งที่องค์กรสอนมีประโยชน์มากก็จริง แต่เมื่อออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอก ย่อมเจอสถานการณ์ต่างๆ มากมาย ไม่ใช่ทุกอย่างจะเหมือนในชั้นเรียน

คนที่ปฏิบัติภารกิจ ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้กลมกลืน

คนที่ไม่อาจปรับตัวเข้ากับสังคมได้ ในที่สุดก็จะถูกคัดออกไป นี่คือกฎการเอาตัวรอดของสิ่งมีชีวิต

เมื่อก่อนถังย่าไม่เข้าใจจุดนี้ รู้แต่เพียงใช้กำลังด้านเดียวเท่านั้น

เธอรู้สึกมาตลอด เบื้องหน้าอาวุธที่มีแสนยานุภาพ อย่างอื่นเป็นแค่ศาสตร์เล็กๆ

ต่อมา ขณะถังย่าทำงานหนึ่ง เสียเปรียบหนักมาก เกือบจะไม่มีชีวิตรอดกลับมา ถึงได้เข้าใจ สายตาของตัวเองที่มองโลกนั้นแท้จริงแล้วตื้นเขินขนาดไหน

ดังนั้น ถังย่าจึงเปลี่ยนแปลงตัวเอง

การเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ ทำให้ลู่เซิ่นรู้สึกประหลาดใจมาก

บอกว่าไม่เจอกันนาน ที่จริงผ่านไปแค่ไม่ถึงหนึ่งเดือนเท่านั้น

ถังย่าเปลี่ยนไปราวกับคนละคน

ถังย่าเป็นแบบนี้ไม่รู้ว่าเป็นมาอย่างไร ลู่เซิ่นมองเธอ ความระมัดระวังในสายตามากขึ้น “คุณจะทำอะไรกันแน่ ที่นี่ไม่ใช่ที่คุณนึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไปนะ”

ในตอนแรก ถังย่าหาข้ออ้างเข้าใกล้ฉินซี คอยตามเธอเป็นเงาตลอด

แกล้งทำเป็นช่วยฉินซี ที่จริงคอยจับตาดูฉินซี และยังเอาความเคลื่อนไหวทั้งหมดของฉินซี ไปรายงานให้จ้านเซินรับรู้โดยละเอียดไม่มีตกหล่น

ฉินซีดูเหมือนอยู่ข้างนอกเป็นอิสระหนึ่งปี ที่จริงถูกองค์กรและจ้านเซินควบคุมอยู่ตลอดเวลา

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลู่เซิ่นก็รู้สึกเสียใจมาก

เพราะจ้านเซินเป็นสาเหตุ ลู่เซิ่นยิ่งโกรธถังย่ามากขึ้น

ถังย่ารู้สึกได้ชัดถึงอารมณ์ของเขาที่เปลี่ยนไป รอยยิ้มยังไม่หายไป “ในเมื่อประธานลู่รีบร้อนอยากจะรู้ งั้นฉันจะบอกตรงๆ นะคะ”

เธอไม่เพียงแต่เชิญตัวเองเข้ามา ยังนั่งลงบนโซฟาด้วย

ซิวหน่ายซิง ยืนอยู่ข้างหลังเธออกสั่นขวัญแขวน อดที่จะถอนหายใจอยู่เงียบๆ ไม่ได้ “สมแล้วที่เป็นลูกพี่ ในด้านความกล้าหาญ บอกว่าถังย่าเป็นที่สอง ก็ไม่มีใครกล้าเป็นที่หนึ่งแล้ว”

ถังย่านั่งสบายๆ บนโซฟา ท่าทางนั่น อย่างกับอยู่ที่บ้านตัวเอง ส่วนลู่เซิ่นต่างหากที่เป็นแขกรับเชิญ

“ฉันหวังว่าจากนี้ไปคุณจะตัดสัมพันธ์กับฉินซี พวกคุณสองคนไม่มีวันเป็นไปได้”

ถังย่าพูดตรงไปตรงมา สายตามองลู่เซิ่นเป็นประกาย

เธอพูดเช่นนี้เพราะหวังดีกับลู่เซิ่นและฉินซี

เพราะมีลู่เซิ่นอยู่ ฉินซีถึงได้อยากจะออกจากองค์กรใจจะขาด

เมื่อก่อนฉินซีไม่ใช่อย่างนี้ เธออยู่ในองค์กร แม้อารมณ์ความปรารถนาเรื่องพวกนี้จะไม่ถูกควบคุม แต่ลูกน้องในองค์กรก็เชื่อฟังเธอทั้งนั้น

ถังย่าถึงกับรู้สึกว่า เป็นเพราะลู่เซิ่นชักนำ ถึงได้ทำให้ฉินซีสับสนทีละนิด เกิดความคิดต่อต้าน ไม่อยากอยู่กับองค์กรอีก

เสียงเย็นเยียบดังขึ้นหลังเธอพูดจบ

“ไม่มีทาง!”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท