Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1387

ตอนที่ 1387

บทที่ 1387 คุณมีความสุขไหม

หน้าอกของเธอเต้นกระเพื่อม มองสายตาของลู่เซิ่นที่โมโหขึ้นมาก “ในเมื่อประธานลู่ไม่มีเจตนาประนีประนอม งั้นฉันไม่เสียเวลาพูดกับคุณแล้ว ขอตัวกลับก่อนค่ะ”

เมื่อพูดจบ ถังย่าก็ทำท่าจะเดินออกไป

“ถังย่า คุณรู้สึกว่าตอนนี้ระงับอารมณ์ มองดูจ้านเซินทำเพื่อฉินซีมากมาย คุณมีความสุขมั้ย”

ลู่เซิ่นพูดขึ้นขณะที่เธอกำลังจะเดินไป

เขาเห็นถังย่าตัวเกร็ง

ถังย่าได้ยินเสียงใจของตัวเองแตกสลาย เธอไม่รู้มันเรียกว่าอะไร รู้แต่เพียงมันเจ็บ

เธอเข้าใจดีนี่อาจเป็นวิธีของลู่เซิ่น แต่ความรู้สึกปวดร้าวใจเป็นเรื่องจริง

ถังย่าหลับตาลง สูดลมหายใจลึก

ขณะที่เธอหันกลับมาอีกครั้ง ใบหน้ากลับมาปกติอีกครั้ง ”ประธานลู่ ฉันคิดว่าคุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ ความรู้สึกของฉันกับจ้านเซินก็แค่ลูกน้องเคารพเจ้านาย และซาบซึ้งที่เขามอบชีวิตที่ดีให้ฉัน ไม่มีความรู้สึกอื่น คุณก็รู้คนในองค์กร นอกจากฉินซีแล้วเป็นหุ่นยนต์ไร้หัวใจทั้งนั้น”

ขณะที่ถังย่าพูด ตั้งใจเน้นคำ “หุ่นยนต์” สองคำนี้

เธอพูดจริงจังมาก แต่ลู่เซิ่นรู้ดี เธอเสแสร้งแกล้งทำ

คนที่ไม่มีความรู้สึกที่แท้จริง ไม่มีทางที่อารมณ์จะขึ้นลง

ก็เหมือนตอนที่ลู่เซิ่นเห็นถังย่าครั้งแรก ถังย่าเย็นชาขนาดนั้น น้ำเสียงขณะพูดราบเรียบเป็นเส้นตรง เธอยิ้มไม่เป็น ร้องไห้ไม่เป็น ใบหน้าไร้อารมณ์ตลอดเวลา

ต่อมา ลู่เซิ่นพบกับคนในองค์กรหลายคน ต่างมีสีหน้าท่าทางเหมือนตอนที่เจอถังย่าครั้งแรก

พวกเขาเป็นหุ่นยนต์ ตอนนี้ถังย่ากลับไม่ใช่

ขณะที่เธอสัมผัสกับโลกภายนอก ค่อยๆ รับอิทธิพลจากโลกภายนอก เริ่มมีหัวใจ

เพียงแต่ตอนนี้ถังย่าหวั่นกลัว เธอแค่ไม่กล้ายอมรับเรื่องนี้เท่านั้น”

“คุณเป็นหุ่นยนต์หรือไม่ คุณรู้ดีแก่ใจกว่าใคร ถังย่าคุณหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้นะครับ”

ลู่เซิ่นพูดเรียบๆ นั่งบนโซฟาจิตใจสุขุม

เห็นๆ ว่าบรรยากาศรอบตัวเขานิ่งสงบขนาดนั้น แต่ถังย่ากลับรู้สึกถึงบรรยากาศกดดันที่มองไม่เห็นมากขึ้นหลายเท่า แรงกดดันที่รุนแรงนั้น ทำให้ในใจถังย่าราวกับมีก้อนหินยักษ์อุดอยู่ จนหายใจไม่ออก

ความรู้สึกถูกสอดแนมจนทะลุปรุโปร่ง ลอยเข้ามาในหัวสมองของถังย่า

ถังย่าไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะสลัดความรู้สึกนี้ออกไปได้ กระวนกระวายใจสุดแสน

เธอเม้มริมฝีปาก ยืนแข็งทื่อที่เดิม

เวลานี้เอง ตั้งแต่เข้ามา ซิวหน่ายซิงที่เงียบมาตลอดก็พูดขึ้น “พอแล้ว!คุณหยุดล้างสมองลูกพี่ของเราได้แล้ว ลูกพี่ของพวกเราผ่านการฝึกฝนมากมาย คุณคิดว่าแค่คำพูดสองสามคำจะทำให้ลูกพี่ของเราเชื่อคุณ ช่วยคุณทำงาน หักหลังองค์กรงั้นหรือ”

ซิวหน่ายซิงพลันก้าวมาข้างหน้า ตวาดเสียงดัง

เขาไม่รู้สึกหวาดกลัว เพราะสถานะของลู่เซิ่น

ซิวหน่ายซิงยืนบังถังย่า เหมือนกำแพง กั้นขวางการติดต่อระหว่างถังย่ากับลู่เซิ่น

รูปร่างของเขาสูงใหญ่ขนาดนั้น บังถังย่าเสียมิด

ไม่มีประกายสายตาของลู่เซิ่นจ้องมอง ในใจถังย่าโล่งอก

เธอมองด้านหลังของซิวหน่ายซิง ในใจความรู้สึกปนเปบอกไม่ถูก

ถังย่ารู้สึกมาตลอดซิวหน่ายซิง เอ้อระเหยลอยชาย ไม่แป็นโล้เป็นพาย แต่ในเวลาสำคัญ เขากลับออกหน้าช่วยฉุดเธอไม่ให้ตกหน้าผา

ไม่ว่าตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ ถังย่าก็ดีใจที่เขาออกหน้า

แม้จะเป็นเรื่องควรทำส่วนลูกน้อง

ลู่เซิ่นมองเขาเหมือนเด็กๆ ขมวดคิ้ว “ผมไม่ได้สอนคุณถังทรยศองค์กร ก็แค่หวังว่าเธอจะเป็นตัวของตัวเองไม่ถูกกฎเกณฑ์ ระเบียบพวกนั้นจูงจมูกอีก คนเราชีวิตหนึ่ง ทำเพื่อความสุข ไม่ใช่หรือครับ”

เขามองออกซิวหน่ายซิง ลึกๆ ก็เป็นคนสบายๆ เรื่อยๆ

พูดกันตามเหตุผลแล้ว คนอย่างซิวหน่ายซิงประเภทนี้ น่าจะชอบอิสระเสรี ไม่น่าจะถูกล้างสมองและควบคุมง่ายๆ

เช่นนั้น เขาเข้ามาอยู่ในองค์กร ทุ่มชีวิตเพื่อองค์กรได้อย่างไร

อันที่จริง ซิวหน่ายซิงเมื่อพูดถึงความสำคัญแล้ว ไม่ถือว่าเป็นบุคลากรสำคัญขององค์กร

อย่างมากเขาก็เป็นแค่สายข่าวนอกองค์กรเท่านั้น

เพราะว่า ซิวหน่ายซิงคือคนที่ถังย่าขณะปฏิบัติภารกิจข้างนอก บังเอิญช่วยชีวิตไว้

ถังย่าเองไม่คิดจะช่วยเขา คิดว่ามีภาระเพิ่มขึ้น มันน่ารำคาญมาก

แต่อารมณ์ชั่ววูบ เห็นสายตาน่าสงสารของซิวหน่ายซิงขนาดนั้น ถังย่าคิดถึงตัวเองตอนเด็กๆ ก็โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพิงเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงยื่นมือเข้ามาช่วยซิวหน่ายซิง และยังสอนกังฟูหมัดมวยให้เขาด้วย เริ่มค่อยๆ สอนเขา ให้เขาเป็นลูกน้องคนสนิทของตัวเอง

ซิวหน่ายซิงไม่ยอมแพ้ เติบโตอย่างรวดเร็ว

ทีละเล็กละน้อย ถังย่าก็เคยชินที่มีซิวหน่ายซิงคอยติดตาม

จ้านเซินในตอนแรกก็ไม่เชื่อใจซิวหน่ายซิง ไม่เห็นด้วยที่เขามาติดตามถังย่า รู้สึกว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องทรยศ แต่เมื่อซิวหน่ายซิง พิสูจน์ตัวเองและถังย่ายืนยัน จึงยอมรับเขา

หลายปีมานี้ ซิวหน่ายซิงติดตามถังย่าตั้งใจทำงาน ไม่เคยทำงานผิดพลาดสักครั้ง และยังช่วยงานได้มาก ทำให้ถังย่าวางใจไปได้มาก

เมื่อจ้านเซินเห็นความสามารถและผลงานของเขาก็ยอมรับเขามากขึ้นเรื่อยๆ

ถึงอย่างไรซิวหน่ายซิงยังไม่มีคุณสมบัติเข้าภายในองค์กร

ซิวหน่ายซิงเองก็ไม่อยาก เขาเพียงแค่อยากติดตามถังย่า เป็นเพื่อนเธอตลอดไป

“ใครพูดคะ…”

ขณะที่ซิวหน่ายซิงอยากจะอ้าปากโต้แย้งนั้น ถังย่าที่อยู่ข้างหลังก็เดินออกมา

ถังย่าเดินไปยืนต่อหน้าลู่เซิ่น ใบหน้าเคร่งเครียด ”ใครเป็นคนบอกคะชีวิตหนึ่ง เพื่อความสุข คุณน่าจะทราบคนมากมายเพื่อมีชีวิตอยู่ ยากกลำบากแค่ไหน เพื่อปัจจัยสี่ มีที่หลับที่นอน ไม่ถูกไล่ไปก็มีความสุขแล้ว ยังมีเวลาที่ไหนกันคิดเรื่องพวกนี้”

เสี้ยวเวลานี้ ถังย่ารู้สึกว่า ลู่เซิ่นไร้เดียงสามาก

เขาไม่รู้เรื่องความทุกข์ยากของคนรากหญ้าในสังคมสักนิด อยู่แต่ในโลกอุดมคติของตัวเอง

“คุณอยู่ในด้านสว่าง จึงรู้สึกว่าทั้งโลกนี้คือด้านสว่าง”

ริมฝีปากแดงขยับนิดๆ ถังย่าพูดช้าๆ ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ย

ความสุข!สำราญ!

ฮ่าๆ

ช่างเป็นเรื่องที่เกินคาดหวัง ตัวความสุขเองก็ยากแล้ว โดยเฉพาะกับผู้ใหญ่

ถ้าไม่เชื่อ ก็ไปทำสำรวจสังคมได้ ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ต่างไม่มีความสุข ทุกวันอยู่ในโลกที่ต้องหาเงิน เลี้ยงดูตัวเอง เลี้ยงพ่อแม่และลูกทั้งครอบครัว วนเวียนไปไม่สิ้นสุด ใช้ชีวิตแห้งแล้งไร้รสชาติ แต่เพราะภาระความรับผิดชอบ จำต้องเอาตัวรอด

สายตาของถังย่าคมกริบ ทำให้ลู่เซิ่นไม่รู้จะพูดอย่างไรดี

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท