Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1394

ตอนที่ 1394

บทที่1394 เผยความในใจ

ฉินซีไม่รู้ว่าถังย่าจะบอกจ้านเซินไปแล้วไหมว่าลู่เซิ่นกำลังมาเธอ

เธอยังคงเดินเล่นอยู่ในสวนด้านหลัง ยากมากกว่าจะได้ออกมา เธอก็อยากจะอยู่ให้นานกว่านี้

ฉินซีเหลือบไปเห็นชิงช้าที่มุม ดวงตาเมล็ดซิ่งสวยปรากฏร่องรอยความดีใจ

เธออดไม่ได้ที่จะวิ่งไปหาอย่างรวดเร็ว ก่อนนั่งลงบนชิงช้า

“นึกไม่ถึงว่าที่นี่จะมีเจ้านี่ด้วย”

ฉินซีชอบเล่นชิงช้าตอนเธอยังเด็ก เมื่อเธอเติบโตและได้เข้าร่วมองค์กรเธอก็ไม่เคยเล่นสิ่งเหล่านี้อีกเลย

ตอนนี้มาเห็นโดยบังเอิญ นึกไม่ถึงว่าเธอยังมีความทรงจำเหล่านี้

ซิวหน่ายซิงติดตามเธออย่างใกล้ชิด หนึ่งก็เพื่อกันไม่ให้เธอหนี สองคือกังวลว่าเธอจะกระทบกระแทกล้ม พอถึงเวลานั้นจ้านเซินจะนำความวุ่นวายมาให้เขา

เมื่อมองไปที่รอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของเธอ ซิวหน่ายซิงยิ้มบาง ก็พูดว่า “อยากเล่นไหมครับคุณฉิน? ถ้าอยากเล่น ผมจะผลักจากข้างหลังให้”

เขาทำเหมือนฉินซีเป็นเหมือนเด็ก

ฉินซีส่ายหน้า “ไม่ต้องค่ะ ฉันจะทำเอง”

เมื่อพูดจบ เธอจึงนั่งบนชิงช้าแตะเท้าลงพื้นเบาๆ ก่อนจะเริ่มแกว่ง

ร่างของชีวิตชีวาราวกับนกน้อยบนท้องฟ้าใหญ่ ชั่วขณะนั้น เธออยากจะกลายร่างเป็นนกจริงๆ กางปีกและโบยบินออกไปจากกรงที่กักขังตัวเองไว้

เธอค่อยๆ หลับตาลง สัมผัสได้ถึงสายลมที่พัดผ่านแก้มเบาๆ

เมื่อฉินซีต้องการที่จะแกว่งให้สูงขึ้นไปอีก จู่ๆก็มีมือมาจับที่เชือกทั้งสองด้าน บังคับให้ชิงช้าที่เธอนั่งนั้นหยุดไว้

ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย ก่อนค่อยๆลืมตาขึ้น เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่กับดวงตาที่ดูว่างเปล่าของจ้านเซิน

ใจของเธอกระตุกขึ้นมาที่หนึ่ง

ความรู้สึกไม่ปลอดภัยเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ฉินซีวางเท้าลงบนพื้น ก่อนจะปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว เธอยิ้มบางๆก่อนพูดกับเขา “จ้านเซิน ทำไมกลับมาเร็วละ คุยกับถังย่าเสร็จแล้วเหรอ?”

ฉินซีไม่โกรธที่โดนขัดจังหวะ เพราะว่าเธอรู้ว่าเธอจำเป็นต้องตามจ้านเซิน ถึงสามารถที่จะหนีออกไปได้

จ้านเซินไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองตรงมายังฉินซี

ดวงตาที่เฉียบแหลมคู่นั้น ทำให้หลังของฉินซีตัวชา

ฉินซียิ้มแหยๆ ยกมุมปากขึ้น “จ้านเซิน เป็นอะไรไป? ถังย่าไปไหนแล้วละ พวกเธอสองคนไม่ได้ออกไปด้วยกันเหรอ ทำไมไม่กลับมาด้วยกัน”

เมื่อเห็นจ้านเซินอยู่คนเดียว ถามกลับไปอย่างฉงน

ซิวหน่ายซิงอยากรู้มากว่าตอนนี้ถังย่าอยู่ที่ไหน เป็นไปได้ไหมว่าจะกลับไปก่อน

จ้านเซินนึกถึงสิ่งที่ถังย่าพูด

“เธอไม่ไดชอบคุณ เธอแค่แสร้งทำ เธอหลอกคุณ รอให้ลู่เซิ่นมาช่วย ใจของฉินซีไม่ได้อยู่ในองค์กรนานแล้ว ทำไมคุณยังจะทำแบบนี้อีกละ”

คำพูดของถังย่าเป็นเหมือนคำสาปสะท้อนก้องอยู่ในใจของจ้านเซินอยู่ตลอดเวลา

ยิ่งจ้านเซินคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ยิ่งโกรธ และจิตใจก็ยิ่งวุ่นวายมากขึ้น

เขาเม้มริมฝีปาก ทั้งร่างของเขาเหมือนมีกลิ่นอายที่อำมหิตแผ่กระจายออกมา

จ้านเซินดึงข้อมือของฉินซี “กลับไปกับฉัน”

จู่ๆเขาก็หันกลับอย่างรุนแรง พาฉินซีกลับไปยังห้องพักฟื้น

ฉินซีรู้สึกได้ว่าจ้านเซินโกรธ แต่ไม่รู้ว่าเขาโกรธเรื่องอะไร

เมื่อเผชิญหน้ากับความโกรธของจ้านเซิน ฉินซีไม่กล้าที่จะต่อต้าน

เธอทำได้เพียงถูกจ้านเซินพากลับไปเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไร

ในตอนนี้ ฉินซีก็เห็นถังย่าเดินมาอย่างช้าๆ

ฉินซีเปิดปากพูด “ถังย่า… …”

เธอเรียกชื่อถังย่า เธออยากรู้ว่าถังย่าไปพูดอะไรกับจ้านเซิน ทำไมเขาโกรธขนาดนี้

แต่ไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ถังย่าก็หันหน้าหนี

ถังย่าเดินผ่านฉินซีและจ้านเซินไปอย่างไร้ความรู้สึก เธอเดินไปยืนข้างซิวหน่ายซิง

เรื่องที่เธอทำได้เธอก็ทำแล้ว เรื่องที่ควรพูดก็บอกจ้านเซินไปแล้ว

แต่จ้านเซินไม่ฟัง เขาดึงดันต้องการให้ฉินซีอยู่เคียงข้างเขา แม้ว่าถังย่าจะปวดใจ แต่เธอทำได้แค่นี้

เมื่ออยู่ในตำแหน่งนี้ ฉินซีเห็นถังย่าเดินเฉียดไหลผ่านตัวเองไป

เธอขยับปากจะพูด แต่เมื่อเห็นท่าทีเฉยเมยของถังย่า ท้ายสุดเธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป

ฉินซีตอนนี้เข้าใจแล้วว่า ถังย่ากับจ้านเซินเป็นพวกเดียวกัน

เธอไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของถังย่าได้ เธอพึ่งพาได้แค่ตัวเอง

ฉินซีถูกจ้านเซินลากตัวไปที่ห้องพักฟื้นอย่างว่าง่าย

เธอนั่งอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล มองไปยังหน้าตาบูดบึ้งของจ้านเซิน ก่อนเปิดปากถามเขาเสียงเบา “จ้านเซิน ฉันอยากรู้ ทำไมคุณจู่ๆถึงโกรธฉัน”

ฉินซีมองตรงไปยังจ้านเซิน เธอต้องการฟังคำอธิบาย

แต่จ้านเซินไม่อยากจะอธิบายอะไร แค่คิดว่าที่ผ่านมาทั้งหมดเธอร่วมมือกับโจวซิงโกหกเขา จ้านเซินก็เลือดขึ้นหน้า

“ฉินซี เธอคิดอยากจะออกไปจากองค์กรจริงเหรอ?”

นี่เป็นครั้งแรกที่จ้านเซินพูดคุยปัญหานี้ตรงๆกับฉินซี

ก่อนหน้านี้ จ้านเซินหลีกเลี่ยงการที่จะต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาตลอด ฉินซีกังวลถ้าหากตัวเองพูดออกมาแล้ว จ้านเซินจะเพิ่มการป้องกันไม่ให้เธอหนีไปแน่นขึ้น เธอเลยไม่กล้าเปิดปาก

“ไม่นี่”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามของจ้านเซิน ฉินซีไม่ได้หันหน้ากลับไป และโกหก

ดวงตาของจ้านเซินเป็นเหมือนกระจกที่สามารถส่องเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจคนได้

เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ฉินซีไม่กล้าพูดความจริงออกมา

ดวงตาของจ้านเซินมีประกายเบาๆ เขาเน้นเสียงพูด “มองมาที่ฉัน แล้วพูดอีกครั้ง!”

ตอนนี้ฉินซีเรียนรู้ที่จะโกหก แถมยังไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ทำให้จ้านเซินปวดใจ

“ฉัน… …”

ฉินซีคิดอยากจะพูดซ้ำคำเดิมอีกรอบ จ้านเซินก็พูดอย่างเย็นชาขึ้นมาทันควัน “ฉินซี เธอคิดให้ดีก่อนตอบ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของเธอ”

จ้านเซินก้มลงไปมองเธอ น้ำเสียงขรึม

ตอนนี้ ฉินซีไม่รู้ว่าในใจกำลังรู้สึกอะไรกันแน่

เธอไม่เข้าใจว่าจ้านเซินหมายความว่าอะไร หรือเขาเตรียมจะปล่อยเธอไป?

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉินซีอดไม่ได้ที่จะมองเขา

แต่จ้านเซินลึกลับเกินไป ฉินซีสังเกตเขาแต่กลับไม่พบอะไร

ทันใดในใจฉินซีก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา บางทีเธอควรจะลองพูดดู

ปิดบังไว้แบบนี้ต่อไปก็ทำอะไรไม่ได้ มันต้องมีสักวันที่จ้านเซินต้องรู้

เมื่อนึกไปถึงว่าคืนนี้ลู่เซิ่นจะมาช่วยตัวเองออกไป ฉินซีก็รู้สึกว่าถึงเวลาต้องพูดแล้ว

หากสามารถแก้ไขได้ด้วยสันติวิธี ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องสูญเสีย

ถ้าหากจ้านเซินไม่เห็นด้วยกับการที่เธอต้องจากไป ก็พอดีกับที่เธอจะได้ไม่ต้องมานั่งอาลัยอาวรณ์กับสิ่งใด รอให้ลู่เซิ่นมา แล้วหลังจากนั้นก็ไปกับเขาเลย

จากนี้จนถึงวันที่โลกสิ้นสุด เธอกับลู่เซิ่น อย่างไรก็ไม่กลับมาอีกแล้ว

พวกเขาสามารถหาที่อยู่ที่จ้านเซินไม่สามารถหาเจอได้ ซ่อนตัวไว้ รอให้พวกเขาปล่อยวางเรื่องนี้ลงได้ แล้วค่อยหาโอกาสคืนดี

ฉินซีใช้เวลาสั้นๆภายในสองนาที คิดหาทางหนีที่ไล่ไว้เรียบร้อยแล้ว

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเผชิญหน้ากับดวงตาสีเข้มของจ้านเซินริมฝีปากสีแดงเปิดออก “ใช่ ฉันต้องการที่จะออกไปจากองค์กร”

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินซีเผยความในใจอย่างชัดเจนกับจ้านเซิน

ในขณะที่ฉินซีพูด นี่เป็นครั้งแรกในชั่วชีวิตของจ้านเซินที่ได้ยินเสียงหัวใจสลาย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท