Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1389

ตอนที่ 1389

บทที่ 1389 ข้อห้าม

โจวซิงส่ายหน้าให้ฉินซีนิดนึงเพื่อบอกว่าตอนนี้เธออย่าเพิ่งรีบทำอะไรไม่ยั้งคิด ดูก่อนว่าจ้านเซินจะทำอะไรกันแน่ค่อยว่ากัน

ฉินซีได้รับสาส์นแล้ว สะกดความแปลกใจไว้ ยิ้มบางๆ พูดขึ้น “ก็ดีค่ะ”

เธอลุกขึ้นยืน เดินไปหาจ้านเซิน

ฉินซีคิดแล้วพูดว่า “งั้นเราไปเดินเล่นที่สวนสักสองรอบมั้ยคะ ฉันเห็นดอกไม้ที่นั่นจากทางหน้าต่าง คิดว่าน่าจะสวยมากค่ะ”

เธอพูดกับจ้านเซินอย่างเป็นธรรมชาติ และสนิทสนม

จ้านเซินชอบที่เธอเชื่อฟังอย่างนี้ ก็พยักหน้า ไม่ปฏิเสธ “ดี”

ทั้งสองคนเดินเคียงไหล่กันออกไป

ฉินซีหัวไว แสร้งทำเป็นถามอย่างแปลกใจ ”จริงสิ เมื่อครู่ไปไหนมาคะ รีบร้อนจัง องค์กรเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ ต้องรีบกลับไปหรือเปล่าคะ”

เธอเลียบเคียงถาม

จ้านเซินไม่ปิดบังเธอตอบเรียบๆ “ ไม่ใช่ ถังย่าโทรมา”

ความสัมพันธ์ของถังย่ากับฉินซียังดีอยู่ ตั้งแต่ครั้งนั้นสองคนก็ไม่ได้เจอกันนานแล้ว

ฉินซียิ้มมุมปากบางๆ “ฉันไม่ได้เจอถังย่านานแล้ว เมื่อกี้ตอนเธอโทรมา ทำไมคุณไม่ให้เธอมาเป็นเพื่อนฉันคะ ตอนนี้ฉันได้แต่อยู่ในห้องพักผู้ป่วยทั้งวัน ไม่มีคนอยู่เป็นเพื่อนสักคน คุณเองก็ยุ่งมาก”

เธอพูดตลอดไม่หยุด ก็เพราะกลัวว่าถ้าบรรยากาศเงียบแล้ว ฉินซีจะทำหน้าไม่ถูก ถ้าเกิดจ้านเซินจับสังเกตได้ ก็จะน่าเสียดายที่ทุกอย่างเกือบสำเร็จแล้ว

“คุณอยากให้ถังย่ามาเป็นเพื่อนหรือ”

จ้านเซินพลันหยุดอยู่ที่เดิม จ้องมองฉินซี

น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมมาก ทำให้ฉินซีใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ

ฉินซีเองก็ไม่รู้ว่าทำไม เพราะตัวเองรู้สึกผิดเกินไป คิดมากไป หรือว่ามีเรื่องอะไร

เธอรู้สึก คำพูดของจ้านเซินมีนัยบางอย่างซ่อนอยู่

อันที่จริง ฉินซีคิดมากไปแล้ว

เวลานี้ ถังย่ายังอยู่ระหว่างเดินทางกลับ และยังไม่ได้บอกอะไรกับจ้านเซิน

ฉินซีพยายามฝืนยิ้ม แกล้งทำเป็นคิดถึงอดีต “แน่นอนค่ะ ตอนฉันอยู่ในองค์กร มีแค่ฉันกับถังย่าผู้หญิงสองคนอายุใกล้กัน ถึงแม้เราสองคนจะยุ่งมาก ปกติไม่ค่อยได้ติดต่อกัน แต่ยังผูกพันกัน”

เธอพูดถึงผูกพันสองคำนี้อย่างสบายใจ

“ผูกพัน…”

จ้านเซินพูดพึมพำซ้ำอีกรอบ

เมื่อสองคำนี้ออกจากปากของจ้านเซิน ฉินซีทันใดนั้นตกใจ

ซวยแล้ว!

เธอลืมได้อย่างไร สิ่งที่องค์กรเกลียดที่สุดคือผูกพัน

พวกเขาเป็นเพียงอาวุธที่องค์กรฝึกฝนขึ้นมา ความหมายการมีอยู่ของพวกเขาเพื่อรับใช้องค์กรเท่านั้น

พวกเขาไม่เหมาะที่จะมีความผูกพันที่ซับซ้อน และแต่งงานไม่ได้

นี่คือข้อห้ามขององค์กร แต่ ฉินซีกลับพูดออกมาอย่างสบายใจ

เสียงทุ้มของจ้านเซิน เหมือนมีดยังไงยังงั้น กรีดบนหัวฉินซี “เอ๊ะ ถังย่าตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ รีบเรียกให้เธอมาเร็วๆ”

ฉินซีรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

เธอพูดจาออดอ้อน หวังให้จ้านเซินเลิกสนใจปัญหาเมื่อครู่

จ้านเซินรู้ว่าฉินซีไม่อยากอยู่กับองค์กร ตอนนี้เขารั้งตัวฉินซีไว้ได้ แต่ไม่อาจรั้งใจเธอไว้ได้ “ถังย่าเมื่อกี้อยู่โรงพัก น่าจะเพิ่งกลับไปได้ไม่นาน รอเธอเก็บของเรียบร้อย ผมจะให้เธอมาหาคุณ”

ฟังจากที่ฉินซีพูดเมื่อครู่ จ้านเซินก็รู้ได้ว่า ฉินซีอยากจะออกไปอยู่ตลอด เพียงแต่เธอควบคุมตัวเองไว้ก็เท่านั้น

เมื่อคิดอย่างนี้ สีหน้าของจ้านเซินก็เคร่งขรึมขึ้นทีเดียว

บางทีเขาควรจะให้ถังย่ามาที่นี่ ให้ฉินซีคิดเรื่องงาน

ถ้ายังไม่ได้ผลอีก อย่างนั้นเขาก็จะบังคับพาฉินซีไป

ไม่สนว่าเธอจะได้รับความกระทบกระเทือนหรือไม่ ต่อให้ฉินซีปัญญาอ่อนแล้ว ไม่รู้ตัวแล้ว จะเป็นคนขององค์กรเท่านั้น จะเป็นจะตายอย่างไร ก็ต้องอยู่กับเขา

ความอยากครอบครองของจ้านเซินรุนแรงมาก เกินกว่าขอบเขตที่ฉินซีจะรับได้

ฉินซีไม่รู้ความคิดของเขา ยังคงเร่งให้เขารีบเรียกถังย่ามา

ถ้าหากถังย่าอยู่ด้วย เธอก็ไม่ต้องอยู่กับจ้านเซินสองต่อสอง

เธอรู้ว่าถังย่าชอบจ้านเซิน แต่ถังย่าเหมือนกับเธอ คืออาวุธที่องค์กรฝึกฝนมา ไม่เคยรู้ว่าความรักคืออะไร

ตอนนี้ฉินซีรู้จักกับความรักแล้ว แต่ถังย่ายังคงไม่รู้

ฉินซีรู้สึกว่า ตัวเองจำเป็นต้องทำให้ถังย่าเข้าใจ

เธอเรียกถังย่ามา หวังว่าถังย่าจะเห็นแก่ที่ทั้งสองคนเคยมีมิตรภาพดีๆ ต่อกันในองค์กร ช่วยเหลือเธอ ให้เธอหนีไปพบกับลู่เซิ่น

“โอเค”

จ้านเซินหยิบมือถือออกมา โทรออกไปหาถังย่า

ฝ่ายถังย่ากำลังรีบไปโรงพยาบาล เมื่อรับสายของจ้านเซินสีหน้าประหลาดใจ แต่ในใจรู้สึกอบอุ่น “ฮัลโหล”

เธอกำลังจะถามจ้านเซินมีเรื่องอะไร ปลายสายก็มีเสียงทุ้มต่ำเย็นชาของชายหนุ่มดังมา ”ฉินซีบอกว่าอยากเจอคุณ ตอนนี้คุณรีบมาโรงพยาบาลก่อน”

เดิมทีถังย่าควรจะทำตามคำสั่งของจ้านเซิน ไปเฝ้าจับตาลู่เซิ่น

ทว่า ตอนนี้เพราะคำพูดของฉินซี จ้านเซินเรียกเธอกลับมา

ถังย่าหัวใจเหมือนดำดิ่งลงก้นเหว เหมือนมีหินก้อนใหญ่จุกอก หายใจไม่ออก ความรู้สึกนี้ยากจะแบกรับไหว

การแสดงออกทางสีหน้าของเธอ จากปีติยินดี กลายเป็นหมอกอึมครึม

ซิวหน่ายซิงขับรถ พลางมองกระจกหลังสังเกตอากัปกริยาของถังย่า แอบถอนหายใจอยู่ในใจ

แต่เมื่อครู่ตอนคุยโทรศัพท์ ถังย่าไม่ได้แอบพูดไม่ให้เขาได้ยิน

เนื้อหาบทสนทนานั้นซิวหน่ายซิงจึงได้ยินหมดแล้ว

ที่จริง ลู่เซิ่นก็พูดไม่ผิด

ถังย่าชอบจ้านเซิน รักมากขนาดนั้น แต่เธอไม่กล้ายอมรับ

ถังย่ากังวลว่าเมื่อตัวเองยอมรับ ความรู้สึกจะกลายเป็นเมื่อปล่อยออกไปแล้วไม่อาจเรียกกลับมาได้ ถึงตอนนั้นก็ควบคุมไม่ได้แล้ว ถูกจ้านเซินและคนในองค์กรรู้ขึ้นมา ก็จะยุ่งยากแน่

เธอไม่อยากถูกขับไล่ออกไป และยิ่งไม่อยากถูกล้างสมองแบบที่ฉินซีเคยโดน ถูกบังคับให้ลืมความรู้สึกช่วงนั้น

ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม สถานะใดก็ตาม ขอแค่ได้อยู่เคียงข้างจ้านเซินต่อไป ถังย่ายอมทั้งนั้น

ความรักของถังย่ายิ่งใหญ่ขนาดนั้น และต่ำต้อยในขณะเดียวกัน

ซิวหน่ายซิง เข้าใจความรู้สึกของเธอ แต่ไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไรดี

ความรู้สึกนี้ ไม่ควรมีอยู่แต่แรก

ทีแรกซิวหน่ายซิงคิดว่า ด้วยความมุ่งมั่นของถังย่า จะต้องควบคุมความรู้สึกได้แน่ ไม่น่าใช่ปัญหา

แต่ขณะนี้ โดยเฉพาะหลังกลับมาจากปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ อารมณ์ของถังย่าก็เริ่มชัดเจนขึ้นแล้ว

ซิวหน่ายซิงเป็นห่วงถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่นานถังย่าจะต้องทำให้ตัวเองตกที่นั่งลำบากเป็นแน่

ตอนนั้นเมื่อจ้านเซินรู้แล้ว ด้วยนิสัยเย็นชาไร้หัวใจของเขา ถังย่าจะต้องปวดหัวหนักแน่

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท