Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1377

ตอนที่ 1377

ทที่ 1377 เกิดเรื่องแล้ว

ลู่เซิ่นหยิบแผนที่ที่พิมพ์ออกมาแล้วออกมาจากในลิ้นชัก วางแผนหาเส้นทางเข้าไปใหม่

หลังจากตระหนักได้ถึงความแน่นหนาในการป้องกันของโรงพยาบาล เดิมทีโจวเอ้อที่มองโลกในแง่ดีค่อยๆ หายไปตามอารมณ์

บรรยากาศในห้องหนังสือกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ

“หรือ พวกเราจะสร้างขึ้นมาเอง”

ลู่เซิ่นที่กำลังหมุนปากกาอยู่ในมือ พูดขึ้นมากะทันหัน

การจะเข้าทางปกติเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่หาวิธีอื่น

เขามองไปที่ลู่เซิ่นอย่างตื่นเต้น เลือดในใจร้อนขึ้น

ถึงแม้จ้านเซินจะร้ายกาจมาก แต่ใช่ว่าเขาและลู่เซิ่นจะยั่วยุได้ง่ายๆ

ลู่เซิ่นวางปากกาในมือลง จัดการวางแผน : “โจวเอ้อ คุณจัดการหาคนที่ไว้วางใจได้มาสักสามสี่คน ให้พวกเขาขุดอุโมงค์ไปทางสวนด้านหลังโรงพยาบาลข้ามวันข้ามคืน จำไว้ ต้องทำอย่างลับๆ อย่าให้พวกสายตาสอดส่องของจ้านเซินเห็นพิรุธ”

เขาพูดอย่างเคร่งขรึม แววตาส่องประกายไฟร้อนแรง

“ได้”

โจวเอ้อพยักหน้า ในใจประหม่าเล็กน้อย

จากข้อมูลที่โจวซิงสอบถามมาให้ สายตาที่จ้านเซินจัดไว้ทั้งหมด จะมีการเปลี่ยนผลัดทุกๆ สิบสองชั่วโมง โจวเอ้อเตรียมลงมือตอนนั้น จัดการหนึ่งคนในนั้น และเปลี่ยนตัวเองเข้าไปแทน ปลอมตัวพาคนเข้าไปขุดอุโมงค์

คิดจะทำก็ทำเลย

โจวเอ้อคว้าโอกาสไว้อย่างรวดเร็ว ปลอมตัวเป็นหนึ่งในยามได้สำเร็จ

“รีบเอาเขาไปขังไว้ อย่าให้เขาออกมาได้เด็ดขาด”

โจวเอ้อส่งยามที่สลบอยู่ให้ลูกน้อง ออกคำสั่งน้ำเสียงเร่งรีบ

หลังจากโจวเอ้อรอจนกระทั่งเห็นยามถูกเคลื่อนย้ายไปกับตา เขาจึงวะวางใจและกลับไปยังตำแหน่งแทนเขา

คนที่เหลือ เริ่มขุดอุโมงค์ภายใต้การดูแลของโจวเอ้อ

……

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากจ้านเซินได้รับโทรศัพท์จากคนแปลกหน้า ก็เดินออกไปจากห้องพักคนไข้

เขากดรับสายและพูดเสียงเบาว่า : “ฮัลโหล”

ถึงแม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่โทรศัพท์สายนี้ของเขามาได้เวลาพอดี

ถ้าไม่ใช่เพราะโทรศัพท์สายนี้ ไม่แน่ตอนนี้จ้านเซินอาจจะใจอ่อนยอมทำตามคำขอร้องของฉินซี

จ้านเซินรู้สึกว่าช่วงนี้การเปลี่ยนแปลงของตัวเองไม่ค่อยปกติ

ถึงขนาดเขาอยากไปหาเหยาจ้าวเพื่อตรวจสุขภาพจิต ดูว่าเขาไม่สบายรึเปล่า

ความคิดนี้แค่เพิ่งเริ่มต้นขึ้น ก็ถูกจ้านเซินทำลายลง

เขาเป็นผู้นำขององค์กร ถ้าเกิดเขาตรวจแล้วเจอโรคอะไรไม่ดีออกมา คนในองค์กรจะตื่นตระหนก ถึงตอนนั้นจะวุ่นวายกันไปหมด

“จ้านเซิน ฉันเอง”

ถังย่าส่งเสียงนิ่งเรียบผ่านมาในโทรศัพท์

เธอนั่งอยู่ในห้องสอบสวน ปากยังเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ ท่าทางสบายๆ

หลอจี่หอางมองเธอ รู้สึกเหมือนเธอมาพักร้อน ไม่ได้รับการตรวจสอบ

คิดถึงที่ถังย่าเพิ่งจะทำไปทั้งหมดเมื่อกี้ เขาก็อดส่ายหน้าไม่ได้ รู้สึกแปลกอย่างอธิบายไม่ได้หลังจากนี้ถ้าใครได้อยู่กับเธอ คงน่าสงสารน่าดู

ผู้หญิงที่แข็งแกร่งอย่างนี้ ต้องเป็นผู้ชายแบบไหนถึงจะกดเธอลงได้

ในที่สุด หลอจี่หอางก็ได้เห็นอย่างรวดเร็ว อะไรที่มีพลังสุขุมมากกว่าถังย่า

“ตอนนี้ฉันอยู่สถานีตำรวจ รบกวนคุณช่วยมาประกันตัวฉันหน่อย”

เวลาที่ถังย่าอยู่ด้านนอก จะเรียกชื่อจ้านเซินตรงๆ เพื่อป้องกันการเปิดเผยเรื่องราวขององค์กร

ดังนั้นหลอจี่หอางพอจะรู้สึกได้ว่า คนในโทรศัพท์นั่นน่าจะเป็นคนที่สนิทกับถังย่า

ได้ยินว่าถังย่าถูกจับไปสถานีตำรวจอีกแล้ว จ้านเซินขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก

เขากลับไม่รีบร้อนไปช่วยถังย่า แต่กลับสอบถามอย่างนิ่งเฉยว่า : “ครั้งนี้เพราะอะไรอีกละ?”

ถังย่าเข้าออกสถานีตำรวจจนกลายเป็นเรื่องปกติ เขาไม่สงสัยอะไร ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ถังย่าคงรู้จักตำรวจทั้งสถานีตำรวจไปแล้ว

“เมื่อกี้บนถนนมีลูกเศรษฐีมาอวดเงินเหม็นๆ กับฉัน กล้ามาล้อเล่นกับฉัน ฉันก็เลยเอามีดออกมาขู่เขาสักหน่อย กลายเป็นว่าไอเด็กขี้ขลาดนั่นกลับเป็นลมไป จากนั่นตำรวจก็หาว่าฉันฆ่าคนกลางถนน และจับฉันมา”

ถังย่าพูดอย่างไร้หนทาง ฟังดูราวกับโดนรังแกยังไงยังนั้น

เธอไม่คิดว่าตัวเองทำผิดอะไรตั้งแต่แรก สิ่งนี้ทำให้หลอจี่หอางหงุดหงิดมาก

เดิมที่เขาอยากจะกล่อมเกลาถังย่า แต่อีกฝ่ายกลับหัวแข็งเหมือนก้อนหินโง่ สอนยังไงก็สอนไม่ได้

ถังย่าเป็นคนดื้อ เลยไม่คิดจะเอาคำพูดเหล่านั้นมาใส่ใจ

หลอจี่หอางรู้สึกกระทั่งว่าถังย่าไม่ได้ฟัง

จ้านเซินได้ยินเธอพูดอย่างนี้ ในหัวเต็มไปด้วยความมืดไปชั่วขณะ

ความน่ากลัวทั้งหมดของเธอ จ้านเซินพอจะเดาออกว่าเป็นยังไง

“เฮ้อ…”

จ้านเซินแอบถอนหายใจในใจเบาๆ แต่ไม่ได้ตำหนิเธอ

เดิมที่เขาอยากจะไปรับถังย่า แต่คิดถึงฉินซีที่ยังรอตัวเองอยู่ในห้องพักผู้ป่วย จึงลังเลขึ้นมาอีกครั้ง

จ้านเซินพูดพลางขมวดคิ้ว : “ซิวหน่ายซิงไปไหน? เขาไม่ได้ไปรับเธอหรือไง?”

ได้ยินชื่อซิวหน่ายซิง ในท้องของถังย่าเกิดไฟปะทุขึ้นมาเต็มท้อง

ถังย่าตะคอกเย็นชา : “ไม่รู้ว่าเด็กบ้านนั้นไปเที่ยวเล่นที่ไหนอีกแล้ว ฉันรอเขาอยู่ที่นอกสนามบินครึ่งค่อนวันไม่เห็นแม้แต่เงา วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่มา ฉันยืนรอที่หน้าประตูก็จะไม่เจอลูกเศรษฐีคนนั้น และยิ่งไม่หาเรื่องให้ตัวเองต้องไปสถานีตำรวจหรอก”

เธอพูดอย่างโกรธๆ ยิ่งพูดยิ่งโกรธ

ปกติถังย่าเบื่อความวุ่นวายที่สุด แต่ตอนนี้เธอกลับตกในความวุ่นวายที่ไม่สามารถหลบหลีกได้

ความรู้สึกอย่างนี้ ถังย่าไม่สบายใจมาก

จ้านเซินได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของถังย่า เข้าใจในทันที ความอดทนของถังย่ามาถึงที่สุดแล้ว : “ฉันรู้แล้ว เธออยู่ที่สถานีตำรวจไหน ฉันไปรับเธอเดี๋ยวนี้”

คาดว่าถ้ารอให้ซิวหน่ายซิงมาถึง ถังย่าคงโกรธจนพลิกสถานีตำรวจไปแล้ว

เพื่อป้องกันการเกิดเรื่องแบบนี้ จ้านเซินตัดสินใจไปรับเขาด้วยเองน่าจะดีกว่า

ปกติถังย่าค่อนข้างสงบนิ่ง แต่อารมณ์ก็หงุดหงิดจนควบคุมไม่ได้ อย่างเช่นตอนนี้

ส่วนนี้ถังย่ารู้ดี แต่เธอกลับควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อยู่ดี

ถังย่าไม่รู้ที่ตั้ง : “คุณรอก่อน ฉันไปถามตำรวจที่อยู่ข้างๆ”

เธอส่งสายตาให้หลอจี่หอางบอกที่อยู่เธอ

หลอจี่หอางพูดอย่างหมดความอดทน : “เลขที่ 22 ถนนผิงชัง”

“ฉันอยู่ที่ ถนนผิงชัง เลขที่ 22…”

ถังย่าพูดซ้ำตามหลอจี่หอางอีกครั้ง : “ฉันรอคุณที่สถานีตำรวจ”

คิดว่าจ้านเซินจะมารับตัวเอง ถังย่ารู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ

“อืม”

จ้านเซินพยักหน้า วางสายโทรศัพท์

เขากลับไปที่ห้องพักผู้ป่วย เห็นด้านในมีโจวซิงเพิ่มมาอีกคน

“คุณจ้าน”

หลังจากโจวซิงเห็นเขา ทักทายอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน

จ้านเซินมองผ่านเขาไปที่ฉินซี : “ถังย่ามีปัญหา ฉันออกไปแป๊บเดียว จะรีบกลับมา รบกวนหมอโจวและหมอเหยาช่วยดูแลฉินซีหน่อย”

เขาไม่ได้หลีกเลี่ยงโจวซิง พูดอย่างนิ่งเฉย

“อะไร? ถังย่าเกิดเรื่อง?”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท