Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1393

ตอนที่ 1393

บทที่1393 บอกความจริง

ซิวหน่ายซิง แบมือ ก่อนจำใจพูดออกไป

ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ฉินซีก็นึกอิจฉาถังย่าขึ้นมา

ดวงตาของฉินซีแสดงถึงความปรารถนาขึ้นมา “ถ้าหากว่าฉันมีความสุขทุกวันก็คงจะดี”

เธอหันไปมองท้องฟ้านอกกำแพงโรงพยาบาล ความปรารถนาอันแรงกล้าปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ

ตอนนี้ฉินซีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พบลู่เซิ่น และไม่จากเขาไปไหนอีก

แต่อย่างไรจ้านเซินยังคงอยู่ตรงนี้ ความคิดนี้จึงหยุดชะงักไปชั่วคราว

ความรู้สึกเศร้าอย่างรุนแรงปรากฏอยู่บนทั่วร่างของฉินซี

ซิวหน่ายซิงมองเธอจากด้านหลัง ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี

รักสามเส้าไม่สมประกอบครั้งนี้ สุดท้ายมันจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครบอกได้

อีกด้าน

ถังย่าเดินตามจ้านเซินและมาหยุดอยู่ที่ศาลาในสวนดอกไม้ด้านหลัง

จ้านเซินมองไปยังถังย่า และพูดด้วยเสียงต่ำ “เธอต้องการรายงานอะไรฉัน?”

เขารู้ ว่าสิ่งที่ทำให้ถังย่าจริงจังได้เช่นนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆแน่

ถังย่ามองสบมายังเขา ดวงตาดอกท้อปรากฏเป็นแววตาลึกซึ้ง “จ้านเซิน ฉันมีคำถามจะถามคุณ”

น้ำเสียงของเธอเหมือนพูดกับเพื่อนมากกว่าพูดกับผู้ใต้บังคับบัญชา

เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของเธอ จ้านเซินจึงเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย “คำถามอะไร?”

เขารู้สึกถังย่าแปลกๆ ตั้งแต่เข้ามาโรงพยาบาล

“คุณสามารถที่จะปล่อยฉินซีไปได้ไหม?”

ถังย่าไม่พูดอ้อมค้อม เธอถามอย่างตรงไปตรงมา

เธอจ้องไปยังจ้านเซิน เธอไม่ปล่อยให้สีหน้าของเขาเล็ดลอดไปจากสายตาเธอแม้แต่น้อย

ถังย่าอยากรู้มาก ว่าแท้จริงแล้วใจของจ้านเซินคิดอย่างไรกันแน่

ถ้าหากฉินซีออกไป เธอจะมีโอกาสบ้างไหม?

หลังจากที่จ้านเซินได้ยินคำพูดของเธอ ใบหน้าของเขาพลันมืดลงทันที

“ถังย่า เธอหมายความว่ายังไง?”

เมื่อพูดถึงฉินซี สีหน้าของจ้านเซินก็เปลี่ยนไปทันที

ความสงบของจ้านเซินหายไปทีละนิด แทนที่เข้ามาด้วยความโกรธเกรี้ยว

แม้ว่าจ้านเซินจะไม่ได้ตอบคำถามของถังย่าโดยตรง แต่ถังย่าก็เข้าใจแล้ว

“ไม่มีอะไร”

ถังย่ากดความเศร้าไว้ในใจ ร่องรอยของความเหงาฉายชัดภายในดวงตาสีเข้ม

เธอก็รู้ ว่าตัวเองไม่ควรจะไปคาดหวังอะไร

จ้านเซินไม่ยอมปล่อยผ่านคำถามนี้ไปง่ายๆ มันมักมีอะไรบางอย่างอยู่ในคำพูดถังย่าเสมอ “ถังย่า ฉันขอสั่งเธอ พูดให้มันชัดเจนเดี๋ยวนี้”

เพื่อฉินซีแล้ว เขาถึงขนาดยืมฐานะของเขามากดเธอ

เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ ใจของถังย่าขดเข้าหากันอย่างเป็นทุกข์ราวกับโดนหมัดหนักชกเข้ามาอย่างจัง

จากสายตาของจ้านเซินที่จ้องมอง ถังย่าสูดลมหายใจเข้า พูดเสียงแผ่วเบาว่า “ฉินซีกำลังโกหกคุณ เธอไม่ได้จริงใจที่จะอยู่ด้วยกันกับคุณในองค์กร เธอวางแผนจะหนีออกไปจากที่นี่มาโดยตลอด”

ถังย่าพูดอย่างโกรธๆ หวังว่าจ้านเซินจะมีสติพอเสียที

เธอไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องเป็นฉินซีเท่านั้น นี่เขาดึงดันขนาดนี้เลยหรือ?

เห็นได้ชัดว่าเธอคอยปกป้องอยู่ข้างเขามาโดยตลอด ทำไมถึงไม่มองมายังเธอบ้าง เพียงแค่พริบตาเดียว ให้โอกาสเธอได้แสดงให้เห็น

ทว่า แค่ครั้งเดียวเขาก็ไม่มีให้

สิ่งนี้ทำให้ถังย่าเสียใจมาก แต่กลับทำอะไรไม่ได้

เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถควบคุมความคิดของจ้านเซินได้ ดังนั้นถังย่าจึงทำได้เพียงควบคุมความรู้สึกของเธอเอง เพื่อไม่ให้ตัวเองระเบิดออกมา

หลังจากที่จ้านเซินได้ยินคำพูดของเธอ แต่ใบหน้าเขากลับไม่ได้แสดงความตกใจออกมาเลย

เขามองไปทีถังย่า พลางเม้มมุมปาก “ฉันรู้แล้ว”

ตั้งแต่ฉินซีตื่นขึ้นมาเป็นครั้งแรก เธอทำตัวว่าง่ายเป็นพิเศษ จ้านเซินก็สังเกตได้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ

จ้านเซินและฉินซีอยู่ด้วยกันมาหลายปี จะมองไม่ออกได้อย่างไร

แต่เมื่อ ได้เห็นท่าทางโอนอ่อนผ่อนตามของฉินซีแล้ว จ้านเซินก็ตัดใจเปิดโปงไม่ลง

ดังนั้น จ้านเซินจึงแสร้งไม่รู้ หวังแค่เวลามันจะนานกว่านี้หน่อย

เมื่อเห็นว่าเขาเข้าใจทุกอย่าง แต่กลับยังสามารถดูตัวเองติดกับดักเสียได้ มันทำให้เธอยิ่งโกรธหนัก “ถ้าอย่างนั้นคุณรู้ไหม ว่าโจวซิงเป็นสายลับที่ลู่เซิ่นส่งมา? พวกเขาวางแผนจะพาฉินซีหลบหนีไปคืนนี้”

เธอพูดอย่างโกรธเกรี้ยว รู้สึกว่าจ้านเซินดูน่าผิดหวังเหลือเกิน

ถังย่าไม่เคยเห็นจ้านเซินใจอ่อนขนาดนี้มาก่อน

งั้นตอนนี้เขาจะเลือกอย่างไร จะปล่อยฉินซีไปหรือ หรือบังคับให้อยู่ข้างกายเขา

เมื่อพูดจบ ใบหน้าของจ้านเซินพลันปรากฏความตกใจออกมา

จ้านเซินหรี่ตาลงด้วยแววตาอันตราย ก่อนพูดเบาๆว่า “คืนนี้กี่โมง?”

น้ำเสียงของเขาเย็นชาแฝงไปด้วยความแข็งกระด้างอยู่ในนั้น

จากคำที่เขาพูดมา ถังย่ามองออก ว่าจ้านเซินมีเจตนาฆ่า

เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปล่อยให้ลู่เซิ่นพาฉินซีออกไป

ถังย่าหมดหวังโดยสิ้นเชิง เสียงที่ตอบกลับไปฟังดูแหบแห้ง “เที่ยงคืน”

หากตั้งใจฟังอย่างละเอียด จะได้ยินเสียงของถังย่าที่ดูคล้ายจะสะอื้น

แต่ทว่า ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของจ้านเซินล้วนไปอยู่ที่ฉินซี เขาไม่มีเวลามาสนใจว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร

เมื่อเขาได้ยินว่าวันนี้เที่ยงคืนลู่เซิ่นจะมาช่วยฉินซี ความโกรธภายในใจก็แผ่ซ่านไปทั่ว

เขาลุกขึ้นด้วยความโกรธ ก่อนจะหันไปพูดกับถังย่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมง ทำไมเธอไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้!”

คำพูดของจ้านเซินแฝงด้วยการซักถามเชิงตำหนิ ดวงตาสีเข้มของเขาเหมือนมีไฟลุกโชนโหมกระหน่ำ

ถังย่าสามารถเห็นได้ชัดว่าตอนนี้จ้านเซินโกรธมากแค่ไหน

เพราะว่าเธอปกปิด มันทำให้จ้านเซินเสียเวลาเตรียมตัว

ถังย่ารู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ เธอพูดเสียงต่ำ “ขอโทษ… …”

เธอไม่ได้มีเจตนาจะปกปิด ถ้าหากเธออยากจะทำจริงๆ เธอจะไม่บอกจ้านเซินก็ได้

แต่ ถังย่ากังวล ถ้าจ้านเซินเห็นว่าลู่เซิ่นพาฉินซีออกไป จะทำเรื่องที่รุนแรง ดังนั้นก็เลยเลือกที่จะบอกความจริง

เดิมทีแล้วจ้านเซินยังเต็มไปด้วยความโกรธ เขายังอยากที่จะตำหนิเธออีกครั้ง

แต่เมื่อเขาเห็นท่าทางที่ดูมีการซึมๆของถังย่า สิ่งที่เขาต้องการจะพูดก็ดันติดอยู่ในลำคอ ไม่พูดออกมา

“ช่างมันเถอะ”

จ้านเซินพูดอย่างเย็นชา ก่อนเก็บสายตาที่มองเธอไป

เสียงของเขาสั่งอย่างเคร่งขรึมต่อ “เธอไปเตรียมตัวกับฉัน”

ไม่ว่าอย่างไร ถ้าหากลู่เซิ่นจะมาในคืนนี้ เขาก็จะให้มันออกไป แต่ไม่ได้กลับ

“ค่ะ”

ถังย่าพยักหน้า ทำตามอย่างโดยดี

เธอเดินตามจ้านเซินไป ทว่าเกือบจะสะดุดบันไดล้ม

แต่จ้านเซินกลับไม่แม้แต่จะเห็น รีบเดินกลับไปทางที่ฉินซีอยู่อย่างเร็ว

ตอนนี้เขากังวลมากว่า กลัวฉินซีจะพยายามติดต่อกับลู่เซิ่น ในขณะที่เขาไม่อยู่

หรือว่า วันนี้ที่ฉินซีหาข้ออ้าง ยืนกรานที่จะไปเดินเล่นที่สวนให้ได้ คือเธอวางแผนไว้แล้ว

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ จ้านเซินควบคุมการเร่งฝีเท้าของตัวเองไม่ได้

เขาสูง190 เซนติเมตร ขายาวบวกกับเดินเร็วจากความร้อนรนใจ ทำให้พริบตาเดียวถังย่าก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเสียแล้ว

ถังย่ามองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่ค่อยๆไกลออกไป ทำได้เพียงพยายามเดินตามให้ทัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท