Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1403

ตอนที่ 1403

บทที่ 1403 การโจมตีด้วยคลื่นมนุษย์

ฉินซีเพิ่งจะออกมาจากประตูก็โดนบอดี้การ์ดสังเกตเห็นแล้ว บอดี้การ์ดรีบใช้วิทยุสื่อสารบอกจ้านเซิน : “พี่ใหญ่ คุณฉินซีวิ่งไปทางคุณแล้ว”

ได้ยินว่าฉินซีกำลังพุ่งมาทางนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของจ้านเซินปรากฏความประหลาดใจ

เขาคิดไม่ถึงว่าฉินซีจะได้สติตื่นขึ้นมาเร็วขนาดนี้

ถังย่าที่ขัดขวางเธอไปไหนเสียแล้ว?

ในใจจ้านเซินรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย อยากจะไปตรวจสอบดู แต่ตรงนี้ลู่เซิ่นกำลังจะมาแล้ว เขาไม่สามารถละความสนใจได้

เขาพูดอย่างเย็นชา : “จับฉินซีไว้ จำไว้อย่าให้บาดเจ็บถึงชีวิต”

ความหมายประโยคนี้ของจ้านเซินคือ ใช้วิธีไหนก็ได้ แค่ไม่ทำให้ฉินซีตายก็พอ

หลังจากบอดี้การ์ดได้รับคำสั่ง พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม : “ได้ พี่ใหญ่”

ฉินซีไม่ใช่คนทั่วไป อยากจะจับตัวเธอไว้ต้องใช้ความสามารถมากหน่อย

ถึงความสามารถของบอดี้การ์ดพวกนั้นจะไม่เลว แต่ฉินซีในฐานะที่เป็นอันดับต้นๆ ขององค์กร แน่นอนว่าต้องแข็งแกร่งว่าพวกเขาไม่รู้กี่เท่า

ถึงแม้ฉินซีจะร้างรามาเป็นปีแล้ว แต่บางอย่างก็ยังฝังลึกอยู่ในกระดูก

แม้แต่เวลาก็ไม่สามารถลบมันออกไปได้

“เร็วเข้า เร็วขึ้นอีก!”

ฉินซีรีบวิ่งไปบนทางเดิน หายใจหอบหนัก

ในตอนนั้นเอง มีเงาดำมืดสองเงาปรากฏขึ้นด้านหน้าอย่างกะทันหัน

เครื่องแต่งกายที่เป็นสัญลักษณ์นั้น ทำให้ฉินซีรู้ได้ในแวบแรกทันทีว่าเป็นลูกน้องจ้านเซิน

ฉินซีค่อยหยุดก้าวขาลงช้าๆ มองบอดี้การ์ดที่ขวางอยู่ตรงหน้า : “หลบไป!”

เธอพูดอย่างเย็นชา แววตาดำสนิทเปล่งประกายบรรยากาศการสังหารออกมา

บอดี้การ์ดทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร และใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งขวางทางเดินทั้งหมดไว้

“คุณฉิน พี่ใหญ่ให้หยุดลงมือ”

บอดี้การ์ดคนแรกอยากจะเกลี้ยกล่อมดีๆ เขาเป็นคนเก่าคนแก่ในองค์กร ปกติเจอหน้ากันกับฉินซีเป็นประจำ

ความจริงแล้ว เขาไม่เข้าเลยว่าทำไมฉินซีถึงได้พยายามหนีออกจากองค์กรได้มากขนาดนี้

การออกจากองค์กร สำหรับฉินซีแล้วมีข้อดีอะไร

ตอนนั้นที่ฉินซีอยู่ในช่วงเวลาตกอับ เพราะองค์กรยื่นมือเข้าไปช่วย หรือเธอจะไม่คิดถึงเรื่องราวเก่าเลยสักนิด ไม่รู้สึกขอบคุณเลยหรือไง?

ได้ยินเขาพูดถึงจ้านเซิน ใบหน้าของฉินซีก็ปรากฏรอยยิ้มเย็นชา : “ทำไมฉันต้องฟังเขา ตอนนี้ฉันสั่งให้พวกคุณหลีกทาง!”

เธอเดินไปด้านหน้าหนึ่งก้าว มองตรงไปที่กำแพงมนุษย์สองคนที่ขวางทางไว้

ถึงแม้ว่าทักษะของฉินซีตอนนี้จะไม่ดีเท่าเมื่อก่อน แต่รับมือกับพวกเขาสองคนก็เพียงพอแล้ว

“ฉันไม่อยากทำร้ายคนบริสุทธิ์ พวกคุณปล่อยฉันไป ฉันจะไว้ชีวิตพวกคุณ”

ถ้าเป็นไปได้ ฉินซีหวังว่าจะแก้ไขได้อย่างสันติ

แต่คนในองค์กรทุกคนฟังคำสั่งจากจ้านเซินเท่านั้น ต่อให้เป็นฉินซี ก็อย่าคิดจะออกคำสั่งพวกเขา

ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับองค์กรแล้ว ตอนนี้ฉินซีคือคนทรยศคนหนึ่ง

หลายคนคิดว่า จ้านเซินไม่ได้สั่งให้ฆ่าฉินซีโดยตรง เป็นความเมตตาอย่างยิ่งเรื่องหนึ่งแล้ว

ขณะที่ฉินซีกำลังพูดอยู่ ด้านหลังของเธอก็มีบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นอีกสองคน

ทางด้านหน้าและด้านหลังถูกปิดตายสนิท ฉินซีไม่มีทางให้หนีอีกแล้ว

ฉินซีหรี่ตาลงอย่างอันตราย มองบอดี้การ์ดที่พุ่งมาทางนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

เธอเผยยิ้มริมฝีปากเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยการถากถาง : “หึหึ…ทุกคนช่างใช้เกียรติฉันจริงๆ เพื่อจับฉันคนเดียว ส่งคนมาตั้งมากมายขนาดนี้”

มือที่อยู่ข้างตัวกำหมัดแน่น ฉินซีรู้สึกถึงความพลุ่งพล่านของเลือดในตัว

เธอไม่มีความรู้สึกอย่างนี้มานานแล้ว

ดวงตาเรียวของฉินซีเปล่งประกายความเด็ดขาด : “งั้นให้ฉันดูหน่อย ว่าฝีมือของพวกคุณเป็นยังไง!”

พูดจบ ฉินซีก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว โจมตีในทันทีทันใด

ในกำมือของเธอซ่อนเข็มเงินเล่มนั้นไว้ พุ่งตรงไปทางบอดี้การ์ด

จัดการกับหัวหน้าก่อน

จุดนี้ ฉินซีใช้ทักษะความเชี่ยวชาญ

แค่จัดการกับผู้นำที่สูงที่สุดให้ได้ก่อน พวกลูกล้อที่เหลือทั้งหมดจะเชื่อฟังเอง

แต่ครั้งนี้ฉินซีพลาดแล้ว

บอดี้การ์ดรู้ว่าฉินซีไปใช่คนธรรมดา จึงเตรียมการป้องกันไว้แต่แรก

คนที่จะเป็นผู้นำได้นั้น จะต้องไม่เทียบเท่ากับคนธรรมดาอย่างแน่นอน

ถึงแม้เขาจะด้อยกว่าฉินซี แต่ก็มีความสามารถในการป้องกันตัว

ในที่แคบๆ และภายใต้สถานการณ์ที่มีคลื่นมนุษย์มากมาย ฉินซีไม่สามารถโจมตีได้สำเร็จในครั้งเดียว ยิ่งต้องฟังคำสั่งคนอื่น

ฉินซีรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ

น่าเสียดายที่เข็มเงินในมือเธอผ่านคอของหัวหน้าหน่วยไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น

ความรำคาญปรากฏบนใบหน้าของฉินซี

ช้าเกินไป การเคลื่อนไหวทั้งหมดเมื่อกี้ของเธอมีช่องโหว่

ฉินซีรู้สึกเสียใจภายหลังมาก ทำไมปีนี้เธอถึงไม่ได้ฝึก

สมองทำงานได้ แต่การเคลื่อนไหวเฉื่อยชา

ทุกคนเห็นการถดถอยของฉินซีด้วยตาของตัวเอง

หัวหน้าบอดี้การ์ดก็ตกใจลนลานในใจกับการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของฉินซีเหมือนกัน แต่ดีที่เขาหลบได้เร็ว ถึงแม้ว่าเข็มเงินจะเฉียดปกเสื้อเขาไป แต่เขากลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

ในขณะที่เขากำลังดีใจว่าตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรอยู่นั่นเอง ลำคอก็รู้สึกเจ็บปวดบริเวณกล้ามเนื้อส่วนนั้นขึ้นมาทันที

เขายื่นมือไปจับอย่างตั้งสักครู่ กลับสัมผัสเจอส่วนที่เปียกชื้น

เขาก้มลงมอง ในมือเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด

“หัวหน้า!”

ทุกคนตื่นตกใจ มองไปในดวงตาที่น่ากลัวของฉินซี

หัวหน้าบอดี้การ์ดรีบฉีกริมเสื้อออก และใช้เศษผ้าพันรอบคอไว้

ดีที่แค่ถลอกผิวหนัง ไม่ลึกมาก ไม่อย่างนั้น ชีวิตของเขาก็คงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว

เลือดสดๆ ทำให้ทุกคนตกใจ

ทุกคนรวมตัวกันลงมือ ฉินซีและพวกเขาต่อสู้กันอยู่ในทางเดินแคบๆ

คนเดียวยากที่สู้กับหลายคน ในตอนแรกเธอยังรู้สึกลำบาก เธอใช้จุดเด่นของตัวเอง เธอกระโดดแตะขึ้นในแนวนอน กวาดทุกคนลงไปนอนกับพื้น

แต่หลายวันมานี้ฉินซีนอนอยู่แต่บนเตียงผู้ป่วย ปล่อยปละละเลยมานาน

ตอนนี้มาต่อสู้ กระดูกทุกส่วนในร่างกายกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

ฉินซีพยายามอดทน พละกำลังค่อยๆ ลดลง

ในที่สุด หัวหน้าบอดี้การ์ดที่รอโอกาสอยู่ก็หาโอกาสได้ รีบเสริมเข้ามาในทันที

เขากดฉินซีลงกับพื้น และรีบตะโกนอย่างรุนแรงว่า : “รีบมาใส่กุญแจมือ”

เดิมทีฉินซีไม่ค่อยมีแรง ถูกเขาที่มีน้ำหนักเป็นร้อยกิโลทับไว้ รู้สึกหน้ามืดตาลายขึ้นมาในพริบตา

เมื่อกี้ตอนที่ถูกสะกดจิต ฉินซีไม่ได้แกล้งทำ

เธอเห็นสายน้ำไหลเป็นเลือด ตกใจเป็นอย่างยิ่ง

แต่ในใจของฉินซีท่องชื่อของลู่เซิ่นไว้ตลอด ถึงช่วงเวลาสำคัญ ฉินซีได้สติขึ้นมาทันที

แค่เธอยังคงแกล้งทำต่อไป ไม่ได้แสดงออกมา ดึงดูดให้ถังย่าเข้ามาใกล้ รอจังหวะที่เธอไม่ทันระวังและควบคุมเธอไว้

เพื่อต่อสู้กับภาพความฝันและถังย่า ฉินซีใช้พลังจิตไปมาก

ตอนนี้จ้านเซินเล่นเอาคลื่นมนุษย์มามากมาย ฉินซีจะไปสู้ไหวได้ยังไง

ฉินซียังไม่ทันได้ต่อต้าน บนข้อมือก็มีกุญแจมือเย็นๆ เพิ่มขึ้นอีกอัน

เธอมองบอดี้การ์ดที่กดข้อมือเธอไว้อย่างโกรธแค้น และตะโกนรุนแรงว่า : “ปล่อยฉัน!”

ในใจของฉินซีกังวลอย่างยิ่ง ถ้าเธอถูกจับไว้ งั้นลู่เซิ่นต้องเผชิญหน้ากับจ้านเซินเพียงลำพัง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท