Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1405

ตอนที่ 1405

บทที่ 1405 จัดการให้ถึงที่สุด

วันนี้จ้านเซินจัดการล้อมไว้อย่างแน่นหนา รอให้ลู่เซิ่นเดินเข้ามาเอง

ถ้าหากลู่เซิ่นยังไม่ไปอีก ก็จะไม่มีทางหนีไปได้อีกแล้ว

แต่ทว่า ลู่เซิ่นกลับทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร

เขาเหมือนสิงโตที่กำลังโกรธ วิ่งพุ่งชนไปทางฉินซีอย่างบ้าคลั่ง

ลู่เซิ่นกระโดดถีบกำแพงอย่าง่ายดาย และกระโดดแตะหัวหน้าบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหน้าลงไปนอนกองกับพื้น

การเคลื่อนไหวที่แข็งแรง ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่ผ่านการฝึกฝนมา

ทุกคนดึงสติกลับมาในทัน มองลู่เซิ่นอย่างระวังป้องกัน

ขณะนั้น จ้านเซินก็ตามมาทันจากด้านหลัง

ด้านหน้าด้านหลังเต็มไปด้วยศัตรู ลู่เซิ่นถูกบีบไว้ตรงกลาง

ฉินซีร้อนใจเป็นอย่างมาก :” ลู่เซิ่น รีบไป!”

เธอไม่อยากเห็นลู่เซิ่นตกอยู่ในวงล้อมจริงๆ

ถ้าแม้แต่ลู่เซิ่นก็โดนจับไว้ งั้นพวกเขาก็จบพอดี

“ฉันไม่ไป! ฉันจะไปกับคุณ”

ลู่เซิ่นขาดสติไปแล้ว ดวงตาทั้งสองแดงฉาน

เขาฆ่าด้วยตัวคนเดียวจนขาดสติ

แต่ต่อให้ลู่เซิ่นโหดเหี้ยมแค่ไหน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่พุ่งเข้ามาไม่ขาดสาย ก็ยังไร้เรี่ยวแรงไปนิดหน่อย

ฉินซีมองดูท่าทางเขาที่เอาชีวิตเข้าแลกเดินมาทางเธอ เบ้าตาแดงขึ้นมาในพริบตา

เธอส่ายหน้า : “อย่า อย่า”

ในตอนนั้นเอง จ้านเซินวิ่งพุ่งเข้ามาจากด้านข้างและโจมตีเข้าที่กรามของลู่เซิ่น

“ลู่เซิ่น!”

ฉินซีร้องตะโกนใจสลาย

เธอมองลู่เซิ่นที่ถูกทำร้าย และเริ่มต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง

ลู่เซิ่นไม่ได้เตรียมป้องกันตัว มุมปากมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา เซถอยหลังไปสองสามก้าว

หมัดนี้ของจ้านเซินใช้พละกำลังเต็มร้อย เพื่อจัดการลู่เซิ่นให้ล้มลง

“หึหึ ลอบกัด?”

ลู่เซิ่นเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก ภายในดวงตาเรียวยาวปรากฏสายตาเยาะเย้ย : “จ้านเซิน นายมีความสามารถแค่นี้หรือไง? งั้นนายกับฉันมาสู้กันซึ่งๆ หน้าสักครั้ง”

เขามองตรงไปที่จ้านเซินและพูดยั่วยุ

ลู่เซิ่นรู้ดีว่าถ้าใช้เทคนิคจำนวนคนมากๆ วันนี้เขาไม่มีทางรอดออกจากที่นี่ไปได้

แต่ ถ้าตัวต่อตัว ไม่แน่เขาอาจจะมีโอกาสชนะ

ในเมื่อความแข็งแกร่งด้านการต่อสู้ของเขากับจ้านเซินไม่ต่างกันมากนัก

จ้านเซินยืนร่างสูงใหญ่อยู่ที่เดิม มองตรงไปที่ลู่เซิ่นที่ยืนอยู่ไม่ไกล ริมฝีปากขยับ : “อ่อ? นายคิดว่าอย่างนี้นายจะมีโอกาสรอดออกไปหรือไง?”

จ้านเซินที่ฉลาดหลักแหลม อ่านความคิดลู่เซิ่นออกในพริบตา

ลู่เซิ่นไม่กลัวว่าเขาจะสังเกตได้ : “จ้านเซิน นายพูดมาตรงๆ นายกล้าหรือไม่กล้า”

เขาใช้วิธีการยั่วยุ ทำให้จ้านเซินเกิดความโมโห

แต่จ้านเซินไม่เหมือนคนทั่วไป เคยผ่านการฝึกฝนที่โหดร้ายขององค์กรมาแล้ว เขาไม่มีความอารมณ์ความรู้สึกอะไรมาตั้งนานแล้ว

สภาพจิตใจของจ้านเซิน สงบนิ่งเป็นอย่างยิ่งมาตั้งแต่ต้น

นอกจากการได้พบกับฉินซี บางครั้งอาจจะเสียการควบคุมไปบ้าง

“งั้นมาลองกัน”

ถึงแม้จ้านเซินจะไม่เกิดอาการโมโห แต่ก็ตอบรับคำท้า

ความอยากเอาชนะของผู้ชาย ทำให้จ้านเซินอยากจัดการลู่เซิ่นให้ล้มลง

เขาอยากจะเหยียบลู่เซิ่นไว้ได้เท้า และบอกฉินซีว่าผู้ชายขยะๆ แบบนี้ ไม่คุ้มค่าที่เธอจะสละชีวิตให้ จนกระทั่งทรยศต่อองค์กรไปชอบเขา

แต่จ้านเซินไม่รู้ ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉินซีก็แค่เจ็บปวดมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

นี้คือความแตกต่างระหว่างรักกับไม่รัก

ลู่เซิ่นเห็นแผนการของตัวเองสำเร็จมาครึ่งหนึ่งแล้ว ในใจเผยความดีใจขึ้นมา

ภายนอกเขาดูสงบนิ่ง มองจ้านเซินด้วยอารมณ์เคร่งขรึม : “มาเลย”

ลู่เซิ่นและจ้านเซินเตรียมพร้อม และใจของฉินซีก็ตื่นเต้นตามไปด้วย

“ลู่เซิ่น คุณไม่ต้องสู้แล้ว รีบไป!”

ฉินซีรู้ทักษะของจ้านเซิน ถึงแม้เธอจะไม่เคยเห็นท่าทางการต่อสู้จริงจังของลู่เซิ่น ต่อให้เขาเก่งกาจขนาดไหน แต่ก็เทียบกับจ้านเซินที่ฝึกฝนมาตั้งแต่สามขวบไม่ได้หรอก

เธอไม่อยากให้ลู่เซิ่นตายที่นี่ แค่ออกไปอย่างมีชีวิตรอด ก็ยังมีหวัง

ลู่เซิ่นทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร สายตามองไปที่ศัตรูตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ

เห็นลู่เซิ่นไม่สนใจฟังตัวเอง ฉินซีทำได้แค่มองไปที่จ้านเซิน

“จ้านเซิน อย่าแตะต้องเขา”

ฉินซีไปรู้ ยิ่งเธอปกป้องลู่เซิ่นมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้จ้านเซินมองลู่เซิ่นเป็นศัตรูมากยิ่งขึ้น

ความกระหายเลือดเปล่งประกายขึ้นในดวงตาสีเข้ม หลังจากฉินซีพูดจบ จ้านเซินพุ่งเข้าไป

การเคลื่อนไหวของเขาว่องไวราวกับเสือดำ

“ปัง!”

จ้านเซินออกแรงเต็มร้อย หมัดหนักๆ พุ่งเข้าไปที่สันจมูกของเขา

นาทีนี้ ลู่เซิ่นเจ็บจนน้ำตาจะไหล

สันจมูกราวกับจะหักให้ได้ โชคดีที่ในช่วงจังหวะสุดท้ายลู่เซิ่นโจมตีหมัดของจ้านเซินได้ แต่ก็แค่กระทบกันเฉยๆ ไม่โดนเข้าจังๆ ไม่งั้นคงตายไปแล้วจริงๆ

“พลาดไปนิด”

จ้านเซินมองเขา ส่งเสียงออกมาอย่างน่าเสียดาย

ทำให้ลู่เซิ่นอับอายจนโกรธ เขาใช้ความนุ่มนวลเอาชนะความแข็งแกร่งก่อกวนจ้านเซินต่อไป

สองคนต่อสู้กันพัลวัน

ถึงแม้การต่อสู้ของลู่เซิ่นไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับจ้านเซินที่ผ่านการรบมาเป็นร้อยครั้ง ใช้ชีวิตเดินอยู่บนความอันตรายทั้งวันก็ยังด้อยกว่าอยู่ดี

จ้านเซินฉวยโอกาส โจมตีช่วงท้องของลู่เซิ่น

เขายกเข่าเสยขึ้นไปด้านบน

ความเจ็บปวดที่รุนแรง ทำให้ลู่เซิ่นล้มลงกับพื้น

“อั๊ก…”

ลู่เซิ่นส่งเสียงครวญครางออกมา

ท่าทางน่าสมเพช ทำให้ฉินซีเจ็บปวดเกินทน

เบ้าตาของฉินซีแดงขึ้นมาในทันที ตะโกนเสียงแข็งออกมา : “พอแล้ว ฉันขอร้องคุณอย่าทำเขาอีกเลย”

เธอรู้ ถ้าสู้ต่อไปอีกลู่เซิ่นต้องตายอยู่ที่นี่

“เมื่อกี้ใครที่มาร้องเรียกท้าประลองต่อสู้กับฉัน มาสิ สู้ต่อ!”

ความไร้มนุษยธรรมในตัวจ้านเซินตื่นขึ้น มองไปที่ลู่เซิ่นและตะโกนรุนแรง

ลู่เซิ่นรีบฉวยโอกาสพลิกตัวและล็อกคอจ้านเซินไว้

เขาออกแรงรัดแน่น จนหน้าของจ้านเซินค่อยๆ แดงขึ้น

และเมื่อกำลังจะขาดอากาศในตอนนั้นเอง ศอกของจ้านเซินก็โจมตีเข้าที่ช่องท้องของลู่เซิ่นที่ได้รับบาดเจ็บ

ได้รับบาดเจ็บที่เดิมติดกันสองครั้ง

ลู่เซิ่นรู้สึกว่าภายในของตัวเองมีเลือดออกแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ

จ้านเซินเห็นว่าเขาจะจัดการตัวเองให้ถึงที่สุด จึงลงมืออย่างไร้ความเมตตาเช่นกัน

เขาโจมตีอีกครั้ง จนกระทั่งลู่เซิ่นทนไม่ไหวต้องปล่อยมือออก

“พร้วด…”

เลือดสดๆ พุ่งออกจากปากของลู่เซิ่น พื้นแดงไปด้วยเลือดในทันที

“ลู่เซิ่น!”

ฉินซีตกใจกับภาพที่เห็น รูม่านตาหดเล็กลง

“ลู่เซิ่น คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”

ตรงหน้าของฉินซีถูกเลือดสีแดงสดบดบังไว้ทั้งหมด

เธอไม่อยากจะเชื่อ ลู่เซิ่นจะได้รับบาดเจ็บสาหัสมากขนาดนี้ เธอเตะบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างตัวหมดออกด้วยความโกรธแค้น และวิ่งไปทางลู่เซิ่นอย่างบ้าคลั่ง

“ลู่เซิ่น คุณเป็นยังไงบ้าง? เจ็บไหม?”

หยดน้ำตาใสๆ ไหลลงมาตามแก้มของฉินซี เธอมองลู่เซิ่นอย่างห่วงใย ร่างกายที่บอบบางสั่นเล็กน้อย

เธอกลัวมาก กลัวว่าลู่เซิ่นจะตายอยู่ที่นี่

“โธ่ โธ่ … ฉันไม่เป็นไร”

ลู่เซิ่นไออย่างหนักและมีเลือดพ่นออกมาทางปาก

เขามองท่าทางฉินซีที่มีน้ำตา เจ็บปวดหัวใจ : “อย่าร้อง ฉันทุกข์ใจ”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท