Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1406

ตอนที่ 1406

บทที่ 1406 การจากลาที่เจ็บปวด

ท่าทางการจากลาที่เจ็บปวดของทั้งสองคน ตอกย้ำจ้านเซินอย่างลึกซึ้ง

ใบหน้าจ้านเซินซีด เขาก้าวขาเดินไปข้างหน้า ดึงข้อมือฉินซีขึ้น : “ลุกขึ้นมา!”

เขาตะคอกเสียงดัง แววตาดำสนิทเปล่งประกายความเย็นชา

“คุณปล่อยฉันนะ”

ฉินซีพยายามขัดขืน แต่ก็สู้แรงของจ้านเซินไม่ได้

ลู่เซิ่นมองท่าทางหยาบกระด้างของเขา ในใจโกรธเป็นฟืนเป็นไฟพลิกตัวขึ้นมาอีกครั้ง : “จ้านเซิน ปล่อยเธอ”

เขาพูดอย่างโกรธแค้น อยากจะลุกขึ้นมาช่วยเหลือฉินซี

แต่เขายังไม่ทันได้ลุกขึ้นนั่ง จ้านเซินก็เตะเข้าอีกครั้ง

“หึหึ คุณเป็นใคร ถ้าฉันไม่ปล่อยฉินซีไป คุณก็ไม่มีทางได้เธอ”

จ้านเซินกัดฟันพูด

เขาตัดสินใจพาฉินซีกลับองค์กร

ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าขวางเขาไว้

ฉินซีมองลู่เซิ่นที่ล้มอยู่บนพื้น ร้องไห้พลางขอร้อง : “จ้านเซิน ฉันขอร้องคุณ อย่าทำร้ายเขาเลย”

ในใจเธอมีเลือดหยด

เธอทนเห็นลู่เซิ่นท่าทางอย่างนี้ไม่ได้ : “จ้านเซิน คุณปล่อยเขาไป ฉันยินดีกลับไปกับคุณ”

เธอพูดอย่างต้อยต่ำ เลือกใช้ตัวเองแลกกับชีวิตของลู่เซิ่น

ฉินซีรู้ดี ในกระดูกของจ้านเซินเลือดเย็นไร้ความรู้สึกมากขนาดไหน

เธอไม่อยากทนมองลู่เซิ่นตายอยู่ตรงนี้ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย

ลู่เซิ่นมองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ : “ฉินซี หุบปาก! ฉันไม่ยอมให้คุณจากไปกับเขา”

ตอนนั้น ลู่เซิ่นรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ไร้ความสามารถ

แม้แต่คนที่เขารักก็ยังปกป้องไว้ไม่ได้ และยังต้องทนมองเธอก้มหัวให้ศัตรูเพื่อปกป้องตัวเขาอีก

ฉินซีทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเขา

เธอเงยหน้ามองจ้านเซิน กล่าวอย่างอ่อนโยน : “จ้านเซิน คุณไม่ได้อยากให้ฉันกลับไปกับคุณหรือไง? ขอแค่คุณยอมปล่อยลู่เซิ่นออกไป ฉันจะกลับองค์กรอย่างว่าง่ายทันที แต่ถ้าวันนี้คุณฆ่าลู่เซิ่น และพาฉันกลับองค์กร ถ้าคุณไม่เฝ้าฉันไว้ให้ดี ฉันจะฆ่าตัวตายทันที”

ฉินซีเอ่ยปากทีละคำทีละประโยคให้จ้านเซินเข้าใจความหมายของตัวเอง

ถ้าลู่เซิ่นตาย เธอก็ไม่สามารถมีชีวิตได้ลำพัง

หัวใจของจ้านเซินแตกสลาย

เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าฉินซีจะรักลู่เซิ่นได้ถึงขั้นนี้

จ้านเซินดึงคอเสื้อฉินซีอย่างโกรธแค้น ลากเธอมาตรงหน้าตัวเอง : “ฉินซี หรือว่าผู้ชายคนนี้สำคัญกว่าชีวิตของตัวเองอีกหรือไง?”

เขาตะคอกเสียงดัง ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งประกายไฟ

“ใช่!”

ฉินซีพยักหน้า

น้ำเสียงของเธอแน่วแน่ขนาดนั้น ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่นิด

จ้านเซินเห็นความตั้งมั่นจากดวงตาของเธอ

มือที่จับคอเสื้อของฉินซีจับแน่นขึ้นไปอีก : “แล้วฉันล่ะ ฉินซี! คุณบอกฉัน ในสายตาของคุณ ฉันเป็นอะไร!”

จ้านเซินกัดฟันพูด ขณะเดียวกันก็เหมือนปีศาจที่กำลังบ้า

“คุณคือผู้นำของฉัน เป็นผู้มีพระคุณกับฉัน เป็นพี่ชาย เป็นครอบครัวของฉัน”

ฉินซีพูดอย่างคล่องแคล่ว สายตาที่มองจ้านเซินเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ : “แต่ ไม่ใช่คนรักของฉัน ความรักทั้งหมดของฉันมีแค่ลู่เซิ่นเท่านั้น”

ถึงแม้เธอไม่อยากทำร้ายจ้านเซิน แต่ใจของเธอก็ไม่โกหกใคร

คำพูดของฉินซี เหมือนหมัด หมัดหนึ่งที่ต่อยเข้าไปในใจของอย่างรุนแรง

จ้านเซินตกใจมากจนค่อยๆปล่อยมือเธอ ใบหน้าที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยความผิดหวัง

“ขอโทษ…”

เห็นท่าทีอย่างนั้นของเขา ในใจของฉินซีรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

แต่ เธอมีแค่คนเดียว จะรักสองคนในเวลาเดียวกันได้ยังไง

“จ้านเซิน พวกเราสามารถเป็นเพื่อนกัน คุณยังคงเป็นครอบครัวของฉัน เป็น…ของฉัน”

ฉินซีอยากจะพลิกสถานการณ์ แต่จ้านเซินกลับขัดจังหวะการพูดของเธออย่างเย็นชา : “พอแล้ว!”

เงยหน้าอย่างดุร้าย มองตรงไปที่ฉินซี

“ถ้ามีฉันอยู่ คุณไม่ต้องคิดจะอยู่ด้วยกันลู่เซิ่น”

จ้านเซินรู้สึกถึงการโดนหักหลัง เขากล่าวประโยคต่อไปอย่างโหดเหี้ยม

“เข้ามา เอาตัวเธอไปให้ฉัน”

เขาออกคำสั่งรุนแรง

ลู่เซิ่น” เห็นว่าเขาจะพาฉินซีไป ร้อนรนขึ้นมาทันที : “ฉินซี”

แต่ เขายังไม่ทันได้ลงมือ ก็ถูกบอดี้การ์ดของจ้านเซินตีจนสลบจากด้านหลัง

“ลู่เซิ่น” !”

“คุณทำอะไร!”

ฉินซีจ้องมองหัวหน้าบอดี้การ์ดอย่างโกรธแค้น โกรธจนขนาดอยากจะพุ่งไปฆ่าเขาให้ตาย

หัวหน้าบอดี้การ์ดไม่ตอบคำถามเธอ และเดินมาตรงหน้าจ้านเซิน

“พี่ใหญ่ จะจัดการเขายังไง?”

หัวหน้าบอดี้การ์ดมองไปที่ลู่เซิ่นที่สลบไสล เอ่ยปากตั้งคำถามเบาๆ

ถ้าไม่มีฉินซีล่ะก็ จ้านเซินอยากให้เขาตายจริงๆ

แต่ถ้าลู่เซิ่นตาย งั้นฉินซีก็จะไม่ยอมมีชีวิตอยู่

“มัดและทิ้งไว้ตรงนี้ ตอนนี้เตรียมตัวกลับองค์กรทันที”

จ้านเซินออกคำสั่งอย่างเคร่งขรึม

จ้านเซินไว้ชีวิตลู่เซิ่น ในใจของฉินซีสบายใจขึ้นมาหน่อย

“ไป!”

จ้านเซินดึงข้อมือของฉินซีเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ฉินซีมองลู่เซิ่นที่สลบอยู่อย่างอาลัยอาวรณ์ ทำได้แค่ตามเขาไปอย่างว่าง่าย

เธอแอบสาบานใจใน ต้องทำให้องค์กรล่มสลายให้ได้ และรีบกลับไปอยู่กับลู่เซิ่นอย่างเร็วที่สุด

ในขณะเดียวกัน

ถังย่าและเหยาจ้าวโดนช่วยออกมาแล้ว

เมื่อถังย่าเห็นฉินซีโดนล็อกกุญแจมือไว้ แววตาสวยงามเปล่งประกายแสงสว่าง

เธอรู้ ต่อให้ฉินซีพยายามยังไง ก็หนีไม่พ้นน้ำมือของจ้านเซิน

“เห้อ…”

ถังย่าแอบถอนหายใจในใจเงียบๆ

ความจริงแล้ว เมื่อกี้ถังย่าจงใจปล่อยไปแล้ว

ไม่งั้น วัดจากความสามารถของถังย่า จะหลบไม่พ้นเข็มของฉินซีได้ยังไงกัน

ตอนที่อยู่ในองค์กร ความสามารถของถังย่าและฉินซีไม่ต่างกันมาก ตอนนี้ฉินซีพักฟื้นมาแล้วหนึ่งปี ไม่ทำภารกิจอะไร ในด้านความว่องไวย่อมด้อยกว่าถังย่าเป็นธรรมดา

แต่ถึงแม้ถังย่าจะยอมอ่อนข้อให้ ฉินซีก็ยังหนีไม่พ้นจ้านเซินอยู่ดี

มีสองเหตุผลที่ถังย่าเลือกที่จะให้โอกาสฉินซี

หนึ่ง ทั้งสองคนโตมาด้วยกันแต่เด็ก ความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา

สอง เธอชอบจ้านเซิน ถ้าฉินซีจากไปแล้ว อาจจะมีสักวันหนึ่งที่จ้านเซินจะเห็นความดีของเธอ

ถังย่าจัดการกับอารมณ์และเดินไปหน้าจ้านเซิน : “พวกเราจะไปคืนนี้เลยไหม?”

เธอขยับคอที่โดนฉินซีจนปวดเมื่อกี้เล็กน้อย และถามอย่างนิ่งเฉย

ภายในน้ำเสียงเธอไม่ได้มีความตกใจอะไร

จ้านเซินมองเธอแวบหนึ่ง : “อืม แจ้งหมอเหยา ออกเดินทางทันที”

ถังย่ารับคำสั่ง ใช้ความรุนแรงปลุกหมอเหยาที่ยังสับสนอยู่ให้ตื่นขึ้น

“งั้นโจวซิงยังต้องพาไปด้วยไหม?”

จ้านเซินคิดแล้วคิดอีก “ไม่ต้อง พาเขากลับไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าโจวซิงเป็นคนของลู่เซิ่นแล้ว พาเขากลับไป ก็เป็นภาระเปล่าๆ

จ้านเซินมองเหยาจ้าวที่ยืนอยู่ด้านข้าง : “หมอเหยา คุณรู้สึกยังไงบ้าง?”

เขาถามอย่างตั้งใจ เหมือนกำลังทดสอบอะไรอยู่

เผชิญหน้ากับคำถามของจ้านเซิน เหยาจ้าวก้มหน้าลงในพริบตา เพื่อหลบสายตา : “พี่ใหญ่ ขอโทษ เมื่อกี้เพราะฉันทำพลาดไป ทำให้ฉินซีออกมาจากความฝันได้ ทำร้ายฉันกับถังย่าจนสลบไปและหนีออกมาได้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท