Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1410

ตอนที่ 1410

บทที่ 1410 โกรธแค้นกระวนกระวาย

หลังจากลู่เซิ่นพ่ายแพ้ ฉินซีอ้อนวอนขอร้องกับจ้านเซิน

ต้องการใช้ตัวเองแลกกับชีวิตของเขา

หรือว่าฉินซีจะโดนจ้านเซินพาตัวไปจริง?

คิดได้อย่างนี้ ลู่เซิ่นถึงกับนั่งไม่ติดขึ้นมาทันที

“ฉินซีล่ะ? ฉินซีอยู่ที่ไหนกันแน่ โจวเอ้อ คุณรีบบอกฉันมาเร็ว!”

ขณะนี้ลู่เซิ่นสูญสิ้นความสงบนิ่งตามปกติไปหมดสิ้น เขามองโจวเอ้อ นิ้วมือทั้งห้าขยับแน่นขึ้นอีก

โจวเอ้อเห็นเขาควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ยิ่งไม่กล้าบอกความจริงกับเขา : “ลู่เซิ่น คุณอย่าเพิ่งใจร้อน คุณรอฉันค่อยอธิบายให้คุณฟัง”

เขาพยายามสงบสติอารมณ์ของลู่เซิ่น

ตามการเคลื่อนผ่านของเวลา ใจของลู่เซิ่นค่อยสงบลงทีละน้อย

บาดแผลของเขากำลังเจ็บปวด แต่ก็ไม่เท่ากับความเจ็บปวดที่ส่งมาจากใจ

ลู่เซิ่นค่อยๆ ปล่อยมือเขา : “คุณเล่ามาเถอะ”

เขาจ้องโจวเอ้อตรงไปตรงมา ดวงตาสีดำสนิทส่องประกายความมืดมน

“ฉันช่วยปรับเตียงขึ้นให้คุณก่อน”

โจวเอ้อหวังว่าลู่เซิ่นจะเอนตัวได้สบายขึ้นสักหน่อย และอยากจะถ่วงเวลาออกไปอีกหน่อย เพื่อให้ลู่เซิ่นเตรียมใจ

ความจริงแล้ว ลู่เซิ่นพอจะเดาออกแล้ว

ถ้าช่วยฉินซีออกมาได้แล้ว งั้นโจวเอ้อคงรีบบอกข่าวดีนี้กับเขาตรงๆ

แต่ ตอนนี้โจวเอ้อกลับอืดอาดยืดยาด ไม่ยอมพูดความจริงออกมา

สิ่งที่โจวเอ้อทำทั้งหมด มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น

นั่นเพราะฉินซีโดยจ้านเซินพาตัวไปแล้ว

ลำคอของลู่เซิ่นหนืด รู้สึกเหมือนเลือดพุ่งขึ้นมาในทันที

เขาปล่อยให้โจวเอ้อทำอะไรอย่างเงียบๆ

หลังจากโจวเอ้อปรับเตียงขึ้นมาให้ ประคองเขาอีกครั้ง และเอาหมอนหนึ่งใบไปรองด้านหลังลู่เซิ่น

เขามองลู่เซิ่น ลังเลที่จะพูด : “ลู่เซิ่น คุณสัญญากับฉันก่อน ไม่ว่าคุณจะได้ยินอะไร ต้องรักษาความสงบนิ่ง อย่าเพิ่งโกรธ และอย่าเพิ่งขยับตัวเด็ดขาด ไม่งั้นแผลจะเปิด”

เมื่อวานลู่เซิ่นได้รับบาดเจ็บรุนแรง กระดูกซี่โครงที่บริเวณเอวหักไปหลายท่อน

ถ้าไม่ได้รับการรักษาดูแลอย่างดี ซี่โครงทิ่มเข้าไปในปอด ทำให้เลือดออกเยอะมาก งั้นเรื่องนี้คงต้องถึงชีวิต

โจวไม่อยากเห็นลู่เซิ่นตายอยู่ในโรงพยาบาลนี้ เพราะยิ่งทำให้โอกาสที่ฉินซีขอร้องมาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์

“ฉันรู้”

ลู่เซิ่นพยักหน้า : “คุณว่ามาเถอะ ฉันทนรับได้”

ปากเขาบอกว่าทนรับได้ แต่มือที่ซ่อนอยู่ในผ้าห่มกลับกำแน่นไม่หยุด

โจวเอ้อเห็นท่าทางอย่างนี้ของเขา ยิ่งเป็นห่วง : “เมื่อคืนนี้ฉินซีโดนจ้านเซินพาตัวไปแล้ว”

เมื่อได้ยินอย่างนี้ ลู่เซิ่นอึดอัดแน่นขึ้นมาทันที

“ตอนนี้พวกเขาไปอยู่ที่ไหน?”

ลู่เซิ่นถามเสียงแหบ

เขามองโจวเอ้อด้วยตาวาว รอคำตอบจากเขา

โจวเอ้อทนเห็นท่าทางเจ็บปวดเหมือนอกหักของเขาไม่ได้ หันหน้าหลบ : “ถ้าคิดตามเวลาแล้ว ตอนนี้ฉินซีน่าจะเดินทางไปถึงองค์กรแล้ว”

ลู่เซิ่นสลบไปหนึ่งวันหนึ่งคืน เกรงว่าตอนนี้จะไปขัดขวางก็คงไม่ทันแล้ว

“พร๊วด~”

หลังจากโจวเอ้อพูดประโยคนี้ ลู่เซิ่นก็พ่นเลือดออกมาทางปาก

“ลู่เซิ่น!”

โจวเอ้อเห็นลู่เซิ่นอ้วกออกมาเป็นเลือด ใจตื่นเต้นขึ้นมาทันที

เขามองเลือดสีแดงสดบนผ้าปูเตียง และรีบวิ่งเข้าไปด้านข้างลู่เซิ่น : “ลู่เซิ่น คุณเป็นอะไร? คุณรอฉันสักครู่ ฉันจะไปเรียกหมอมา”

โจวเอ้อพูดอย่างตื่นตกใจ เสียงสั่นน้อยๆ

สีหน้าของลู่เซิ่นเปลี่ยนเป็นซีดขาวลง ดวงตาไร้สติ

โจวเอ้อไม่เคยเห็นท่าทีอย่างนี้ของเขา หัวใจตื่นตระหนกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ฉินซี…”

ลู่เซิ่นพึมพำ จากนั้นตาขาวก็ลอยขึ้นและสลบไป

“ลู่เซิ่น! ลู่เซิ่น!”

โจวเอ้อกดปุ่มฉุกเฉินตรงหัวเตียงอย่างบ้าคลั่ง

โจวซิงที่พักผ่อนอยู่ในห้องทำงาน ได้ยินเสียงกระดิ่ง รีบกระโดดปีนลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว

โจวซิงรีบวิ่งมาที่ห้องพักผู้ป่วยของลู่เซิ่นอย่างเร่งรีบ ใบหน้ายังคงหลงเหลือร่องรอยหลับลึกอยู่

เมื่อโจวซิงเข้ามาในห้องเห็นเลือดเต็มเตียงก็ตกใจไม่น้อย

เขารีบก้าวขาเร็วยาวเข้าไปข้างตัวลู่เซิ่น

โจวซิงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “เกิดอะไรขึ้น?”

ทำไมลู่เซิ่นอ้วกออกมาเป็นเลือด

โจวเอ้อตอบอย่างตื่นตกใจ : “ลู่เซิ่นตื่นมาจะไปตามหาฉินซีให้ได้ ฉันรั้งไว้ไม่ไหว ทำได้แค่บอกเขาเรื่องที่ฉินซีโดนจ้านเซินพาตัวไป หลังฟังจบเขาก็อ้วกออกมาเป็นเลือดและสลบไป”

เขาเล่าอย่างรวดเร็ว

หลังจากโจวซิงได้ฟัง เอ่ยปากพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม : “คุณออกไปรอด้านนอกก่อน ฉันต้องรีบดำเนินการช่วยชีวิตลู่เซิ่น”

เขาพูดพลางดันโจวเอ้อออกไปอีกเป็นเมตร

พยาบาลรีบเข้ามาดึงผ้าม่านข้างเตียงออก

โจวเอ้อรออยู่ด้านนอกอย่างร้อนรน เห็นโจวซิงกำลังช็อตคลื่นหัวใจไฟฟ้าให้ลู่เซิ่นอยู่ในห้อง

หลังจากต่อสู้กับความตายมาครึ่งชั่วโมง โจวซิงก็วางมือลงได้สักที

โจวซิงเช็ดเม็ดเหงื่อที่หน้าผาก ถอดถุงมือออกโยนทิ้งในถังขยะ

เขาส่งต่อขั้นตอนหลังจากนี้ให้พยาบาลจัดการ และเดินออกมา

โจวซิงเห็นโจวเอ้อที่รออยู่ด้านนอก ก็โกรธขึ้นมาทันที : “คุณบอกเรื่องที่ฉินซีโดนจับตัวไปกับลู่เซิ่นได้ยังไง! เดิมที่สถานการณ์ร่างกายของเขาตอนนี้ก็รับไม่ไหวอยู่แล้ว!”

เมื่อคืนเขาอดนอนมาทั้งคืน กว่าจะช่วยชีวิตลู่เซิ่นมาจากความตายได้

เกือบจะโดนโจวเอ้อทำลายพังอีกครั้ง คิดแล้วโจวซิงก็โกรธ

ในใจโจวเอ้อรู้สึกไม่เป็นธรรมมาก : “ลู่เซิ่นนิสัยยังไง คุณไม่รู้หรือไงกัน? ถ้าฉันไม่บอกเขา เขาก็ยิ่งจะวิ่งออกไปให้ได้”

แต่สภาพร่างกายลู่เซิ่นตอนนี้ แค่ออกจากโรงพยาบาลยังทำไม่ได้

โจวซิงได้ยินเขาพูดอย่างนี้ เขาถอนหายใจยาว : “เห้อ…”

เขาพูดอย่างหมดหนทาง : “โชคดีที่ลู่เซิ่นแค่โกรธจนอ้วกออกมาเป็นเลือดนิดหน่อย ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว แต่หนึ่งเดือนหลังจากนี้ต้องพักผ่อนให้ดี อย่าให้เขาโกรธอีกเด็ดขาด”

ลู่เซิ่นต้องการการรักษาที่เงียบสงบ แต่จะให้เขาอยู่แต่ในโรงพยาบาลนั้น ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่แน่นอน

ในเมื่อนิสัยของลู่เซิ่นดื้อรั้นขนาดนั้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าฉินซีโดนจับตัวไป ต้องคิดหาวิธีช่วยฉินซีออกมาแน่นอน ไม่กลัวแม้ต้องแลกชีวิตตัวเอง

“ฉันจะพยายาม คุณก็ลองเกลี้ยกล่อมเขาดูด้วยแล้วกัน”

โจวเอ้อพูดอย่างอ่อนแรง ขมวดคิ้วแน่น เผยสีหน้าความยากลำบาก

โจวซิงเข้าใจความลำบากของเขา พยักหน้า : “ฉันรู้ คุณก็พักสักหน่อยเถอะ ฉันนอนมาพอสมควรแล้ว เดี๋ยวฉันเฝ้าลู่เซิ่นต่อให้”

ตอนนี้ลู่เซิ่นยังไม่พ้นขีดอันตราย มีโจวซิงรู้สึกปลอดภัยขึ้นหน่อย

ใจของโจวเอ้อสับสน : “ฉันนอนไม่หลับ เมื่อคืนเห็นฉินซีโดนล็อกกุญแจมือกับตา และโดนบังคับกลับไปที่องค์กร และก็ไม่รู้ว่าจ้านเซินจะปฏิบัติกับเธอยังไง”

ถ้าจ้านเซินใช้บทลงโทษขององค์กรจริงๆ งั้นฉินซีจะรับไหวไหม

ถ้าฉินซีตายอยู่ในองค์กร แล้วลู่เซิ่นจะดีได้ยังไง

ในใจโจวเอ้อกังวลเป็นอย่างมาก

โจวซิงมองท่าทางลังเลของเขา ยื่นมือออกไปตบบ่าเขา : “โจวเอ้อ คุณอย่าเพิ่งคิดอะไรมากขนาดนั้นเลย”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท