Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1412

ตอนที่ 1412

บทที่ 1412 ความหลงใหล

ใช่แล้ว เธอไม่ได้โดดเดี่ยวอยู่ในองค์กร

เธอยังมีเหยาจ้าว แค่ติดต่อเหยาจ้าว และให้เขาช่วยออกไปสืบข่าวของลู่เซิ่นให้สักหน่อย

แต่ จะทำยังไงให้เหยาจ้าวมาที่นี่ด้วยตัวเองและคนอื่นไม่ผิดสังเกตล่ะ

ฉินซีขมวดคิ้วแน่น พยายามใช้คิดหาวิธีการ

“ใช่แล้ว!”

สมองของฉินซีคิดออกขึ้นมาทันที

เธอล้มบนพื้นอย่างเจ็บปวด ใบหน้าขาวซีด : “เจ็บ เจ็บมาก”

ฉินซีกลิ้งอยู่บนพื้นพลางร้องเจ็บปวดครวญคราง

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่หน้าประตูได้ยินเสียงรีบถามอย่างรวดเร็ว : “คุณฉิน คุณเป็นอะไรไป?”

ตอนนี้ฉินซีเป็นบุคคลที่สำคัญภายในองค์กรต้องปกป้อง ถ้าเธอเกิดข้อผิดอะไรขึ้น ยากจะสู้หน้ากับจ้านเซิน

“โอ๊ย! ปวดมาก!”

ฉินซีไม่ตอบคำถาม บนหน้าผากมีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลหยด

เสียงบาดใจของเธอ ทำให้คนเฝ้าประตูตกในจนรีบเปิดประตูเข้ามา

เมื่อคนเฝ้าประตูเห็นฉินซีปวดจนล้มอยู่บนพื้น ริมฝีปากและใบหน้าซีดขาว ในใจก็สับสนไม่สงบ

หนึ่งในคนเฝ้าประตูผลักเพื่อนร่วมงานอีกคน : “ฉันจะเฝ้าคุณฉินอยู่ที่นี่ นายรีบไปเรียกหมอเหยามาดูหน่อย และรายงานเรื่องสถานการณ์คุณฉินซีให้พี่ใหญ่ทราบด้วย”

เขาพูดอย่างร้อนใจ หลังเพื่อนร่วมงานอีกคนได้รับคำสั่งจึงวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

“ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย…”

ฉินซีร้องคร่ำครวญความเจ็บปวดออกมา เหมือนเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด

เหงื่อแตกเต็มหน้าผาก คนเฝ้าประตูไม่รู้ว่าเธอปวดตรงไหนกันแน่ และก็ไม่กล้าลงมือ

เขามองฉินซีปวดจนสลบไปกับตา ในใจหวั่นไหว

คนเฝ้าประตูไม่เห็นรอยยิ้มที่มุมปากของฉินซี

ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อกี้เธอแค่แสดงละครเท่านั้นเอง เพื่อหลอกให้เหยาจ้าวมาที่นี่

……

ขณะเดียวกัน

เหยาจ้าวกำลังคุยกับจ้านเซิน

จ้านเซินมองท่าทางก้มหน้าก้มตาของเขา และพูดอย่างเย็นชา : “หมอเหยา เมื่อวานเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมฉินซีถึงหนีออกมาจากภาพความฝันได้ และยังทำร้ายคุณกับถังย่าจนสลบได้”

เขาเชื่อใจเหยาจ้าวมาโดยตลอด

แต่ คำพูดของถังย่าวันนั้น กลับทิ้งเงาไว้ในใจลึกๆ ของจ้านเซิน

ตอนนี้เขาสงสัยว่า เหยาจ้าวเป็นพวกเดียวกันกับฉินซีไหม

ดังนั้น เหยาจ้าวรู้ว่าคืนนั้นลู่เซิ่นจะบุกเข้ามาช่วยฉินซีออกไป จึงจงใจสร้างภาพทำให้เหมือนกับสะกดจิตไว้แล้ว แต่ความจริงแล้วก็แค่เพื่อใช้หลอกเขาและถังย่า

เผชิญหน้ากับความสงสัยของจ้านเซิน ในใจของเหยาจ้าว “ตึกตึก!” ไปสักครู่

เขารู้ว่าตัวเองหนีไม่รอด แต่เมื่อคืนเขาไม่ได้ช่วยฉินซีจริงๆ

เมื่อตอนบ่ายเหยาจ้าวแอบได้ยินบทสนทนาของจ้านเซินและถังย่ามาแล้ว

เขารู้ชัดเจนว่าถังย่ากับจ้านเซินกำลังสงสัยตัวเอง จะไปกล้าทำผิดกฎภายใต้สายตาของพวกเขาได้ยังไงกัน

เหยาจ้าวสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับความกังวลในใจและเอ่ยปากพูดด้วยเสียงสงบนิ่ง : “พี่ใหญ่ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันสาบานได้”

เขายกมือ ดวงตามุ่งมั่นมองไปที่จ้านเซิน

“จริงที่เมื่อวานฉินซีทำลายภาพความฝันออกมา พูดในแง่ทางการแพทย์แล้ว เพราะฉินซีหลงใหลในโลกภายนอกอย่างลึกซึ้ง เธอรู้ว่าลู่เซิ่นจะปรากฏตัวคืนนี้ ดังนั้นสติสัมปชัญญะอัดแน่น คุณก็รู้ว่าตัวฉินซีเองเป็นอาวุธที่ที่ดีที่สุดในองค์กร ผ่านการฝึกด้านจิตวิทยามานับไม่ถ้วน”

เหยาจ้าวพูดการคาดการณ์ของตัวเองออกมาทีละประโยคอย่างช้าๆ : “ด้านจิตวิทยาของฉินซี มีความมุ่งมั่นแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาทั่วไปมาก เมื่อคืนเธอตั้งใจเตือนตัวเองไม่ให้โดนสะกดจิต ถึงแม้ตอนต้นจะสะกดจิตได้ความสำเร็จ แต่ตามความสามารถของเธอแล้ว ควบคุมเธอได้แค่สิบกว่านาทีเท่านั้น เธอก็สามารถทำลายออกมาได้”

เขาวิเคราะห์สถานการณ์ของฉินซีทีละนิด หลังจากจ้านเซินฟังจบก็เงียบไป

สมองของจ้านเซินคิดทบทวนสิ่งที่เหยาจ้าวพูดเมื่อกี้ไปมาไม่หยุด

“เธอหลงใหลลู่เซิ่นมากเกินไป จนสามารถทำลายข้อผูกมัดได้”

จ้านเซินคิดภาพไม่ออก ต้องเป็นความรู้สึกแบบไหนกัน ที่ทำให้ฉินซีทำได้ถึงขนาดนี้

ฉินซีน่าจะรู้ การออกจากการสะกดจิตกะทันหันแบบนี้ ถ้าทำได้ไม่ดี อาจจะทำให้สมองได้รับความเสียหายหรือถึงชีวิตได้ หรือไม่เธออาจจะเพี้ยนได้

ฉินซีได้รับการฝึกฝนมากมายในองค์กร

ความรู้ด้านนี้ จ้านเซินไม่เชื่อว่าฉินซีจะไม่รู้

เรียกได้ว่า ฉินซีรู้ถึงผลที่อาจจะตามมาในภายหลัง แต่เธอก็ทำอย่างไม่ลังเล

สำหรับเธอแล้ว ลู่เซิ่นสำคัญกว่าชีวิตอีกหรือไง?

“ปัง!”

จ้านเซินยิ่งคิดยิ่งโกรธ เขากระแทกหมัดลงบนโต๊ะ ทำให้เกิดเสียงดัง

หมัดนี้ จ้านเซินใช้แรงเต็มกำลัง

ผิวโต๊ะแตกเป็นหลุมใหญ่ และหมัดของจ้านเซินก็จมลงไปในเศษไม้ เลือดสีแดงสดไหลหยดตามนิ้วมือของเขา เปื้อนกระดาษสีขาวด้านข้าง

แต่จ้านเซินกลับทำเหมือนไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร เขาเม้มปากแน่น บรรยากาศความรุนแรงแผ่กระจายไปทั่วตัว

เหยาจ้าวเห็นภาพนี้ หรี่ตาเล็กลง

เขารีบเดินไปข้างหน้า : “พี่ใหญ่ มือของคุณ”

เหยาจ้าวรีบยกกล่องยาด้านข้างขึ้นมา อยากจะทำแผลให้จ้านเซิน

แต่จ้านเซินกลับโบกมือไล่เขาอย่างรำคาญ : “ออกไป!”

ขณะที่จ้านเซินกำลังจะออกมา ประตูห้องทำงานเหยาจ้าวก็ถูกเปิดเข้ามาจากด้านนอกอย่างกะทันหัน

เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังขึ้นคนเฝ้าประตูเห็นเหยาจ้าว ใบหน้าปรากฏความรีบร้อน : “หมอเหยา คุณรีบไปดูคุณฉินหน่อยเถอะ เธอปวดหัวขึ้นมากะทันหันจนเป็นลมไปแล้ว”

คนเฝ้าประตูยังเดินมาไม่ถึงด้านหน้า ก็รีบรายงานตั้งแต่ยังยืนอยู่หน้าประตู

ได้ยินข่าวนี้ หมอเหยาและจ้านเซินตกใจไปพร้อมๆ กัน

เดิมทีคนเฝ้าประตูอยากจะไปรายงานจ้านเซิน คิดไม่ถึงว่าพวกจะอยู่ด้วยกันพอดี ถือว่าได้บอกไปพร้อมๆ กัน

“อะไร!”

จ้านเซินลุกขึ้นทันทีทันใด

“รีบพาฉันไปดู”

เขาก้าวขายาวออกไปจากประตู

เหยาจ้าวถือกล่องยารีบตามไป

ทั้งสองคนเร่งรีบมาถึงห้องกักขัง ตอนนั้นฉินซีปวดจนสลบไปแล้ว

คนเฝ้าประตูที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเห็นจ้านเซินกับเหยาจ้าวมาแล้วรีบลุกขึ้นหลีกทางให้ : “พี่ใหญ่ หมอเหยา คุณฉินร้องเจ็บอยู่ตลอดเวลา คุณรีบเข้าไปดูเธอเถอะว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นไหม”

“อืม”

เหยาจ้าวพยักหน้า และเอากล่องยาวางไว้บนพื้น

เขาทำให้ฉินซีนอนราบอยู่บนเตียงในห้องกักขังตัว

เหยาจ้าวเปิดหนังตาฉินซีดู ตรวจดูเธออย่างง่ายๆ สีหน้าดูลำบากยิ่งขึ้น

จ้านเซินยืนอึดอัดอยู่ด้านข้าง จิตใจสับสนไปกับท่าทางของเขา

เหยาจ้าวหันมองจ้านเซิน : “พี่ใหญ่ สถานการณ์ของฉินซีตอนนี้ย่ำแย่มาก อุปกรณ์ที่นี่ธรรมดาเกินไป ฉันต้องย้ายเธอไปที่ห้องทดลอง เพื่อตรวจให้ละเอียดกว่านี้”

เขาพูดอย่างรีบร้อนและขอความคิดเห็นจากจ้านเซิน

จ้านเซินเห็นสีหน้าซีดขาวของฉินซี ไม่พูดอะไร แต่รีบอุ้มเธอขึ้นมาและเดินไปทางห้องทดลอง

จนกระทั่งถึงตอนนี้ สำหรับจ้านเซินแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการรักษาชีวิตของฉินซี

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท