Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1411

ตอนที่ 1411

บทที่ 1411 ห้องกักขัง

“ไปนอนพักก่อนสักหน่อย ดีกว่ามัวคิดอะไรไปเองอยู่ตรงนี้ ไปจัดระเบียบความคิดสักหน่อย ค่อยคิดว่าวิธีอื่นที่จะไปช่วยฉินซีออกมา”

โจวซิงพูดอย่างผ่อนคลาย ทนเห็นเขาทำให้ตัวเองเหนื่อยขนาดนี้ไม่ไหว

โจวเอ้อคิดแล้วคิดอีก คิดว่าที่โจวซิงพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง

ตอนนี้ในสมองเขาวุ่นวายไปหมด คิดอะไรดีๆ ไม่ออกเลย

“ได้ งั้นคุณเฝ้าสังเกตลู่เซิ่นทางนี้ มีเรื่องอะไรรีบบอกฉันทันที”

โจวเอ้อพูดย้ำอย่างไม่วางใจอีกสองสามประโยค หลังจากได้รับคำตอบที่มั่นใจจากโจวซิงแล้ว จึงเดินไปทางห้องทำงานของเขา

โจวซิงมองลู่เซิ่นที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียงผู้ป่วย และส่ายหน้า

ถึงเขาจะไม่เข้าใจความรักและไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน

แต่เขาเห็นฉินซีและลู่เซิ่นพยายามทำอย่างสุดชีวิตเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว ใจเขารู้สึกหวั่นไหวเป็นอย่างยิ่ง

……

อีกด้านหนึ่ง

ฉินซีเข้ามาในองค์กร และถูกจ้านเซินขังไว้ในห้องมืดเล็กๆ

“คุณเข้าไปคิดทบทวน คิดอะไรได้แล้ว ก็ให้คนมาบอกฉัน”

หูของฉินซีฟังคำพูดเย็นชาของจ้านเซิน แต่เธอกลับไม่ใส่ใจ

เธอไม่ได้สนใจจะสำนึกผิดต่อจ้านเซินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เธอก็แค่ไล่ตามอิสระและความรักของตัวเอง ไม่ได้ทำอะไรผิด

องค์กรและกฎพวกนั้นต่างหากที่ผิด

ฉินซีสาบานจะต่อสู้กับระบบชั่วร้ายให้ถึงที่สุด

จ้านเซินมองท่าทางว่านอนสอนง่ายของเธอ อารมณ์ในใจกลับพลุ่งพล่าน ไม่ใช่แค่รู้สึกไม่ดีใจ แต่กลับไม่สบายใจยิ่งขึ้นไปอีก

หลังจากฉินซีออกจากโรงพยาบาลมา ก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ

เธอถึงขนาดไม่กินไม่ดื่ม ต่อต้านเขาอย่างเงียบๆ

ถังย่าเห็นภาพนี้ เม้มแล้วเม้มปากอีก : “ฉินซี คุณคิดให้ดีๆ สำหรับคุณแล้วอะไรที่สำคัญที่สุด คุณลองวิเคราะห์ดูว่าควรทำยังไง”

เธอพูดอย่างมีนัยลึกซึ้ง ความหมายในนั้นมีเพียงฉินซีที่ต้องทำความเข้าใจด้วยตัวเอง

ฉินซีได้ยินเสียงของเธอ เงยหน้าขึ้นมองตาเธออย่างนิ่งเฉยและก้มหน้าลงอีกครั้ง

ท่าทางไม่เย่อหยิ่งไม่สะทกสะท้านอย่างนี้ ทำให้จ้านเซินสะบัดแขนเดินจากไป

ถังย่ามองบอดี้การ์ดแวบหนึ่ง เชิงสั่งให้เฝ้าฉินซีให้ดี ห้ามปล่อยให้ออกไปเด็ดขาด จากนั้นจึงรีบตามจ้านเซินไป

บอดี้การ์ดรู้ดีว่าจ้านเซินสนใจฉินซีขนาดไหน ทุกคนตั้งสติอย่างดี ไม่มีใครกล้าหย่อนยาน

ถ้าทางนี้ฉินซีเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตามนิสัยโมโหร้ายของจ้านเซินแล้ว พวกเขารับมันไม่ไหวแน่นอน

ถังย่ารีบไล่ตามทันการก้าวเดินของจ้านเซิน : “จ้านเซิน”

เธอเรียกเสียงดัง

จ้านเซินขมวดคิ้วและหยุดเดิน : “มีอะไร?”

เขาไม่หันกลับมาและพูดอย่างนิ่งๆ

ถังย่าพุ่งตัวไปด้านหน้าเขา เงยหน้ามองเขา : “จ้านเซิน คุณกำลังโกรธใช่ไหม?”

เธอถามตรงๆ แววตาสวยงามส่องประกายวิบวับ

แววตาถังย่าใสราวกับกระจก สามารถส่องสะท้อนความคิดในใจคน

จ้านเซินหันหน้าหลบ และพูดเสียงเย็นชาว่า : “ไม่”

ท่าทางเย่อหยิ่งของเขา ถังย่าไม่ได้ทำลายมันลง

“งั้นฉันยังต้องเฝ้าสังเกตการณ์ทางฝั่งของลู่เซิ่นอีกไหม?”

ถังย่าพูดถึงสาระสำคัญ เธอรู้สึกว่าหลังจากลู่เซิ่นกลับไป เขาจะต้องไม่ยอมแพ้แน่นอน

บางที ตอนนี้ลู่เซิ่นอาจจะกำลังวางแผนครั้งต่อไปจะลงมือยังไงอยู่ก็ได้

“อืม”

จ้านเซินก็คิดเหมือนกัน

ครั้งนี้เขาปล่อยลู่เซิ่นไป เพราะเห็นแกฉินซี ให้ลู่เซิ่นได้มีชีวิตต่อ

ถ้าลู่เซิ่นกล้าบุกเข้ามาในองค์กร เขาจะให้ลู่เซิ่นเข้ามาและไม่มีทางได้กลับออกไป

“โอเค งั้นฝั่งของลู่เซิ่นให้ฉันจัดการเอง สถานการณ์ของฉินซีไม่ปกติ ฉันขอแนะนำว่าดีที่สุดคุณอย่าบีบบังคับเธอ ให้เธอสงบสติหน่อย ค่อยๆ คิดทบทวน”

ถังย่าพูดเสนอความคิดเห็นของตัวเองออกมาอย่างอบอุ่น

เธอคิดว่าภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ จ้านเซินยิ่งบีบจนแน่น ฉินซีจะยิ่งต่อต้านมากขึ้น

แต่ทว่า ถังย่าคิดไม่ถึงว่าประโยคนี้ของเธอจะกระตุ้นสติของจ้านเซินได้อย่างดี

จ้านเซินมองเธอแววตาเป็นประกายไฟ พูดเสียงแหบว่า : “ถังย่า คุณคิดให้ดี ตอนนี้ใครบีบใครอยู่กันแน่!”

เขาคิดว่าตัวเองดีกับฉินซีมากแล้ว แต่ฉินซีกลับยังไม่พอ ท้าทายกฎขององค์กรและขีดจำกัดของเขาได้ทั้งวัน

ลูกน้องในองค์กรมีกี่ร้อยคน นอกจากฉินซีแล้วยังมีใครกล้าทำอย่างนี้อีก

ความอดทนที่เขามีต่อฉินซีถึงขีดจำกัดแล้ว

ถังย่าตกตะลึง เผชิญหน้ากับคำถามนี้ เม้มปากแล้วเม้มปากอีก : “จ้านเซิน นี่คุณเลือกเอง คุณเลือกที่จะปล่อยฉินซีไปได้ แต่คุณกลับพยายามเอาเธอมาไว้ข้างตัว คุณ…”

เธอยังพูดไม่ทันจบ จ้านเซินก็ขัดเธอขึ้นมาด้วยความโกรธ : “พอแล้ว! ถังย่า ตกลงแล้วคุณยืนข้างใคร ตอนนี้แม้แต่คุณก็ไม่เชื่อฟังฉันแล้วใช่ไหม?”

เขาก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว มองลงมาที่ถังย่า น้ำเสียงเย็นชาจนเข้ากระดูก

จ้านเซิน ณ ตอนนี้อันตรายมาก ราวกับสิงโตเร่ร่อนที่เดินวนไปมาตามขอบแดน

เขาจ้องถังย่า ถังย่ารู้สึกว่าอากาศรอบๆ เบาบางลงในทันที

ทั้งๆ ที่จ้านเซินไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ๆ ถังย่ากลับรู้สึกหายใจลำบาก

เธอโดนจ้านเซินบีบเข้าไปในมุมมุมหนึ่ง ใจเต้นอย่างรุนแรง

นี้ไม่ใช่ใจสั่นไหว แต่เป็นความกลัวและความน่ากลัว

ถังย่ากังวลว่าสิ่งที่พูดไปเมื่อกี้ จะทำให้จ้านเซินไม่สนใจตัวเองและแยกห่างออกไปอีก

“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันไม่ได้ไม่เชื่อฟังคุณ”

ถังย่าส่ายหน้า อยากจะอธิบาย

แต่ จ้านเซินกลับถอยไปครึ่งก้าวกะทันหัน

เขามองถังย่า ดวงตาเรียวยาวส่องประกายความหม่นหมอง : “ช่างเถอะ”

หลังจากจ้านเซินพูดจบอย่างไม่ใส่ใจ ก็หมุนตัวเดินจากไป

ถังย่ามองท่าทางตรงไปตรงมาของเขา ในใจเจ็บปวดมาก

เธอไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะเห็นความผิดหวังและความเหงาจากดวงตาของจ้านเซิน

จ้านเซินกำลังผิดหวังเพราะใคร เพราะเธอหรือ?

ในใจถังย่าสับสน เมื่อเธอกำลังคิดว่าจะไล่ตามไป ก็ไม่เห็นจ้านเซินแล้ว

เธอมองหาไปทั่ว แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของจ้านเซินเลยสักนิด

ไม่รู้จะทำยังไง ถังย่าทำได้แค่กลับไปรอก่อน

และฉินซีที่ถูกขังอยู่ในห้องกักขัง ไม่รู้สถานการณ์ภายนอกเลยสักนิด

ของที่อยู่ติดตัวเธอโดนยึดไปหมดแล้ว แค่คิดจะงัดกุญแจออกไปยังไม่ได้

จ้านเซินยังจัดบอดี้การ์ดไว้ด้านนอกอีกหลายคน สลับกันเฝ้าดูเธอไม่ให้หนีรอดออกไปได้

“ลู่เซิ่น คุณจะต้องไม่เป็นอะไร”

ฉินซีพึมพำกับตัวเอง ในตาเต็มไปด้วยความคิดถึง

เธอทำได้แค่นับเวลาโดยประมาณ แต่ทุกๆ วินาทีสำหรับฉินซีนั้นทรมานมาก

ฉินซีไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆได้อีก เธอต้องคิดหาวิธีที่จะออกไปให้เร็วที่สุด

ต่อให้ออกไปไม่ได้ ก็ต้องรู้ให้ได้ว่าสถานการณ์ของลู่เซิ่นเป็นยังไงบ้าง

แต่ด้านนอกมีแต่บอดี้การ์ดพวกนั้น เป็นคนที่จ้านเซินจัดมาทั้งหมด พวกเขาต้องไม่ยอมช่วยเธอแน่นอน

ทำยังไงดี?

ฉินซีเดินวนไปวนมาอย่างร้อนรน

“เหยาจ้าว!”

ทันใดนั้น สมองของฉินซีก็ปรากฏชื่อคนคนหนึ่งขึ้นมาทันที ดวงตาส่องประกายความยินดี

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท