Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1430

ตอนที่ 1430

บทที่1430 ชอบเอาชนะ

ถังย่าหวังว่าความรู้สึกของตนจะเพียงพอให้จ้านเซินรู้สึกได้ ก็ยังกังวลว่าหลังจากรู้สึกแล้ว จ้านเซินจะตัดความรู้สึกนี้ของเธอออกทันทีอย่างเย็นชา

“ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?”

เห็นถังย่ายังไม่วางสายโทรศัพท์ จ้านเซินก็ขมวดคิ้วเอ่ยถามอย่างเฉยชา

เสียงของเขาไม่มีความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย เป็นเหมือนปกติ

แต่ถังย่ากลับรู้สึกมีความน้อยใจอย่างอธิบายไม่ได้ เธออดกลั้นจมูกที่ชา แล้วพูดเบาๆ “ไม่มีแล้ว”

“ฉันวางล่ะ”

พูดจบ ถังย่าก็วางสายโทรศัพท์ไป

เธอไม่อยากฟังจ้านเซินวางสายก่อน ถังย่าเองก็ไม่รู้ว่า ตนเริ่มกลายเป็นคนชอบเอาชนะไปตั้งแต่เมื่อไหร่

“ตู๊ดตู๊ดตู๊ด…..”

จ้านเซินฟังเสียงสายไม่ว่างที่ดังมาจากปลายสาย ขมวดคิ้วลึกยิ่งขึ้น

เขารู้สึกอย่างอธิบายไม่ได้ ว่าอารมณ์ของถังย่าเมื่อกี้มีความผิดปกติ

หรือว่าเธอไปเจอเรื่องอะไรข้างนอกมา?

ถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นล่ะก็ ทำไมถังย่าไม่รายงานตั้งแต่ทีแรก

ในใจของจ้านเซิน รู้สึกอย่างแน่นอนเลยว่า ถังย่าไม่มีอะไรทำไม่ได้

ขอแค่องค์กรสั่งให้ถังย่าไปทำภารกิจใดๆก็ตาม ไม่มีอะไรที่ถังย่าทำไม่สำเร็จ

ดังนั้น ครั้งนี้แม้ว่าใจในของจ้านเซินจะมีความสงสัย แต่ก็ไม่ได้เอามาใส่ใจ

เขาเพียงแค่ให้ถังย่าไปเฝ้าดูลู่เซิ่นอย่างเรียบง่าย ไม่ได้ให้เธอไปทำภารกิจที่อันตรายอะไร ไม่น่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น

แม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเกิดขึ้น แต่ด้วยความสามารถของถังย่า ต้องสามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้ และจบลงอย่างน่ายินดี

ดังนั้น จ้านเซินจึงไม่ได้โทรกลับไป

เขาเก็บมือถือกลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง กลับไปที่ห้องหนังสือของตน แล้วเริ่มสะสางงาน

……

พริบตาเดียว ก็ผ่านไปอีกครึ่งเดือนแล้ว

ครึ่งเดือนมานี้ ภายใต้ความขยันไม่หยุดหย่อนของฉินซี จ้านเซินก็ยิ่งวางใจเธอขึ้นเรื่อยๆ

แล้วร่างกายของฉินซีก็ค่อยๆฟื้นฟูมาจนถึงสภาพที่ดีที่สุด

“เฮ้อ~”

ด้านในห้องฝึก

ฉินซีเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก นั่งหอบอยู่กับพื้น

ในตอนนั้นเอง

ประตูห้องก็ถูกเปิดออกกะทันหัน เผยใบหน้าที่หล่อเหลาของจ้านเซิน

จ้านเซินยื่นมือส่งยาเสริมกำลังขวดหนึ่งให้ฉินซี “ดื่มซะ”

ฉินซีรับมาอย่างนิ่งเฉย คิ้วกลับขมวดเข้าหากัน

ไม่ว่าในใจเธอจะไม่เต็มใจแค่ไหน แต่ว่าจ้านเซินมาเฝ้าดูเองถึงที่ เธอก็จำเป็นต้องดื่มเข้าไป

เพียงแต่ ช่วงนี้เหยาจ้าวเอาแต่ทำยาเสริมกำลังรสชาติใหม่

ทุกวันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา รสชาติแม้ว่าจะเบาลง แต่ผลลัพธ์ยังคงไม่ได้อร่อยเท่าไหร่

ฉินซีมองสีฟ้าอ่อนในวันนี้ รู้สึกว่าตนเอองเป็นหนูตะเภาของเหยาจ้าว เอามาใช้เป็นตัวทดสอบ

“เฮ้อ!”

ฉินซีถอนหายใจเงียบๆในใจ ไม่ได้อ้อยอิ่งต่อ

เธอไม่ได้พูดต่อ เงยหน้าขึ้นทันที แล้วเทลงไป

เดิมทีฉินซีนึกว่ารสชาติจะยังคงแย่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเข้าปากแล้วจะมีรสหวาน

ดวงตาสีอำพันเผยความประหลาดใจ “นี่มัน….”

เธอไม่คิดว่า รสชาติจะค่อนข้างดี ไม่ขมเลยซักนิด

“เป็นไงบ้าง อร่อยขึ้นเยอะเลยใช่ไหม”

เหยาจ้าวโผล่ออกมาจากด้านหลังของจ้านเซิน ใบหน้าเผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ

นี่คือสิ่งที่เขาใช้สมาธิคิดค้นขึ้นเป็นเวลานาน ถึงทำออกมาได้

“อร่อยขึ้นเยอะเลย”

ฉินซีพยักหน้า เทียบกับรสชาติเดิมนั่นแล้ว รสชาติในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นอาหารอันโอชะของโลกเลย

ได้รับการยืนยันจากฉินซี รอยยิ้มบนใบหน้าของเหยาจ้าวก็ค่อยๆกว้างขึ้น

เขาหยิบยาเสริมกำลังหลากหลายสีออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างอิ่มอกอิ่มใจ “ที่ฉันยังมีรสชาติอื่นอีก เธออยากชิมไหม”

เหยาจ้าวเขย่าขวดเล็กๆที่มีสีสันตรงหน้าฉินซี

เดิมทีฉินซีไม่ได้คาดหวัง แต่รสชาติขวดเมื่อกี้ไม่เลวเลยจริงๆ มันทำให้ความอยากรู้อยากเห็นของฉินซีเพิ่มขึ้น “ฉันจะลอง”

ถึงยังไงเธอก็เป็นหนูตะเภามาหลายครั้งแล้ว เป็นอีกซักครั้งจะเป็นไรไป

ฉินซีกำลังจะรับไป แต่กลับถูกจ้านเซินหยุดไว้

ทั้งสองมองไปที่จ้านเซินด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงขวางฉินซีไว้

จ้านเซินเผชิญหน้ากับการจ้องมองของทั้งสอง เอ่ยปากเบาๆ “ของแบบนี้ ดื่มได้ครั้งละไม่เกินสามขวดเท่านั้น มากเกินไปจะเป็นภาระของร่างกาย”

พลังงานที่ร่างกายมนุษย์ต้องการมีอยู่แล้ว ฉินซีจะดื่มมากแค่ไหน ที่สามารถดูดซึมได้ก็มีแค่นั้น

ถ้าดื่มมากเกินไป พลังงานส่วนเกินเหล่านี้จะสะสมอยู่ในร่างกาย

ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเธอดูดซึมได้ยาก ก็เป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์เช่นท้องร่วง

“งั้นฉันเลือกชิมขวดนึงแล้วกัน ส่วนที่เหลือค่อยดื่มครั้งหน้า”

ฉินซีเองก็เข้าใจเหตุผลนี้เช่นกัน ไม่ได้ตรวจสอบต่อไป

เห็นทั้งสองต่างพูดแบบนี้แล้ว เป็นธรรมดาที่เหยาจ้าวจะไม่กล้าเสนอความเห็นที่ขัดแย้ง

อีกอย่าง เมื่อกี้เขาก็ไม่ได้เตรียมให้ฉินซีดื่มทั้งหมด

เป็นหมอที่พัฒนาขึ้นมาเองทั้งหมด ความรู้ข้อนี้ เหยาจ้าวเข้าใจดี

“อืม”

จ้านเซินพยักหน้า

ช่วงนี้ฉินซีว่านอนสอนง่ายขึ้นเรื่อยๆ พูดง่ายขึ้นเรื่อยๆ

มันทำให้จ้านเซินปลื้มใจมาก คงจะดีถ้าเธอสามารถเป็นแบบนี้ต่อไปได้

“อืม…..ฉันจะเอารสอะไรดีล่ะ?”

ฉินซีมองไปที่สีที่แตกต่างหลายสีตรงหน้า ความสับสนก็เริ่มขึ้น

เหยาจ้าวเอ่ยปากพูดนำเสนอ “สีฟ้านี่รสบลูเบอรี่ สีชมพูรสลูกพีช สีแดงรสสตอเบอรี่ สีเหลืองเป็นรสส้ม….”

เขาอธิบายรสชาติทั้งหมดให้ฉินซีฟังในเฮือกเดียว ความตะกละในท้องของฉินซีก็เริ่มปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยากกินผลไม้มาก

เพื่อที่จะได้ไปโรงอาหารโดยเร็ว ได้กินผลไม้ที่แสนอร่อย ฉินซีหลับตาลง เริ่มเล่นจ้ำจี้

นี่เป็นเกมที่เธอกับจ้านเซินเล่นด้วยกันตอนเด็ก

แม้ว่าตอนเด็กในองค์กรเองก็เข้มงวดกับพวกเขามาก แต่ก็ยังพอมีเวลาอิสระ

ถึงอย่างไรความสามารถด้านความอดทนของเด็กกับผู้ใหญ่ก็ไม่เหมือนกัน บังคับมากเกินไป ก็จะถูกต่อต้าน

“จ้ำจี้มะเขือเปาะแปะ ไม่ใช่นายก็เป็นเขา!”

จ้านเซินมองฉินซีที่หลับตาอยู่ เริ่มตาบอดเลือก ความคิดของเขาก็กลับไปสู่อดีตทันที

ในตอนนั้นฉินซีเจอกับเรื่องที่ไม่อาจตัดสินใจได้ ก็ใช้วิธีการเลือกแบบนี้เหมือนกัน

นิสัยเล็กๆมากมายของเธอ ยังคนเป็นเหมือนตอนเด็ก ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย

เพียงแต่ ในใจและในสายตาของฉินซีเมื่อก่อน มีแต่เขา ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นลู่เซิ่น

คิดมาถึงตรงนี้ ในใจของจ้านเซินก็รับไม่ได้ขึ้นมาอีกครั้ง

ความรู้สึกที่ซับซ้อนแวบขึ้นมาในดวงตาสีเข้ม เขาจ้องตรงไปที่ใบหน้าขาวนวลของฉินซี แววตาแผดเผา ให้ฉินซีไม่อาจทำอะไรที่ต้องการให้เกิดขึ้นได้

“นั่นคือเขา!”

ฉินซีทำต่อไปไม่ได้แล้ว เธอลืมตาขึ้นทันที ใช้นิ้วชี้ไปที่อันหนึ่ง

“รสสตอเบอรี่”

หลังฉินซีรับมา ก็เปิดฝาออก ชิมอย่างละเอียด

ครั้งนี้เธอรู้ว่าไม่ขมแล้ว ก็ไม่ได้บุ่มบ่ามเหมือนเมื่อกี้

หวานหวานเปรี้ยวเปรี้ยว แล้วยังมีรสชาติของสตรอเบอร์รี่นิดหน่อย มันทำให้ฉินซีชอบมาก

ฉินซีกล่าวด้วยความชื่นชม “ไม่เลว! ไม่เลว!”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท