Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1435

ตอนที่ 1435

ฉินซีเป็นเด็กดีจนทำให้คนปวดใจ

เหยาจ้าวฟังเธอพูด จนถึงตอนนี้ยังไม่ลืมที่จะกดดันตัวเอง ดวงตาสีเข้มเผยความแน่วแน่ “ยัยโง่ เราเป็นพี่น้องกัน ไม่จำเป็นต้องเกรงใจฉัน”

ฉินซียืนด้วยลำแข้งตัวเองจนชิน ตอนนี้ถูกคนสงสาร ก็รู้สึกขัดเขินเล็กน้อย

“อืม”

ฉินซีพยักหน้า พูดสะอื้น

“เอาน่า ไม่ต้องร้องแล้ว เรามาปรึกษากันดีกว่าว่าจะทำยังไง”

เหยาจ้าวลูบผมสีเข้มที่นุ่มสลวยของเธอ พูดอย่างปลอบประโลม

พูดคำนี้จบ ฉินซีก็เก็บน้ำตาขึ้นมาทันที

อารมณ์ของเธอสงบลงทีละน้อย ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนขนตา “โอเค”

พรุ่งนี้ก็ต้องออกไปทำภารกิจแล้ว เวลาที่จะให้พวกเขาจัดเตรียมมีไม่มากแล้ว

เมื่อคิดว่าจะได้เจอลู่เซิ่น แม้ว่าจะเป็นเพียงการมองจากที่ไกลๆ ไม่สามารถพูดคุยได้ แต่ว่าใจของฉินซีก็ยังมีความสุขมาก

เธอรู้สึกว่า คืนนี้ตนคงหลับไม่ลงแน่นอน

“นั่งก่อนเถอะ”

เหยาจ้าวนั่งลงบนโซฟา มองไปที่ฉินซี “ฉันอยู่ที่นี่นานไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจ้านเซินจะสงสัย ดังนั้นเธอมีความคิดอะไร ก็พูดออกมาเลย”

เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา ใบหน้าจริงจัง

ฉินซีรู้ดี จ้านเซินตอนนี้แม้ว่าจะให้ตนออกไป แต่ความหวาดระแวงกลับไม่น้อยลงเลย

เธอเองก็ไม่กล้าเสี่ยง จึงเอ่ยปากพูดเสนอ “สถานที่ที่ฉันไปทำภารกิจในครั้งนี้ เป็นที่ประชุม ในเย็นวันนั้นจะมีงานเลี้ยงอาหารค่ำที่นั่น คนที่ฉันต้องจัดการ ก็จะอยู่ในงานเลี้ยงนั้น ถึงตอนนั้นคนมากหน้าหลายตา ลู่เซิ่นน่าจะปะปนเข้าไปได้”

ฉินซีโชคดีที่สถานที่ปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้อยู่ในงานเลี้ยง ไม่อย่างนั้นล่ะก็ รอบด้านจะว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่สิ่งของบดบัง ถึงตอนนั้นต่อให้ลู่เซิ่นมาแล้ว ก็ยังหาที่ที่จะหลบซ่อนไม่ได้ แบบนั้นเพียงแวบเดียวก็ถูกจ้านเซินเจอตัวแล้ว

“มีเหตุผล”

ก่อนหน้านี้เหยาจ้าวไม่รู้ว่าฉินซีจะไปทำภารกิจอะไร เพราะนี่เป็นความลับภายในองค์กร

แม้ว่าเหยาจ้าวจะเป็นแพทย์ขององค์กร แต่มือของเขาก็เข้าถึงได้แค่สถาบันวิจัยเท่านั้น

กฎระเบียบในองค์กรเข้มงวด คุณมีหน้าที่อะไร ก็สนใจแค่ตรงนั้น อย่าถามมาก รู้มาก ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ส่งผลดีใดๆกับตัวเอง

ดังนั้น ในตอนแรกเหยาจ้าวไม่ได้ถามฉินซีว่าจะไปทำอะไร

แล้วเขาก็ไม่กังวลว่าจะเกิดเรื่องกับฉินซี ถึงอย่างไรบอดี้การ์ดสองคนที่จ้านเซินส่งไปก็เป็นคนที่มีความสามารถที่สุดในองค์กร คุ้มครองฉินซีกลับมาได้ไม่มีปัญหา

ฉินซีเองก็เคารพกฎขององค์กร ไม่ได้บอกเหยาจ้าว

“งั้นนายเอาสถานที่ไปบอกลู่เซิ่น ให้เขาหาวิธีปะปนเข้าไปตอนที่คนเยอะ ระวังอย่าให้จ้านเซินกับคนที่เป็นหูเป็นตาของเขาเห็นเข้า”

ฉินซีพูดเตือน

สัญชาตญาณบอกเธอว่า ถึงตอนนั้นจ้านเซินจะต้องจัดเตรียมคนสอดแนมคนอื่นปะปนเข้ามาด้วยแน่นอน

คนสอดแนมเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อภารกิจในครั้งนี้ แต่เพื่อป้องกันลู่เซิ่น

เหยาจ้าวเข้าใจถึงความสำคัญของเรื่องนี้ เขาพยักหน้าด้วยใบหน้าจริงจัง “เธอวางใจเถอะ ฉันจะบอกโจวเอ้อเอง ให้เขาเอาเรื่องที่ต้องระวังไปบอกลู่เซิ่น นิสัยของลู่เซิ่นเธอเองก็น่าจะรู้ดี เขาทำอะไรระมัดระวังมาก เพียงแต่เมื่อเรื่องมันเกี่ยวข้องกับเธอแล้ว ก็จะฟุ้งซ่านนิดหน่อยเท่านั้น”

เขาพูดอย่างต่อเนื่อง แล้วถอนหายใจ

ความรักช่างเป็นสิ่งที่ทำให้คนว้าวุ่นเสียจริง

ต่อให้เป็นจ้านเซิน ที่เย็นชาไร้ความรู้สึกราวกับก้อนหิน เมื่อมีความรักเข้ามาปะปนแล้ว ก็ยังเสียสติสัมปชัญญะได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนทั่วไป

เหยาจ้าวอิจฉาเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกกลัว

ได้ยินเขาพูดแบบนี้ สีหน้าของฉินซีก็แดงขึ้นเล็กน้อย

สาเหตุที่ลู่เซิ่นฟุ้งซ่าน เพราะว่าเขาห่วงใย

ฉินซีกุมแก้มที่ร้อนผ่าว พูดด้วยความเขิน “พอแล้ว งั้นก็เอาตามนี้ นายส่งเรื่องนี้ไปบอกโจวเอ้อก่อน ดูว่าทางฝั่งเขาจะตอบมาว่ายังไง”

แม้ว่าพวกเขาจะคิดไว้อย่างดี แต่ก็อาจจะไม่สำเร็จก็ได้

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลู่เซิ่นทำเรื่องหุนหันพลันแล่น ทำให้ความพยายามที่ผ่านมาเป็นเวลานานทั้งหมดต้องศูนย์เปล่า ฉินซีพูดขึ้นอีกอย่างไม่วางใจ “นายอย่าลืมบอกโจวเอ้อ ต้องให้เขาพูดกับลู่เซิ่นให้ชัดเจน ถ้าเงื่อนไขไม่เพียงพอ อย่าประมาทลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นฉันจะโกรธ”

ในน้ำเสียงของฉินซีมีความข่มขู่อยู่

เธอไม่อยากทำลายความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้

ลู่เซิ่นอะไรก็ดีไปหมด แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเธอ ก็จะเสียสติสัมปชัญญะไปได้ง่ายๆ

มีคำพูดนี้ของเธอ ลู่เซิ่นน่าจะใจเย็นลงได้นะ

“วางใจเถอะ ฉันจะจัดหาคนไปจ้องไว้หน่อย ไม่ให้ลู่เซิ่นทำเรื่องโง่ๆ”

ถ้าเกิดลู่เซิ่นหุนหันพลันแล่น จ้านเซินจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอย่างแน่นอน

ถึงตอนนั้น จ้านเซินก็จะตรวจสอบ ว่าลู่เซิ่นได้ข่าวเรื่องที่ฉินซีจะออกไปทำภารกิจมาจากไหน ติดตามเบาะแสจนมาถึงตัวของเหยาจ้าว งั้นเขาก็จะลำบาก

เหยาจ้าวเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือ ลุกขึ้นแล้วเอ่ยปาก “ฉินซี นี่ก็ดึกแล้ว ฉันกลับก่อนนะ เธอรีบพักผ่อน ตอนออกเดินทางพรุ่งนี้ฉันค่อยมาส่งเธอ”

บอกแล้วว่าอยู่นานไม่ได้ แต่เขาก็หยุดอยู่ที่ห้องของฉินซีมาครึ่งชั่วโมงแล้ว

ถ้ายังอยู่ต่อไป ทางฝั่งจ้านเซินก็จะสังเกตเห็นเข้า

ฉินซีพยักหน้า “โอเค นายกลับไปก่อนเถอะ”

อันที่จริง ฉินซีไม่ได้จำเป็นต้องให้เหยาจ้าวมาส่งเธอ แต่เธอต้องรับข่าวของลู่เซิ่นจากเหยาจ้าว จะได้รู้ว่าจากนี้พวกเขาจะจัดการยังไง

จ้านเซินเฝ้าดูฉินซีใกล้ชิดเกินไป ตอนนี้แม้แต่มือถือเธอก็ไม่มี

ฉินซีมองส่งเหยาจ้าวจากไป มองกระเป๋าเดินทางที่จัดเก็บไปได้ครึ่งหนึ่ง มุมปากก็โค้งขึ้น เผยรอยยิ้มหวาน หัวใจพองโตอย่างมีความสุข

แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้เจอลู่เซิ่น แต่เมื่อคิดว่าลู่เซิ่นกำลังคิดถึงตนอยู่จากที่ไกลๆ เธอก็รู้สึกมีความสุข

ขอแค่ลู่เซิ่นพยายามที่จะเข้าใกล้เธอ ฉินซีก็รู้สึกว่าสิ่งที่ตนทุ่มเทไปนั้นมันคุ้มค่า

“เลิกคิดได้แล้ว รีบเก็บของแล้วนอนดีกว่า”

ฉินซีตบแก้มเบาๆ บังคับให้ตัวเองสงบลง

ยังรู้สึกร้อนนิดหน่อย ฉินซีจึงไปล้างหน้าอีกรอบ ถึงเย็นสบายขึ้นไม่น้อย

เธอออกไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ต้องไปสามวัน

วันแรกแสร้งปลอมเป็นผู้จัดการบริษัท ไปทำตัวใกล้ชิดกับเจ้าของงานเลี้ยง จากนั้นงานเลี้ยงจะจัดขึ้นในคืนวันที่สอง ก่อนหน้านั้นฉินซียังมีภารกิจที่ต้องทำอีกมาก ที่สำคัญที่สุดคือหาจุดที่ชัดเจน สะดวกในการปฏิบัติการ แล้วเจ้าของงานในครั้งนี้ ก็คือเป้าหมายในภารกิจของเธอ

ฉินซีทิ้งตัวลงบนเตียง บังคับตาให้ปิดลง แล้วเข้าสู่การนอนหลับ

……

อีกด้านหนึ่ง

เหยาจ้าวเอาคำพูดเดิมของฉินซี มาถ่ายทอดสู่โจวเอ้อ

หลังจากโจวเอ้อได้รับข่าวสารจากเหยาจ้าวแล้ว ก็รีบร้อนไปถึงห้องผู้ป่วยของลู่เซิ่น

เขาเอาคำพูดของฉินซีมาบอกลู่เซิ่น อย่างอดรนทนไม่ไหว

“เยี่ยมเลย ลู่เซิ่น มีข่าวแล้ว”

ในใจโจวเอ้อมีความสุขแทนทั้งสองคน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท