Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1434

ตอนที่ 1434

ความต้องการของลู่เซิ่น ทำให้ฉินซีสับสน

หัวใจเต้นอย่างรุนแรง ฉินซีอยู่ในความตื่นตระหนก

ฉินซีเองก็อยากเจอลู่เซิ่นมาก แต่เธอไม่กล้าพูดเรื่องนี้มาโดยตลอด

ฉินซีกังวลว่าหลังจากตนพูดไปแล้ว ความคิดถึงจะท่วมล้นจนเป็นหายนะ

ความคิดนี้ไม่อาจหยุดยั้งได้อีกต่อไป

เธอพยายามข่มอารมณ์ของตัวเอง บังคับให้ตัวเองใจเย็นลง

ถึงกระนั้น ตอนนี้ลู่เซิ่นกลับกลายเป็นคนที่ไม่ใจเย็น

เหยาจ้าวฟังความสั่นเคลือในน้ำเสียงของเธอออก มองไปท่าทีของเธอที่ปรารถนาจะได้เจอลู่เซิ่น แต่ก็ไม่กล้า ก็ปวดใจมาก “ลูเซิ่นบอกว่า เขาจะยืนอยู่จุดที่ไม่มีใครพบเห็น มองเธอซักแวบนึง ก็จะไป”

ทีแรกเหยาจ้าวก็ไม่อาจเข้าใจได้ ว่าทำไมฉินซีต้องจ่ายเพื่อความรักมากมายขนาดนั้น

เหยาจ้าวอยากที่จะออกจากองค์กร เพียงแค่เพราะต้องการอิสระ

แม้ว่าเขาจะมีอายุมากกว่าฉินซี แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยมีความรัก

เหยาจ้าวไม่รู้ว่าความรักมีรสชาติแบบไหน ยิ่งไม่รู้เลยว่าเมื่อคนสองคนมีความห่วงใยซึ่งกันและกันแล้ว จะสามารถทำเรื่องที่สะเทือนฟ้าดินขนาดไหนได้

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ประสบกับความยากลำบากของความรักและความน่าประทับใจของความรัก

ถ้าเป็นเขา หลังจากผ่านเรื่องยากลำบากมามากมายขนาดนั้น ก็อาจจะยอมแพ้ไปนานแล้ว

เหยาจ้าวรู้สึกว่า ใช้ชีวิตคนเดียว ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร

ยี่สิบกว่าปีก่อนหน้านี้ พวกเขาก็มีชีวิตที่สวยงามไม่ใช่หรอ?

ทำไมต้องให้คนที่จู่ๆก็โผล่มา มาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเดิมของตน

แต่ว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เหยาจ้าวเห็นฉินซีกับลู่เซิ่นพยายามอย่างไม่หยุดหย่อน เพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกัน ในใจก็สับสน

เขาก็เป็นเหมือนกับฉินซี ไม่มีครอบครัวแล้ว

บนโลกใบนี้ ไม่มีใครจะมาสนใจเขาอีกแล้ว

ถ้ามีวันหนึ่ง เขาเสียชีวิตกะทันหัน ก็อาจจะไม่มีใครรับรู้เลย

แล้วยังไม่มีใครถือช่อดอกลิลลี่ไปกราบไหว้เขาที่สุสาน ในช่วงเทศกาลเช็งเม้ง

แต่สำหรับฉินซีนั้นไม่เหมือนกัน เธอมีคนรักใคร่ มีคนห่วงใย มีคนทะนุถนอม

ต่อให้วันไหนเกิดเรื่องขึ้นกับฉินซี จากโลกนี้ไปแล้ว แต่เธอก็จะยังมีชีวิตอยู่ในหัวใจของลู่เซิ่นไปตลอด

จนถึงตอนนี้ เหยาจ้าวถึงพบว่า ตนเองนั้นเดียวดายมาก

ฉินซีได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็ขมวดคิ้ว

เธอพิจารณาเล็กน้อย เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ “นายคิดว่าลู่เซิ่นทำแบบนี้ได้ไหม?”

พูดตามตรง ฉินซีอยากเจอลู่เซิ่นมากจริงๆ แต่เธอกลัวว่าเพราะผลกระทบจากอารมณ์ของตนเอง หัวร้อน แล้วตัดสินใจผิดพลาดไป

ดังนั้นฉินซีไม่กล้าตอบในทันที เธออยากถามความเห็นของเหยาจ้าว

คนนอกมักจะมองปัญหาได้ชัดเจนกว่า ตอนนี้อยู่ในองค์กร ฉินซีกล้าเชื่อใจเพียงแค่เหยาจ้าว

เหยาจ้าวมองความกังวลขอองเธอออก ถอนหายใจยาว “เธออยากเจอเขามากใช่ไหม?”

เขาถามออกมาตรงๆ แววตาเผยแสงที่ลึกซึ้ง

“อืม”

ฉินซีพยักหน้า ฟันกัดริมฝีปากล่างแน่น

เธออยากเจอลู่เซิ่นจริงๆ ทั้งๆที่แยกจากกันมาสี่สิบห้าวัน ฉินซีกลับรู้สึกเหมือนเป็นเวลาหลายปีแล้ว

ช่วงนี้เวลาที่ฉินซีนอน มักจะฝันถึงลู่เซิ่นในฝัน ฝันถึงภาพที่เธอออกจากองค์กร

เหยาจ้าวก้าวไปข้างหน้าสองก้าว มือใหญ่เรียวยาววางลงบนไหล่ที่บอบบางของเธอ

เดิมทีเขาคิดที่จะพูดเกลี้ยกล่อมฉินซี ให้เธอใจเย็นลงหน่อย ข่มอารมณ์ของตัวเองไว้ อย่าหุนหันพลันแล่น หลีกเลี่ยงการละทิ้งความพยายามที่ผ่านมา

ทนมาได้นานขนาดนี้แล้ว ทนต่ออีกหน่อยจะเป็นไรไป

แต่ในตอนที่มือของเหยาจ้าวสัมผัสกับร่างที่ผอมบางของฉินซี ความคิดในใจก็เปลี่ยนไปทันที

แม้ว่าฉินซีจะมีความสามารถมากกว่าผู้หญิงทั่วไป แต่เธอก็เป็นเพียงเด็กสาวที่พึ่งจะอายุยี่สิบสี่ปี

เด็กสาวที่มีอายุเท่าเธอหลายคน ล้วนกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย

แต่ฉินซีกลับต้องแบกรับมากมาย กับสิ่งที่คนอายุเท่าเธอไม่ควรต้องมาแบกรับ

ในฐานะลูกผู้พี่ของฉินซี เหยาจ้าวรู้สึกรับไม่ได้

คนทั่วไปมีความรักกันอย่างง่ายดาย พอมาถึงฉินซี แม้แต่ความปรารถนาเล็กๆที่เรียบง่ายที่สุดก็กลายเป็นซับซ้อนแบบนี้

เหยาจ้าวไม่อยากกดดันเธออีก ดังนั้นจึงตัดสินใจว่าในครั้งนี้ จะทำตามความปรารถนาของเธอ “ลองดูสิ ถ้าเกิดทำได้ ให้พวกเธอสองคนได้เจอกันจากที่ไกลๆ ขอแค่ไม่ถูกจ้านเซินรู้เข้า ฉันคิดว่าก็ทำได้นะ”

เขาไม่อยากเห็นท่าทางที่สับสนเพราะความรู้สึกของฉินซี ตัดสินใจลองดู

ฉินซีเดิมทีไม่ได้คาดหวังมากนัก

เหยาจ้าวในฐานะแพทย์ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ต้องมีสติสัมปชัญญะ

ฉินซีคิดอย่างแน่นอนว่า ในตอนที่เธอถามอย่างนั้นออกไป เหยาจ้าวก็จะคัดค้านเธอในทันที แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเหยาจ้าวจะยอมรับ

ดวงตาสีอำพันเผยความประหลาดใจ ถ้ามองอย่างละเอียด ก็จะสามารถมองเห็นความดีใจและความคาดหวังด้วย

“จริงหรอ?”

ฉินซีเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือ เธอคว้าข้อมือของเหยาจ้าวไว้

ฉินซีในตอนนี้ ราวกับเด็กสาวที่ไม่มีกระดูกสันหลัง

มองดูท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อของฉินซี เหยาจ้าวก็ยิ้มแล้วพยักหน้า “จริงสิ”

เหยาจ้าวดึงฉินซีเข้ามาในอ้อมแขน ลูบหลังของเธออย่างอ่อนโยน พูดเสียงเบา “ฉินซี เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ อย่าไปกลัว ฉันจะปกป้องเธอเอง”

แม้ว่าเขากับฉินซีพึ่งจะรู้จักกันตอนมาอยู่ในองค์กร แต่สายสัมพันธ์ทางสายเลือด ได้ฝังลึกลงไปในกระดูกแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง ก็ไม่อาจกำจัดมันได้

หลังจากที่เหยาจ้าวกับฉินซีได้พบกันแล้ว ปัจจัยที่ซ่อนอยู่ในกระดูก ก็เริ่มขยายตัวอย่างไม่สิ้นสุด

ทุกครั้งที่เห็นฉินซีเป็นทุกข์ เหยาจ้าวก็จะรู้สึกเจ็บปวด

ปีนั้นฉินซีตกไปสู่จุดที่น่าสังเวช เหยาจ้าวไม่รู้เรื่อง ไม่อาจยื่นมือไปช่วยเหลือ

ตอนนี้เขาอยู่ข้างกายฉินซีแล้ว ฉินซีตกที่นั่งลำบาก เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องกำจัดอุปสรรคที่ขวางหน้าอย่างสุดกำลัง ให้ฉินซีสามารถเดินได้อย่างราบรื่น

ฉินซีถูกเขากอดแน่นไว้ในอ้อมแขน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าทั้งตัวถูกห่อหุ้มไปด้วยความอบอุ่น

เธออดทนต่อความกลัวอยู่ในองค์กรมาหลายวัน ทุกวันแสร้งทำเป็นเข้มแข็งการเสแสร้งของเธอเกือบจะหลอกตัวเองได้แล้ว แต่กลับหลอกสายตาของเหยาจ้าวไม่ได้

ในเวลานี้ จู่ๆฉินซีก็รู้สึก ว่าโลกสว่างสดใสขึ้นมา

สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจางๆของไม้จันทร์บนตัวเหยาจ้าว ฉินซีก็หลับตาลงช้าๆ

เบ้าตาเธอแดงเล็กน้อย น้ำตาเอ่ออยู่ในดวงตา

ฉินซีมีความสุขมากจริงๆ ที่เธอมีลูกพี่ลูกน้องที่เข้าใจคนอื่นอย่างเหยาจ้าว

เธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล พูดอย่างซาบซึ้งใจ “พี่ ขอบคุณนะ พี่ดีกับฉันมากจริงๆ”

ฉินซีโชคดีมาก ที่ข้างกายเธอมีคนกลุ่มนี้ เพื่อความสุขของเธอแล้ว ยอมทุ่มเทไม่หยุด พยายามไม่หยุด

เธอเองก็จะยืนหยัดต่อไป ไม่ให้คนเหล่านี้ที่ดีต่อเธอต้องผิดหวัง

หลังจากฉินซีออกไปได้แล้ว เธอจะต้องตอบแทนพวกเขาอย่างแน่นอน เรื่องที่จะทำอย่างแรก ก็คือช่วยลูกผู้พี่ของเธอที่ยังติดอยู่ในองค์กรไม่สามารถหลบหนีได้ออกมา

เธอจะเจรจากับจ้านเซิน จนกว่าเขาจะตกลง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท